ThaiPublica > เกาะกระแส > แสวงหายาอายุวัฒนะ

แสวงหายาอายุวัฒนะ

29 มีนาคม 2018


วรากรณ์ สามโกเศศ

มนุษย์ปรารถนาจะมีอายุยืนยาวโดยพอจะรู้ว่าต้องดำรงชีวิตอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่อาจทำได้เพราะพลังจากนิสัยความเคยชินและรสนิยมในการบริโภคของต้องห้ามนั้นแรงมาก ในปัจจุบันมนุษย์จึงแสวงหายาอายุวัฒนะที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน มนุษย์จะสามารถเอาชนะชะตากรรมแห่งความเสื่อมของร่างกายหรือไม่เป็นเรื่องที่น่าติดตาม

ปัจจุบันอายุขัยเฉลี่ยของชาวโลกอยู่ที่ 71.4 ปี ซึ่งหมายความว่าบางแห่งสมาชิกมีอายุขัยต่ำกว่านี้ และบางแห่งสูงกว่านี้ มีอยู่ 5 แห่งในโลกที่เป็นแหล่งของผู้มีอายุยืนและอยู่อย่างมีสุขภาพดีอีกด้วยตามข้อมูลจากหนังสือชื่อ The Blue Zone Solution (2015) โดย Dan Buettner

แห่งแรก คือ เมือง Sadinia ในอิตาลี มีสัดส่วนของชายที่อายุเกินกว่า 100 สูงที่สุดในโลก อาหารส่วนใหญ่มีพืชผักเป็นหลัก ออกกำลัง และมีความใกล้ชิดอบอุ่นของครอบครัว

คนเหล่านี้มีอาชีพเลี้ยงแกะ วันหนึ่งๆ เดินไม่ต่ำกว่า 8 กิโลเมตร ที่น่าสังเกตก็คือชายที่มีลูกสาวดูแลเป็นอย่างดี (ไม่ใช่ภรรยาเพราะอาจแก่เท่าเทียมกันจนดูไม่ไหว) มักมีชีวิตยืนยาวกว่าเพื่อนบ้าน

นักวิทยาศาสตร์พบว่าคนในบริเวณนี้มียีนส์ตัวที่มีชื่อว่า M26 ซึ่งโยงใยกับการมีชีวิตยืนยาวถ่ายทอดกันลงมาจากบรรพบุรุษ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มีการผสมกันอย่างเหมาะเจาะระหว่างยีนส์ที่ดี อาหารที่เหมาะสม การออกกำลัง และความสุขทางใจ

แห่งที่สอง คือ เกาะ Okinawa ญี่ปุ่น ความผูกพันช่วยเหลือกันอย่างใกล้ชิดเป็นวัฒนธรรมเด่นของชาวเกาะนี้ เครือข่ายเล็กๆ ที่ถักทอกันอย่างอบอุ่นที่เรียกกันว่า Moai ให้กำลังใจสนับสนุนกันตลอดชีวิตจนช่วยลดความเครียด และร่วมกันสร้างนิสัยดูแลสุขภาพที่เหมาะสม สิ่งที่เกิดตามมาก็คือผู้หญิงมีอายุยืนที่สุดในโลก จำนวนไม่น้อยมีอายุเกินกว่า 100 ปี

แห่งที่สาม คือ เมือง Nicoya ประเทศคอสตาริกา คนที่นี่หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง และบริโภคถั่ว ข้าวโพด และผัก ตลอดจนผลไม้ การบริโภคพืชผักที่อุดมด้วยสารอาหารครบหมู่และการออกกำลังกลางแจ้งทำให้มีร่างกายแข็งแรง กอปรกับชาวเมืองนี้มีอุดมการณ์ในการดำเนินชีวิตที่แข็งขันทำให้มีสุขภาพทั้งกายและใจดีจนส่วนใหญ่มีอายุ 90 ปี ขึ้นไป

แห่งที่สี่ เมือง Loma Linda รัฐแคลิฟอเนียร์ เมืองนี้เป็น “เมืองหลวง” ของศาสนาคริสต์นิกาย The Seventh-day Adventist การมีหลักการดำเนินชีวิตซึ่งเน้นชุมชนตามศาสนา ทำให้ชาวเมืองนี้มีชีวิตยืนยาวกว่าคนอเมริกันทั่วไปประมาณ 10 ปี หลายคนในเมืองนี้ไม่บริโภคเนื้อ แต่กินพืชผักและธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อยและถั่วเป็นหลัก

แห่งที่ห้า คือ เมือง Ikaria ประเทศกรีก ความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการเป็นชาวเกาะ Ikaria ทำให้ชาวเมืองนี้พร้อมใจที่จะลงทุนให้กับชุมชน การนอนดึกโดยทดแทนด้วยการนอนกลางวัน และการบริโภคอาหารที่เรียกว่า Mediterranean (ผักผลไม้ปริมาณมาก ถั่ว ธัญพืชที่ผ่านกระบวนการขัดสีน้อยมันฝรั่ง และน้ำมันมะกอก) อย่างเคร่งครัด ทำให้หนึ่งในสามของชาว Ikaria มีชีวิตอยู่ในวัย 90 ปี และส่วนใหญ่ปลอดภัยจากโรคอัลไซเมอร์และการเจ็บป่วยเรื้อรัง

กล่าวโดยสรุปก็คือ คนอายุยืนมีสาเหตุจากอาหารที่บริโภค ความผูกพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่น ความสุขทางจิตใจอันโยงใยกับศาสนา การปลอดจากความเครียด การมีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และอาจมียีนส์อันเหมาะสมประกอบด้วย

สำหรับคนใจร้อนที่ต้องการอยู่นานๆ แก่อย่างช้าๆ อย่างมีสุขภาพดีโดยไม่ต้องทำตัวเหมือนคนเหล่านี้ บัดนี้นักวิทยาศาสตร์ได้พบสารตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) โดยระบุว่าเป็นสิ่งที่ใกล้ที่สุดของการเป็นยาอายุวัฒนะที่มนุษย์แสวงหากันมายาวนานในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ นักวิจัยคนสำคัญคือ David Sinclair แห่ง Paul F. Glenn Center for The Biology of Aging ที่ Harvard Medical School

Sinclair บอกว่า NAD+ เป็นหนึ่งในโมเลกุลที่สำคัญที่สุดที่จะให้ชีวิตดำรงอยู่ ถ้าขาดมันมนุษย์จะตายใน 30 วินาที NAD+ เป็นโมเลกุลที่พบในเซลล์ที่มีชีวิตและสำคัญอย่างยิ่งในการกำกับควบคุมความแก่ของเซลล์ และดูแลให้ร่างกายทั้งหมดทำงานอย่างเป็นปกติ

เมื่อมีอายุมากขึ้น ปริมาณ NAD+ ในร่างกายมนุษย์และสัตว์จะลดลงอย่างมากเป็นลำดับ เขาพบว่าหากเพิ่มปริมาณ NAD+ ในหนูที่มีอายุมากก็จะทำให้มันเป็นหนุ่มขึ้นและมีชีวิตยืนยาวกว่าที่คาดไว้

วารสาร Science ฉบับมีนาคม 2017 พิมพ์เรื่องราวของ Sinclair และทีมงานที่ใส่บางหยดของสารเหลวที่เพิ่ม NAD+ ลงในน้ำให้หนูกลุ่มหนึ่งกิน ภายใน 2 ชั่วโมงระดับ NAD+ ในหนูสูงขึ้นอย่างมาก และภายในหนึ่งอาทิตย์สัญญาณของความแก่ดังปรากฏในเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อของหนูแก่กลับสภาพไปถึงจุดที่ผู้วิจัยไม่สามารถบอกข้อแตกต่างระหว่างเนื้อเยื่อของหนูอายุ 2 ปี กับหนูอายุ 4 เดือน ได้

บัดนี้ นักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งได้ทดลองกับมนุษย์โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเดาสุ่มและรายงานผลในวารสาร Nature ฉบับพฤศจิกายน 2017 ว่าคนที่กินอาหารเสริมที่มี NAD+ ทุกวันนั้นทำให้มีระดับ NAD+ ในร่างกายสูงได้อย่างสม่ำเสมอติดต่อกันเป็นเวลาถึง 2 เดือน

ตัว Sinclair เองก็ทดลองกินอาหารเสริมทุกวันเพื่อเพิ่มระดับ NAD+ และพบว่าไม่มีอาการเมาค้าง หรือ jet lag จากการเดินทางดังที่เคยเป็น เขาพูดเร็วขึ้นและรู้สึกหนุ่มขึ้น พ่อของเขาที่อายุ 78 ก็ทดลองกินเช่นเดียวกันและรู้สึกหนุ่มขึ้นจนเดินป่าเขาอาทิตย์ละ 6 วัน และเดินทางไปทั่วโลก ขณะนี้เขากำลังขออนุมัติ FDA (U.S. Food and Drug Administration) ทำวิจัยในมนุษย์อย่างกว้างขวางขึ้น และจะผลิตเป็นเม็ดขายโดยอยู่ในรูปอาหารเสริม

Sinclair มีคู่แข่งในเรื่อง NAD+ เพราะมีผู้ผลิตอาหารเสริมชื่อ Basis เพื่อช่วยยกระดับ NAD+ ออกมาขายแล้วโดยมีผู้อำนวยการสถาบันชื่อเดียวกันแต่อยู่ที่ MIT เป็นผู้ผลิตและมีนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลหลายคนเป็นที่ปรึกษาสนับสนุนจนมีผู้วิจารณ์บริษัท Elysium ผู้ผลิต Basis ว่าไม่เหมาะสมเพราะยังไม่มีงานวิจัยพิสูจน์ว่าได้ผลในมนุษย์อย่างเด่นชัด

NAD+ เป็นที่น่าสนใจของนักวิชาการมากในปัจจุบันเพราะดูจะมีความเป็นไปได้พอควรและไม่เป็นสารที่ FDA จัดว่าเป็นอันตราย NAD+ เป็นสารสังเคราะห์จากสารสกัดจากยีสต์และแบคทีเรียพิเศษบางตัว

ระหว่างรอคอยผลงานวิจัย NAD+ กับมนุษย์ ก็ต้องระวังการโฆษณาสรรพคุณเกินความจริงเพราะจะถูกหลอกให้เสียเงินก่อนเวลาอันควร NAD+ เป็นยาอายุวัฒนะจริงหรือไม่ อดใจอีกไม่นานก็คงรู้กัน

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ “อาหารสมอง” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 13 มี.ค. 2561