เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2560 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวผู้ผ่านการคัดเลือกโครงการ “Bangkok Bank InnoHub” ซึ่งเป็นโครงการเฟ้นหา Startup ด้านเทคโนโลยีการเงินหรือ FinTech เข้าร่วมพัฒนาแนวคิดและโครงการกับธนาคารระยะเวลา 12 สัปดาห์ เพื่อนำเสนอโครงการต่อธนาคาร รวมไปถึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติในเดือนกันยายน โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 8 ราย จากผู้สมัครทั้งหมด 119 รายจาก 32 ประเทศ
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (มหาชน) ได้กล่าวว่านับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของ ‘Bangkok Bank InnoHub’ โครงการที่ธนาคารกรุงเทพได้ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นในการสานต่อนโยบายร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนการพัฒนาบริษัทสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค(FinTech : Financial Technology) ที่จะเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและธุรกิจการเงินในอนาคตของไทย รวมถึงความสำคัญต่อการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานด้านดิจิทัล ในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คิดค้นและสร้างสรรค์บริการทางการเงินอย่างเป็นรูปธรรมของธนาคารให้ดียิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากการระดมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาร่วมสร้างและจัดตั้งทีมฟินเทค ในการวางกลยุทธ์และกำหนดทิศทางธุรกิจในหลายด้านเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารจะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมและพร้อมรับมือกับความท้าทายจากเทคโนโลยีทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ ‘เนสท์’ ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในนวัตกรรมและพัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัพชั้นนำระดับโลก ประสบความสำเร็จในการสรรหา 8 สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับเวิลด์คลาส จาก 32 ประเทศทั่วโลก
“จำนวนบริษัทที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ทั้งจากยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เอเชีย รวมถึงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ธนาคารเชื่อว่า Bangkok Bank InnoHub จะสามารถเชื่อมโยงและสนองตอบนโยบายพัฒนาประเทศ 4.0 ของรัฐบาลในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่เน้นการให้บริการ อีกทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและร่วมผลักดันระบบ ecosystem ของประเทศไทย เพื่อมอบโอกาสให้สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคในประเทศได้ขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้กับสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับโลกสามารถสร้างเครือข่าย และความร่วมมือกับชุมชนฟินเทคในประเทศไทยและอาเซียนอีกทางหนึ่ง”
มร. ลอร์เรนซ์ มอร์แกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนสท์ ที่ประสบความสำเร็จด้านการจัดโครงการสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคให้กับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ทั่วโลก เปิดเผยว่า โครงการ Bangkok Bank InnoHub มีจุดเด่นที่เปิดรับสตาร์ทอัพหน้าใหม่ทั้งจากประเทศไทยและทั่วโลก ดังนั้น หลักสูตรอบรมเข้มข้นของ Bangkok Bank InnoHub จึงได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระดับสากล ให้มีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะ อาทิ เมนเทอร์สตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในธุรกิจไทยและทั่วโลกมาเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด ให้คำปรึกษา ช่วยวางกลยุทธ์ และช่วยให้ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการ
“FinTech เป็นคำที่แปลก แม้แต่เนสท์ที่ทำงานอยู่ภายในธุรกิจการเงิน มันเป็นคำลอยๆ ที่ถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ เหมือนกับคำว่า BookTech ก่อนที่โลกจะมีเว็บไซต์อย่าง Amazon คำว่า FinTech ตอนนี้ที่ปรากฏในสาธารณะจึงเป็นคำที่ค่อนข้างนามธรรม จับต้องไม่ได้ และไม่เชื่อมโยงกับโลกของความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัททำสำเร็จผ่านโครงการนี้จะเป็นอะไรที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ และเชื่อมโยง ซึ่งช่วยเปลี่ยนชีวิตของผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงสินเชื่อ การให้คำแนะนำทางการเงิน ช่วยให้คนตัดสินใจลงทุนและออมได้ หรือความปลอดภัยที่ปกป้องเงินออมของคน Startup เหล่านี้กำลังจะมาช่วยเปลี่ยนอนาคตของการบริการการเงินได้
“InnoHub ไม่ใช่โครงการทางการตลาด เราไม่ได้จะมาเล่นเป็น Startup แต่เรามาด้วยเป้าหมายเดียวคือช่วยให้ Startup ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ นี่เป็นโครงการ FinTech แบบนานาชาติครั้งแรกและเป็นหลักหมุดสำคัญของการพัฒนาระบบการเงินไทย เป็นการเริ่มต้นของทางเลือกของไทย จะดึง Startup ระดับโลกเข้ามา สร้างฮับ FinTech ในไทยและอาเซียน ด้วยความมีเสถียรภาพของประเทศและตลาดภายในประเทศ” นายลอร์เรนซ์กล่าว
โครงการอบรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2560 ซึ่งสตาร์ทอัพทั้ง 8 ทีมจะได้รับการดูแลและร่วมทำงานกับผู้บริหารมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเงินของธนาคารกรุงเทพ อีกทั้งเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจที่มากด้วยประสบการณ์ และความสำเร็จจากการทำโครงการในลักษณะเดียวกันของเนสท์ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก จากนั้นในช่วงปลายเดือนกันยายน 2560 จะเป็นวัน Demo Day ที่เปิดเวทีให้สตาร์ทอัพทั้ง 8 นำเสนอแผนธุรกิจต่อกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบประเทศอาเซียน รวมถึงธนาคารกรุงเทพ และ บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเงินร่วมลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเน้นธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม รวมทั้งบริษัทสตาร์ทอัพ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะก้าวไปสู่การให้คำปรึกษาด้านการระดมเงินทุน และร่วมเป็นพันธมิตร
ดร. พนุกร จันทรประภาพ Vice President ฝ่ายการลงทุนธุรกิจ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมอบรมทั้ง 8 ทีม ประกอบด้วย ทีมผู้พัฒนาบริการด้าน Wealth Management 3 แห่ง ได้แก่ Bambu, Bento และ Canopy ประเทศสิงคโปร์ ด้าน Security ได้แก่ Covr Security ประเทศสวีเดน ด้าน Block chain ได้แก่ Everex ประเทศไทย ด้าน Lending ได้แก่ First Circle ประเทศฟิลิปปินส์ ด้าน P2P Invoice Trading ได้แก่ Invoice Interchange ประเทศสิงคโปร์ และด้าน Mutual Fund Investment ได้แก่ FundRadars ประเทศไทย
“ท่ามกลางภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่เปลี่ยนจากปลาใหญ่กินปลาเล็ก มาสู่การเป็นปลาเร็วกินปลาช้าในปัจจุบัน โครงการ Bangkok Bank InnoHub จึงต้องการค้นหา ‘Bluefin’ หรือสุดยอดปลาครีบน้ำเงิน ที่มีทั้งความเฉลียวฉลาด มุ่งมั่น และว่องไว ซึ่งเราก็ประสบความสำเร็จได้พบกับ 8 ทีมสุดยอดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ แข็งแรง และพร้อมจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยหัวใจสำคัญของโครงการนี้จะเน้นที่ ‘การเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน’ ซึ่งสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ย่อมมีความสามารถในการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง และโครงการนี้จะช่วยสนับสนุน และปลดล็อคขีดจำกัดทางธุรกิจให้สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” ดร. พนุกร กล่าว
โดยผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง 8 รายการ มีรายละเอียด และหน้าที่การทำงานดังนี้
1. Bambu
รายละเอียดธุรกิจ คือ ช่วยให้ลูกค้าออมเงินและลงทุนได้ง่ายและประหยัดมากกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถบริหารเงินด้วยประสิทธิภาพสูงขึ้น การบริการมีความโปร่งใส ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และให้บริการด้วย Digital Content ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยสามารถให้บริการได้ทั้งสถาบันการเงินและบริษัททั่วไป
2. Bento
รายละเอียดธุรกิจ คือ Bento ใช้ระบบสมองกลในการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินแก่บุคคลธรรมดาแล้วธุรกิจขนาดเล็กในลักษณะ B2B โดยให้คำแนะนำด้านการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าของบริษัท ซึ่งสามารถให้บริการแก่ลูกค้าในวงกว้างและได้ผลลัพธ์ที่ดี แพลตฟอร์มของ Bento สามารถรองรับการขยายฐานของลูกค้า โดยที่ลูกค้ายังสามารถปรับแต่งบริการให้ตรงตามความต้องการ และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล Bento ให้บริการผ่าน B2B Channels เพื่อให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้ในราคาที่คุ้มค่าแก่ธนาคาร บริษัทประกัน และ Wealth Manager
3. Invoiceinterchange
รายละเอียดธุรกิจ คือ Invoiceinterchange ตอบสนองธุรกิจที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน โดยการให้บริการ Marketplace ซื้อขายใบแจ้งหนี้นะหว่างบุคคล ซึ่งจะทำให้ SMEs สามารถเปิดประมูลใบแจ้งหนี้ระหว่างบุคล ซึ่งจะทำให้ SMEs สามารถเปิดประมูลใบแจ้งหนี้ของตนให้กับนักลงทุนเพื่อรับเงินสดโดยไม่ต้องรอเก็บเงินตามใบแจ้งหนี้ในอีก 90-120 วันข้างหน้า
Invoiceinterchange เพิ่มช่องทางใหม่ในการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนแก่ SMEs เพื่อให้ธุรกิจมีความยืดยุ่นในการบริหารเงินสด โดยกลไกการเปิดประมูลผ่าน Marketplace จะช่วยให้สามารถขายใบแจ้งหนี้ได้ในราคาที่ดีและค่าธรรมเนียมต่ำ
4. FundRadars
รายละเอียดธุรกิจ คือ บริษัท สยามสแควร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีการลงทุน เราพัฒนาแอปพลิเคชัน StockRadars เพื่อช่วยคุณในการตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 500,000 ครั้งในปัจจุบันล่าสุดเราได้ขยายการให้บริการของเราไปยังตลาดกองทุนรวม เพื่อช่วยคุณตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมได้ง่ายขึ้น
เรามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ เราคิดว่าปัจจัยสำคัญหนึ่ง คือการมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินคอยดูแลพอร์ตการลงทุนให้คุณ ซึ่งในส่วนนี้ทำให้กองทุนรวมเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ เราพัฒนา FundRadars เพื่อช่วยให้คุณค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในตลาดกองทุนรวม
5. Covr Security
รายละเอียดธุรกิจ คือ COVR Security นำเสนอบริการด้านความปลอดภัยของข้อมูลโทรศัพท์มือถือในรูปแบบของแอปพลิเคชัน โดยผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการข้อมูลส่วนตัวได้ตามที่ต้องการ บริการของ COVR ช่วยแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านความปลอดภัยบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบโทรศัพท์มือถือและการใช้งานโดยผู้ใช้งานทั่วไป
6. Canopy
รายละเอียดธุรกิจ คือ Platform ที่รวบรวมและรายงานสถานะการลงทุนสำหรับ Wealth Manager และผู้มีสินทรัพย์ทางการเงินหรือความมั่งคั่งสูง โดยรวบรวมทุกบัญชีไว้ที่เดียวกันเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย และสามารถวิเคราะห์ความมั่งคั่งแบบองค์กรซึ่งช่วยในการตัดสินใจลงทุนได้
7. Everex
รายละเอียดธุรกิจ คือ Everex พัฒนาระบบการกู้ยืมเงินแบบบุคคลต่อบุคคลด้วยเทคโนโลยี Blockchain และระบบการกู้ยืมจำนวนน้อยด้วยเทคโนโลยีสัญญาอัจฉริยะ บริการของ Everex เริ่มมาจากโอนเงินระหว่างประเทศและการชำระเงินระหว่างบุคคล โดย Everex ได้เก็บข้อมูลทางการเงิน ซึ่ง Everex ได้ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้เข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น เช่น การสมัครบริการทางการเงินกับธนาคารอิสลาม
8. First Circle
รายละเอียดธุรกิจ คือ ให้บริการสินเชื่อที่เป็นประโยชน์แก่ SMEs ในประเทศกำลังพัฒนาโดยร่วมมือกับผู้พัฒนา Platfrom ที่ให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ให้บริการชำระเงินพ่อค้า และผู้ให้สินเชื่อออนไลน์ เพื่อเข้าถึงและให้บริการแก่ผู้ประกอบการในมุมมองของผู้ใช้บริการ กระบวนการทั้งหมดจะดำเนินผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้ใช้บริการจะต้องส่งข้อมูลทั้งแบบดั้งเดิมและข้อมูลทางเลือกอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการขอสินเชื่อซึ่งจะใช้เวลา 1-3 วัน Frist Circle ตรวจสอบและทบทวนข้อมูลลุกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และลดระยะเวลาการยื่นขอสินเชื่อตลอดกระบวนการ