ThaiPublica > Native Ad > Advertorial > “ESG100” กับ 7 ทศวรรษ “นำสินประกันภัย” องค์กรธุรกิจวิถียั่งยืน

“ESG100” กับ 7 ทศวรรษ “นำสินประกันภัย” องค์กรธุรกิจวิถียั่งยืน

11 ธันวาคม 2017


“วรวัจน์ เจริญชัยพงศ์” กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน)

ในปี 2561 นำสินประกันภัย จะดำเนินธุรกิจครบ 70 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานกว่า 7 ทศวรรษ สิ่งที่ทำให้นำสินยืนหยัดอยู่ในธุรกิจประกันวินาศภัยได้อย่างยาวนาน นอกเหนือจากการบริหารจัดการที่ดีแล้ว หลักคิดในเรื่องความยั่งยืนก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สอดคล้องกับการที่นำสินประกันภัยได้รับการจัดเรทติ้ง ESG100 ซึ่งครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance) ที่สถาบันไทยพัฒน์ได้ริเริ่มดำเนินการจัดเรทติ้งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินงานดี มีผลกำไร มีการบริหารจัดการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล เป็นปีที่ 3 แล้ว ซึ่งนำสินประกันภัยติด 1 ใน 100 ต่อเนื่องมาตลอด 3 ปี

ปัจจัยที่ทำให้ “นำสิน” ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่ม 100 อันดับหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ ESG100 มาจากการดำเนินงานของบริษัทที่ยึดมั่นตามปรัชญาในการทำธุรกิจที่วางไว้ว่า “มั่นคงในสัญญา ซื่อตรงในบริการ” ตามคำบอกเล่าของ“วรวัจน์ เจริญชัยพงศ์” กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ย้ำว่าปรัชญาคือสิ่งยืนยันความจริงใจในบริการที่นำสินใช้มาตลอด นั่นหมายความว่าการที่นำสินขายสัญญากรมธรรม์ประกันภัยใดๆ ออกไปก็ต้องซื่อตรงในสัญญาฉบับนั้น และบอกลูกค้าเสมอว่า… “You can always expect fair deal from us ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเราจะปฏิบัติตามทุกคำมั่นสัญญาอย่างเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบแน่นอนไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”

“สิ่งแวดล้อม” เป็นภารกิจที่องค์กรต้องดูแล

ปรัชญาที่ชัดเจนควบคู่การบริหารกิจการที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม คือจุดเด่นของนำสินประกันภัยที่ทำให้ได้รับการจัดเรทติ้งเป็น 1 ใน ESG100 ต่อเนื่องกันมาตลอดทั้ง 3 ปี ซึ่งนอกจากความซื่อตรงในบริการแล้ว นำสินยังได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ตอบโจทย์เรื่อง ESG ได้อย่างครอบคลุม เริ่มจาก ESG ตัวแรก คือ E ซึ่งหมายถึง Environmental ด้านสิ่งแวดล้อม “นำสิน” ให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก แม้นำสินประกันภัยจะไม่ใช่กิจการที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากนัก แต่เราก็ตระหนักว่าสิ่งใดที่เราช่วยประหยัดได้เราก็จะลงมือทำ เช่น อาคารสำนักงานของ “นำสิน” ปัจจุบันเข้าร่วมโครงการ อาคารประหยัดพลังงานของกระทรวงพลังงาน มีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่างให้ประหยัดพลังงาน ล่าสุดคือนโยบายเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอด LED ทั้งอาคาร รวมถึงการตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ

นอกจากนี้ยังมีแผนลดการใช้กระดาษที่ใช้พิมพ์กรมธรรม์ โดยกำลังศึกษาเตรียมเปลี่ยนเป็น e-Policy เพื่อลดการใช้กระดาษ เพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะใช้ในเร็วๆ นี้ อีกสิ่งที่ “นำสิน” ดำเนินการในปัจจุบัน คือ การจ่ายค่าสินไหม ซึ่งเน้นการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับคู่ค้า ลดการใช้กระดาษได้อีกวิธีหนึ่ง ส่วนลูกค้าผู้เสียหายอื่นๆ ถ้าไม่สะดวกโอนเงิน ทางบริษัทจึงจะจ่ายเช็คให้ และลูกค้าบางรายที่มีธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทางบริษัทก็กำลังมีแนวคิดว่าจะจัดเงื่อนไขพิเศษให้ลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย

บริหารธุรกิจเคียงคู่ดูแลสังคม

ในด้านสังคม หรือ Social (S) ผู้บริหารนำสินกล่าวง่า บริษัทมีความเชื่อเรื่องการให้ “ในเมื่อสังคมให้เรา เราพยายามให้กลับสู่สังคมในส่วนที่เราพอทำได้ เช่น เวลาเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ หรือ ภัยพิบัติใดๆ ก็ตาม ที่ทางเราพอจะช่วยได้ ก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยทุกครั้ง เช่น ล่าสุดน้ำท่วมกรุงเทพฯ เราได้ร่วมบริจาคน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือช่วงปีใหม่ สงกรานต์ เจ้าหน้าที่ต้องมาทำงาน เราก็จะบริจาคสิ่งของไปช่วย เช่น น้ำดื่ม หมวกกันน็อก เสื้อสะท้อนแสง อะไรที่พอช่วยได้ก็ร่วมด้วยช่วยกันมาตลอด ”

ส่วนการทำซีเอสอาร์ในขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ (CSR in Process) นำสินประกันภัยมีการจัดทำโครงการ Loss Prevention หรือการป้องกันความสูญเสีย โดยร่วมทำโครงการนี้กับลูกค้าทั้งที่มุ่งหวังและไม่มุ่งหวัง สนับสนุนการลดอุบัติเหตุ เช่น จัดอบรมผู้ขับขี่ให้รู้วิธีปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากพอร์ตของนำสินส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุก รถเพื่อการพาณิชย์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุส่วนมากจะเป็นอุบัติเหตุใหญ่ มีผู้เกี่ยวข้องมีผู้เสียหายหลายราย สิ่งหนึ่งที่ทำได้คือช่วยป้องกันอุบัติเหตุ โดยเข้าไปจัดอบรมพนักงานขับรถ ให้ความรู้ในเรื่องความปลอดภัย โดยจัดกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การพิจารณาสินไหมทดแทน ทางบริษัทค่อนข้างยืดหยุ่น แต่ก็ต้องคำนึงถึงความถูกต้องมาก่อน และเมื่อพิจารณาแล้วลูกค้าไม่สบายใจ เราก็ยอมรับฟังช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ยินดีอะลุ่มอล่วยให้

เน้นหลักธรรมาภิบาลบริหารองค์กรโปร่งใส

ด้านธรรมาภิบาล หรือ Governance (G) นำสินประกันภัยให้ความสำคัญมากที่สุด ล่าสุดได้เข้าร่วมกับกลุ่ม CAC หรือ Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption เพื่อยืนยันว่าการทำธุรกิจของ “นำสิน” จะไม่มีการคอร์รัปชัน สร้างความมั่นใจต่อลูกค้าและคู่ค้าว่าเราทำทุกอย่างโปร่งใส เพราะเชื่อในคำกล่าวที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน”

กรรมการบริษัท ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการบริหารงานแบบมืออาชีพ มีคณะกรรมการอิสระ และคณะอนุกรรมการหลายคณะ มีผู้ตรวจสอบทั้งภายในและภายนอกเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท และ “นำสิน” ยังได้รางวัลจากองค์กรชั้นแนวหน้าของประเทศหลายรางวัล เป็นสิ่งยืนยันการบริหารงาน เช่น รางวัลผู้บริหารสูงสุดดีเด่น ประจำปี 2557 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, รางวัลบรรษัทภิบาลดีเด่น ประจำปี 2559 จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นอกจากนี้ นำสิน เติบโตมาพร้อมๆ กับลูกค้าตั้งแต่ลูกค้ามีรถ 10 คันจนกระทั่งมีรถ 1,000 คันก็ยังทำประกันอยู่กับบริษัท

“ESG100 ทำให้นักลงทุนสนใจบริษัทนำสินประกันภัย มากขึ้น และบริษัทเองก็เข้าไปลงทุนในบริษัทที่มี ESG100 เช่นเดียวกัน เพราะต้องการสนับสนุนส่งเสริมกิจการหรือบริษัทที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคมและมีธรรมาภิบาลเช่นกัน ตั้งแต่เราได้รับการจัดเรทติ้ง ESG100 ต่อเนื่องมา 3 ปี ราคาหลักทรัพย์เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และปีที่ผ่านมาบริษัทติดอันดับ 1 ใน 5 หลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลสูงถึง 9 บาทกว่า”

นอกจากนี้เราอยู่ในประเทศไทยต้องมีการบริหารแบบเข้าใจคนไทย แต่หลักคือการบริหารแบบสากล มีมาตรฐานตามที่รัฐบาลกำหนด” ผู้บริหารนำสินกล่าว และผลประกอบการ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 นำสินทำกำไรได้ 124 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 45.7%

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร “นำสิน” ย้ำว่า การดำเนินธุรกิจนำสินให้ความสำคัญไม่เฉพาะแต่ผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้น แต่คำนึงไปถึงทุกผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) ทุกภาคส่วน แน่นอนลูกค้าย่อมมาก่อน ตามด้วยพนักงาน ผู้ถือหุ้น และรวมไปถึงรัฐบาล สรรพากร ชุมชน สิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญทั้งหมด ทำให้ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทประกันภัยคนไทย ที่ดำเนินธุรกิจด้วยความมั่นคง ยั่งยืนต่อเนื่องมายาวนานร่วม 70 ปี นับเป็นองค์กรธุรกิจวิถียั่งยืนที่มีผลงานทั้งทางด้านผลตอบแทนทางธุรกิจ ผลตอบแทนทางสังคม และสิ่งแวดล้อมครบครัน ภายใต้การบริหารที่มีธรรมาภิบาล ตามแบบฉบับสากล