ThaiPublica > คอลัมน์ > คำอวยพรปีใหม่

คำอวยพรปีใหม่

8 มกราคม 2015


วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ปี 2558 เป็นปีอันเป็นมงคลยิ่งของพสกนิกร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวาระอันประเสริฐนี้ผมขออาราธนาพระบารมีแห่งพระองค์ท่านอันเป็นที่เคารพเทิดทูนยิ่งได้โปรดอภิบาลและประทานพรท่านผู้อ่านทุกท่านในวาระปีใหม่ 2558 นี้

เด็กประมาณ 45,000 คน ใน 33 จังหวัด ได้รับโอกาสในชีวิตที่ดีก็ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่านภายใต้มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานรับผิดชอบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้

วันปีใหม่ที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นสติ๊กเกอร์และคำอวยพรในโลกอินเทอร์เน็ตครั้งใดที่ปรากฏตัวมากมายเช่นนี้มาก่อน วันนี้ขอคัดเลือกบางคำอวยพรดังต่อไปนี้มาเป็นอาหารสมองครับ

คนที่มีความทุกข์ส่วนใหญ่เมื่อเห็นคนที่มีความสุขมักมีคำถามในใจว่า “ทำไมเขามีความสุขจังทั้งๆ ที่บ้านก็ไม่ได้รวย” “ทำไมเขามีความสุขจัง ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ไม่สวย” “ทำไมเขามีความสุขจังทั้งๆ ที่เป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย” “ทำไมเขามีความสุขจัง ทั้งๆ ที่ไม่มีของดีๆ กิน” ฯลฯ

คำตอบก็คือ ความสุขไม่ได้เกิดจากความร่ำรวย รูปร่างหน้าตาดี หน้าที่การงานสูง การกินดีอยู่ดี ฯลฯ แต่ความสุขเกิดจากสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรา เกิดจากความคิดจิตใจที่ดีงาม เกิดจากร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์

คนที่มีความสุขจึงมักจะทำอะไรแตกต่างจากผู้อื่น ดังนั้น หากอยากมีความสุขอย่างแท้จริงก็ต้องหันมาปรับเปลี่ยนตัวเอง และเรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่คนมีความสุขทำอย่างสม่ำเสมอ (1) ให้อภัยและลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจ คนมีความสุขรู้ว่าการให้อภัยและลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีความสุข เพราะหากยังเก็บความรู้สึกแย่ๆ ไว้ นั่นหมายถึงตัวเรายังรู้สึกไม่พอใจ โกรธ เสียใจ ฯลฯ ซึ่งเป็นอารมณ์ไม่ดีที่ขัดขวางหนทางแห่งความสุข

(2) มีความรักความเมตตา คนมีความสุขมักเป็นคนที่มีความรักความเมตตา เรียนรู้ที่จะรักตัวเองด้วยการทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับตัวเองเสมอ และเผื่อแผ่ความรักความเมตตาไปยังคนรอบข้าง ซึ่งไม่เพียงทำให้ผู้อื่นมีความสุข แต่ยังทำให้ตัวเองมีความสุขไปด้วย เพราะเมื่อแสดงความรักความเมตตาต่อผู้อื่น สมองจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา

(3) เข้าใจผู้อื่น คนมีความสุขเข้าใจดีว่า คนเราล้วนมีทั้งสิ่งดีและไม่ดีในตัวเอง เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ดังนั้น จึงพยายามเข้าอกเข้าใจผู้อื่นให้มากขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงความสุขที่เพิ่มขึ้นด้วย

(4) มองปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย คนมีความสุขรู้จักปรับเปลี่ยนทัศนคติ ว่าเมื่อใดก็ตามที่เจอปัญหาก็จะขจัดปัญหานั้นๆ ออกจากใจจนหมดสิ้น และมองว่าปัญหาไม่ได้เป็นปัญหา แต่เป็นเรื่องท้าทาย หรือเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่อาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

(5) พอใจในสิ่งที่มี คนมีความสุขจะพึงพอใจสิ่งที่มีในชีวิต ทำให้มีอารมณ์ดี สามารถจัดการความเครียด และไปถึงเป้าหมาย ได้ดีกว่าคนที่ไม่พอใจในสิ่งที่มี ซึ่งต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง จนทำให้เกิดความทุกข์

(6) พูดถึงผู้อื่นในแง่ดี คนมีความสุขไม่ชอบนินทาผู้อื่น เพราะเห็นว่าการนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และคนที่ชอบนินทาผู้อื่นมักไม่มีใครคบ ดังนั้น จึงมักจะพูดถึงคนอื่นในแง่ดีเสมอ

(7) อยู่ท่ามกลางคนคิดบวก คนมีความสุขจะพาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดีและมีความสุข เพราะการอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ จะได้รับพลังด้านดีจากพวกเขามาโดยไม่รู้ตัว

(8) ไม่เสียเวลากับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คนที่มีความสุขไม่มัวหมกมุ่นเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม้ว่าเรื่องนั้นจะผ่านมาเป็นปี เป็นเดือน หรือแม้แต่แค่วันเดียว เพราะรู้จักปล่อยวางเรื่องกวนใจเล็กๆน้อยในแต่ละวันไว้ข้างหลัง การปล่อยวางมันได้จะทำให้หลุดพ้นจากอารมณ์ด้านลบ และเปิดทางให้ความสุขเข้ามาแทนที่

(9) ไม่โทษใคร คนมีความสุขเต็มใจยอมรับเมื่อทำผิดพลาด และถือเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ เพื่อทำให้ดียิ่งขึ้นในครั้งหน้า ดีกว่าการกล่าวโทษผู้อื่นว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ล้มเหลว เนื่องจากการทำเช่นนั้น เท่ากับว่ายังจมปลักกับมันอยู่

(10) ไม่เปรียบเทียบ คนมีความสุขรู้ว่าชีวิตของใครก็ของมัน แต่ละคนล้วนมีวิถีทางของตัวเอง ดังนั้น จึงไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แม้จะมองว่าตัวเองดีกว่าก็ตาม เพราะการกระทำเช่นนั้นไม่ได้ทำให้มีความสุข แต่กลับเป็นการบ่มเพาะนิสัยไม่ดีที่ชอบตัดสินผู้อื่นและคิดว่าตนเองเหนือกว่า

(11) อยู่กับปัจจุบัน คนมีความสุขมีใจจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ขณะนั้น โดยหยุดคิดวนเวียนถึงเรื่องราวในอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะการรับรู้และกระทำในสิ่งที่เป็นไปในปัจจุบันขณะมีความสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด

(12) ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ คนมีความสุขบ่อยครั้งมักทำตามฝันและเสียงเรียกร้องของหัวใจ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ใจปรารถนาอย่างแท้จริง การได้ลงมือทำสิ่งนั้นๆ ย่อมนำความสุขมาให้อย่างมิต้องสงสัย

(13) รับฟังความคิดเห็น คนมีความสุขรู้ว่า การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นมีข้อดีเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นแล้ว บางครั้งมันยังทำให้ได้ไอเดียใหม่ๆ หลายอย่างที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกไปไม่รู้จบ

(14) ถนอมความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง คนมีความสุขมักหาเวลาไปเยี่ยมเยียนหรือใช้เครื่องมือสื่อสารกับคนในครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหาย เพราะการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมนั้น เป็นกุญแจไขไปสู่ความสุข

(15) ซื่อสัตย์สุจริต คนมีความสุขตระหนักดีว่า ทุกครั้งที่โกหกหลอกลวงจะทำให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้น ซ้ำร้ายเมื่อมีคนจับได้ย่อมส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ทั้งด้านส่วนตัวและสังคม ในทางตรงข้ามความซื่อสัตย์สุจริตจะช่วยให้จิตใจสบาย ไม่หวาดผวา และได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้อื่น

(16) ตื่นนอนเวลาเดิมทุกเช้า คนมีความสุขจะตื่นนอนเวลาเดิมทุกเช้า เพราะจะช่วยควบคุมนาฬิกาชีวิตให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ข้อสำคัญ คนมีความสุขรู้ว่า การตื่นนอนแต่เช้าเป็นหนึ่งในนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คน เพราะจะทำให้มีเวลาและสมาธิมากขึ้นในการทำงาน

(17) กินถูกหลักโภชนาการ คนมีความสุขเลือกกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายและสมองให้อยู่ในภาวะที่พร้อมจะทำงาน และเข้าใจดีว่าอาหารที่กินแต่ละมื้อนั้น มีผลกระทบโดยตรงต่อระดับอารมณ์และพลังงานทั้งในระยะสั้นและยาว รวมถึงงดกินพวก junk food หรืออาหารขยะที่ไม่มีประโยชน์และมีแนวโน้มก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง

(18) ออกกำลังกาย คนมีความสุขไม่เคยมองว่า การออกกำลังกายมีไว้เพื่อลดน้ำหนัก ป้องกันโรค และทำให้ชีวิตยืนยาวเท่านั้น หากยังช่วยในเรื่องจิตใจ ทำให้มีความสุขมากขึ้น เพราะการออกกำลังกายช่วยเพิ่มระดับสารเคมีในสมองที่มีผลต่อสุขภาพที่ดี ช่วยลดความเครียดและคลายอาการซึมเศร้าได้

(19) ทำสมาธิ คนมีความสุขหาเวลาทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบสุขภายใน มีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การทำสมาธิสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองที่ช่วยทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้น

(20) ยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คนมีความสุขรู้สัจธรรมว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ทั้งหมด การเรียนรู้และยอมรับความจริงที่ตนเองมิอาจไปเปลี่ยนแปลงได้นั้น ย่อมนำความทุกข์มาให้น้อยกว่า (จากนิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 151 กรกฎาคม 2556 โดยประกายรุ้ง)

สุดท้าย มี 3 ข้อความที่ชอบมากคือ (1) ความสบายใจไม่ได้เกิดจากทำทุกสิ่งให้ได้ดังใจ แต่เกิดจากใจที่ยอมรับว่าไม่มีอะไรที่จะได้ดังใจเราไปทั้งหมด (2) สิ่งที่ย้อนไม่ได้ คือ เวลา สิ่งที่หนีไม่ได้ คือ ความตาย สิ่งที่ซื้อไม่ได้ คือ สุขภาพและชีวิต สิ่งที่มองไม่เห็น คือ ใจคน สิ่งที่ต้องอดทน คือ ใจตัวเอง (3) กำลังใจอาจหาได้จากคนรอบข้าง แต่ความเข้มแข็งเราต้องสร้างมันขึ้นเอง

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ “อาหารสมอง” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 5 ม.ค. 2558