ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “คนขับแท็กซี่รุมทำร้ายผู้สื่อข่าวช่อง 7” และ “ฮิต!! แชร์ว่อนโซเชียล คลิปบอกรักผัว”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “คนขับแท็กซี่รุมทำร้ายผู้สื่อข่าวช่อง 7” และ “ฮิต!! แชร์ว่อนโซเชียล คลิปบอกรักผัว”

17 พฤษภาคม 2014


คนขับแท็กซี่รุมทำร้ายผู้สื่อข่าวช่อง 7
เหตุการณ์การเมือง หลังการปลดยิ่งลักษณ์
ภาพหลุด ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีตุรกี เตะผู้ชุมนุมคน
ช็อตจิกหมอน นอนฟิน ส่งท้ายตอนอวสานละคร “อย่าลืมฉัน”
ฮิต!! แชร์ว่อนโซเชียล คลิปบอกรักผัว

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ 11 – 17 พฤษภาคม 2557

ประเด็นฮอตเรื่องแรก รอบสัปดาห์นี้ มีเรื่องที่ชาวโซเชียลพูดถึงกันมาก จากกรณีที่นายทอมฉัน บุญไสย์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจธรรมศาลา เมื่อวันพุธที่ 14 พฤษภาคม 2557 ว่าถูกกลุ่มคนขับรถแท็กซี่เข้ามารุมทำร้ายร่างกาย จากการที่นายทอมฉันปฏิบัติหน้าที่ถ่ายภาพทำข่าวการชุมนุมของม็อบเสื้อแดง บริเวณถนนอักษะ

ตามรายงานข่าวเล่าว่า นายทอมฉัน ปฏิบัติหน้าที่ถ่ายภาพทำข่าวม็อบเสื้อแดงเป็นปกติประจำทุกวัน และได้มีกลุ่มผู้ร่วมชุนนุมโทรศัพท์มาร้องทุกข์ที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ว่าไม่ได้รับค่าจ้างจากนายหน้าที่รับว่าจ้างมาตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งนายทอมฉันเองได้รับการประสานงานจากหัวหน้าข่าวให้เดินทางเข้าทำข่าวที่สถานีตำรวจธรรมศาลา โดยเอากล้องวีดีโอออกมาถ่ายภาพทำข่าวกลุ่มแท็กซี่ที่รออยู่ด้านหน้าสถานีตำรวจ แต่กลับถูกกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ประมาณ 20 คนรุมทำร้ายชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีการขู่บังคับให้ลบภาพที่บันทึกไว้ออกทั้งหมด ซึ่งนายทอมฉันเล่าเหตุการณ์ต่อสื่อว่า ตนเองยอมทำตามที่กลุ่มคนขับแท็กซี่ต้องการ แต่อาจล่าช้าไม่ทันใจ กลุ่มแท็กซี่จึงใช้กำลังดึงม้วนเทปออกไป ในขณะที่ก็ยังไม่หยุดการทุบตี จนได้ยินเสียงหญิงสาวในกลุ่มเดียวกัน ตะโกนออกมาว่า “อย่าทำร้ายสื่อมวลชน” กลุ่มคนขับรถแท็กซี่จึงหยุด และนำม้วนเทปดังกล่าวไปด้วย ซึ่งหญิงสาวคนเดิมก็ไปตามนำกลับมาให้ หลังจากเกิดเหตุการณ์นายทอมฉันจึงเดินทางไปตรวจร่างกายและเดินทางกลับมาแจ้งความที่สถานีตำรวจธรรมศาลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำกล้องวงจรปิดที่หน้าสถานีตำรวจมาตรวจสอบเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ที่มาภาพ : https://www.facebook.comphoto.phpfbid=729190693791144&set=a.379087592134791.85319.100001006606828&type=1&theater
ที่มาภาพ: https://www.facebook.comphoto.phpfbid=729190693791144&set=a.379087592134791.85319.100001006606828&type=1&theater

เรื่องนี้ชาวโซเชียลมีเดียคอการเมืองก็ได้แชร์ต่อกัน พร้อมแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย โดยที่ตามเนื้อข่าวที่นำเสนอ นายทอมฉันยังได้มีการทิ้งท้ายเพื่อขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มว่าอย่าทำร้ายสื่อมวลชนทุกแขนงอีกเลย โดยเฉพาะสื่อในภาคสนาม เนื่องจากผู้สื่อข่าวภาคสนามไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจที่จะนำข่าวออกไปเผยแพร่ เพราะกระบวนการถ่ายทอดไปสู่ประชาชนนั้น ขึ้นอยู่กับทางสถานีหรือสำนักข่าวเป็นผู้พิจารณา

“นักข่าวเจ็บปางตาย กลุ่มแท็กซี่ละเมิดสิทธิสื่อมวลชนแบบสุดๆ ด้วย ใครเห็นบ้างเอ่ย? เจ้าข้าเอ้ยยยยยยยยย นักข่าวโดนเสื้อแดงรุมและแย่งชิงเอาอุปกรณ์ไปด้วย เจ้าข้าเอ้ย!!”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ขอค่าจ้างก่อน ไม่งั้นผลมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่โดนหักหัวคิดก็โดนเบี้ยว เพราะต้องบอกว่าไปชุมนุมด้วยความสมัครใจ ไม่มีการจ้าง ก็รู้ๆ กันดีว่ามีทั้งจ้างไปและพวกไปด้วยความสมัครใจ (ส่วนน้อย) จะเอาอะไรกับพวกกินกับหัวคิว และพวกรับจ้างไปม๊อบ”

“ดีใจที่ไม่ขึ้น แท็กซี่ มาเกือบปีล่ะ และจะยังไม่ขึ้นต่อไป จะกลับไปใช้บริการรถสาธารณะอื่นแทน กลัวใจแท็กซี่ ขนาดอยู่หน้า สน. ยังไม่รอด”

“ทำไมกฏหมายของบ้านเมืองวันนี้ใช้ได้กับคนดีเท่านั้นหรือ? แต่คนชั่วลอยนวล”

“เหตุการณ์แบบนี้ ทำไมสมาคมสื่อไม่ออกมาแถลงว่าเป็นการคุมคามครับ”

“นี่เหตุเกิดหน้า สน. ธรรมศาลาเจ้าของท้องที่ยังปล่อยให้แท๊กซี่กระทำการผิดกฎหมายโดยไม่จับกุมห้ามปราม หากเป็นเช่นนี้สังคมจะปั่นป่วน และแท๊กซี่ส่วนมากชอบคุยเรื่องประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย นอกจากจำคำที่วิทยุแดงพูด ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกอึดอัด”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สอง หลังจากคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีให้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี

คำตัดสินดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองร้อนระอุจากกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย เริ่มจากเหตุการณ์การเดินขบวนของกลุ่ม กปปส. ไปยังช่องฟรีทีวีต่างๆ จนการจราจรในเส้นวิภาวดีเป็นอัมพาตในศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2557 และเกิดการยิงแก๊สน้ำตาปะทะกันในกลุ่มผู้ชุมนุม อีกทั้งยังมีการยิงอาวุธปืนเอ็ม 79 ใส่สถาบันจุฬาภรณ์ จำนวน 2 ลูก และเกิดเหตุระเบิดบริเวณเอสซีบีปาร์ค รวมไปถึงเหตุการณ์ที่สร้างความสูญเสียถึงชีวิต กับการที่มีคนร้ายขับรถกราดยิงเข้าใส่แนวรักษาความปลอดภัยของกลุ่ม กปปส. บริเวณสี่แยกคอกวัวและยิงเอ็ม 79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนมีผู้บาดเจ็บ 23 ราย และเสียชีวิต 3 ราย

ที่มาภาพ : http://www.innnews.co.thshownewsshownewscode=537504
ที่มาภาพ: http://www.innnews.co.thshownewsshownewscode=537504

สำหรับยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เหตุที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 จนถึงปัจจุบันนสพ.โพสต์ทูเดย์สรุปยอดดังนี้ ผู้บาดเจ็บ 782 คน เสียชีวิต 24 คน รวมเป็น 806 คน และมีผู้บาดเจ็บที่ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 4 คน

โดยมีแชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นกันอย่างมากมาย ดังนี้

“ที่โดนถล่มด้วยอาวุธสงครามนั่น เพราะเล่นไม่สะอาด หากเล่นกันแบบรุนแรงจริงๆ เขาก็ทำกันได้ แต่ไม่ทำเพราะมันวิถีคนไม่ดี”

“บังเกอร์ประยุทธกระจุกตัวเต็มเมือง การ์ด กปปส. ทั้งทหารและรับจ้างเกือบจะมากกว่าผู้ชุมนุม ใครจะเข้าไปยิงได้? ทหารในบังเกอร์ที่วางถี่ๆ ไม่ใช่บังเกอร์ละ 1-2 คน แต่ 6-7 คน การ์ดนอกจากพวกรับจ้างรายวันก็มีทหารปะปนอยู่มากและวางกำลังป้องกันในระดับสงคราม ใครจะเข้าไปยิงได้ ขนาดยกกรวยที่อยู่ไกลๆ ยังโดนยิงโดยแทงโดนรุมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด? แล้วใครจะทำ คิดดีๆ”

“ชีวิตคน คือเกมการเมือง ต้องสูญเสีย สังเวย อำนาจมืด มันถูกแล้วเหรอ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดบันดาล ให้บ้านเมืองสงบสุขเสียทีเถิด”

“น่าสงสารเหยื่อผู้บริสุทธิ์ เขาคงตั้งใจที่จะอยากมาแก้ไขระบอบประชาธิปไตยให้ดีขึ้น ไม่ได้คิดว่า ต้องมาเจ็บตัว หรือเสียชีวิตแบบนี้ คนที่บ้าน ที่ต้องเสียคนในครอบครัวไป ก็น่าสงสารจริงๆ”

“มีเสียงปืนยิงปะทะกัน แสดงว่าทั้งสองฝ่ายก็มีอาวุธ แล้วไหนบอกชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ขอแสดงความไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตทุกคน”

“ผมเป็นผู้ร่วมชุมนุมที่บาดเจ็บจากบ้านดินสอ ห้อง 402 มาพักกับภรรยา ขณะนอนหลับช่วงตี 2 เศษ ได้ยินเสียงระเบิดขณะนอนหลับ จึงตื่นขึ้นมา จากนั้นลูกที่ 2 ก็มาตกบนหลังคาตรงที่ผมพัก ทำให้ผม และภรรยา ถูกสะเก็ดระเบิดตามตัวแต่ไม่มากนัก จึงอาศัยรถฉุกเฉินของมูลนิธิ เพื่้อนำส่งไปรักษา บาดแผลที่ รพ.หัวเฉียว ขอชื่นชมการทำหน้าที่ของ ร.พ. หัวเฉียวที่คอยเอาใจใส่ดูแล ประดุจญาติพี่น้อง พร้อมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่มูลนิธิทุกๆท่านที่ทำงานรับใช้สังคมอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย จึงเรียนมายังผู้ออกความเห็นด้วยความมัน ที่คอยสะใจกับการเจ็บตายของมวลมหาประชาชนผู้รักชาติ ที่โดนทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า สักวันหนึ่งเหตุการจะเกิดกับพวกคุณด้วยเช่นกันขอให้เชื่อ”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สาม เกิดขึ้นในประเทศตุรกีที่โลกออนไลน์ต่างแชร์ภาพผู้ประท้วงชาวตุรกี ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษจับกุมตัว และปรากฏภาพที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีตุรกี นายยูซุฟ เยอร์เกล เตะผู้ชุมนุมคนดังกล่าวด้วยสีหน้าและอารมณ์ที่แสดงความกริ้วโกรธ ซึ่งภาพดังกล่าวยิ่งสร้างความไม่พอใจให้ประชาชนชาวตุรกีที่มีต่อรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นไปอีก

เนื่องจากก่อนหน้านี้รายงานข่าวแจ้งว่า นายรีเซฟ ทายยิป เออร์โดแกน นายกรัฐมนตรีตุรกี ก็ได้ออกมาปฎิเสธต่อสื่อ เกี่ยวกับกรณีคำพูดที่บอกว่าเหตุการณ์เหมืองถล่มในตุรกีเป็นเรื่องปกติเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งคำพูดนี้เองได้กลายเป็นการจุดชนวนโกรธแค้นให้ผู้คนกว่า 20,000 คน ลุกฮือขึ้นมาประท้วงรัฐบาลตุรกี เพราะความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเหมืองแร่ เป็นเหตุให้ตำรวจต้องฉีดน้ำและแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม

ที่มาภาพ : https://mysocial.in.th
ที่มาภาพ: https://mysocial.in.th

อย่างไรก็ตามด้านสหภาพแรงงานตุรกี 4 แห่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ยังได้มีการนัดหยุดงาน 1 วัน เพื่อเรียกร้องให้ทางการตุรกีหาผู้กระทำผิดมารับโทษต่อกรณีเหมืองถ่านหินในเมืองโซม่าถล่ม เพราะทำให้มีคนงานเหมืองหลายร้อยคนต้องเสียชีวิต โดยยอดล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเหมืองถ่านหินถล่มในเมืองโซม่า ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามี 283 ราย และยังมีคนงานติดอยู่ใต้ซากอีกจำนวนมาก ถือเป็นโศกนาฏกรรมเหมืองแร่ครั้งเลวร้ายที่สุดของตุรกี(คลิกเพื่อชมคลิปสถานการณ์การปะทะกันในประเทศตุรกี)

“ตรงข้ามกับประเทศไทย ของไทยผู้ประท้วงไล่กระทืบเจ้าหน้าที่รัฐเหมือนหมาเลย”

“ความขัดแย้ง ทำร้ายคนได้มาก ผู้นำ ที่แต่งตัวดีๆ การศึกษาดีๆ ก็ยังควบคุมาตัวเองไม่ได้เลย”

“ทางการควรให้ความรับผิดชอบ ยิ่งทำแบบนี้ประชาชนยิ่งรุ้สึกขาดที่พึ่ง”

“รู้สึกว่า รัฐบาล จะคล้ายกันไปทุกที่เลยนะ”

“ขาดการควบคุมอารมณ์ ทุกอย่างก็จบ จริงๆ”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สี่ สถานการณ์อินละคร พักเบรกความตึงเครียดทางการเมือง เพราะทันทีที่ละคร “อย่าลืมฉัน” ออนแอร์ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ส่งผลให้โลกโซเชียลเต็มไปด้วยเสียงชื่นชมด้วยหน้าตาอันหล่อเหลาของพระเอก ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ในบท “เขมชาติ” ที่สาวๆ ต่างเทใจรักทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็แอบปันใจให้ หนุ่มมาดนุ่มแสนอบอุ่น ก้อง สหรัถ สังคปรีชา “พี่เอื้อ” และอีก สองบทบาทที่สำคัญคือ “สุริยง” ที่รับบทโดยนางเอก แอน ทองประสม และ ศรีริต้า เจนเซ่น ในบท “เกนหลง” ละครรีเมคที่ยังคงสร้างความประทับใจให้คนดูในทุกเวอร์ชัน ซึ่งในเวอร์ชันนี้ยังเพิ่มความน่ารักของ 2 หนุ่มแฝดสุดน่ารัก เฮเดน และ โจชัว ที่รับบท ไก่-ไข่ ลูกชายตัวน้อยของเจ้าสัว ที่แม่หนูเล็กดูแลเป็นอย่างดี สร้างรอยยิ้มให้คนดูทุกครั้งที่ 2 หนุ่มแสดงตัวออกมาก

ยิ่งในสัปดาห์นี้ ในคืนวันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม 2557 เป็นฉากอวสานของเรื่อง ยิ่งทำให้สาวๆ อยู่ติดกับบ้านไม่ออกไปไหน ลุ้นฉากฟิน จิกหมอนกันอยู่หน้าจอทีวี จนทำให้หน้าโซเชียลเต็มไปด้วยการพูดถึงละคร อย่าลืมฉัน ทั้งบรรยากาศสวยๆ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือฉากน่ารักๆ การขอนางเอกคืนดี และฉากสุดฟิน คือ เล่นกีตาร์ร้องเพลง และคุกเข่าขอเกนหลงแต่งงาน จากพี่เอื้อ ที่มี 2 หนุ่มน้อยไก่และไข่ ร่วมเป็นพยานแห่งความรัก นอกจากนี้ยังส่งผลให้ เพลงประกอบละครดังติดหูไปด้วย ทั้งเพลง “สู่กลางใจเธอ” ของโรส ศิรินทิพย์ ที่กลับมาโด่งดังอีกครั้ง และเพลงใหม่อย่าง “คนแพ้ที่ไม่มีน้ำตา” ที่ได้ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาลอย่าง พี่เบิร์ด ธงไชย มาขับร้องให้ก็โด่งดังติดไม่แพ้กัน

ที่มาภาพ : http://www.dailynews.co.th
ที่มาภาพ: http://www.dailynews.co.th

แสดงให้เห็นได้ว่าละครยังเป็นที่พึ่ง และที่พักผ่อนของสังคมไทย ให้มีความสุข ผ่อนคลายกับช่วงเวลาการดูละคร และลืมเรื่องราวตึงเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไปได้เป็นอย่างดี

“เป็นละครที่ตราตรึงใจใจที่สุดในรอบทศวรรษ”

“ไม่อยากให้จบเลย อยากเห็นติ๊กกะแอนอีก ฟินสุดๆ”

“จะมีมั๊ยคะ ผู้ชายแสนดี อย่างพี่เอื้อ หลงรัก หลับฝันหวานเลยจริงๆ”

“ออกดีวีดีมาไวๆ จะไปซื้อมาไว้ครอบครองค่ะ”

“ละครไทย ก็ทำได้ดีไม่แพ้ซีรี่ย์เกาหลีเลยนะคะ”

“ขอบคุณผู้ประพันธ์ ขอบคุณผู้เขียนบทละคร ผู้จัด ผู้กำกับที่สรรหาตัวละครจตุรเทพมาเจอกัน ทั้งหมดมีบทบาทรับส่งที่ทำให้คนดูประทับใจมาก”

ประเด็นฮอตเรื่องที่สี่ ช่วงนี้คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า “ไม่มีไรมาก บอกรักผัว” ประโยคเด็ด ที่ดังกระฉ่อนและแชร์กันสนั่นในสังคมออนไลน์ ที่กับเรื่องราวของคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งที่ฝ่ายสาวบอกรักแฟนหนุ่มผ่านทางโซเชียล ในพฤติกรรมที่ล่อแหลมกับชายหนุ่ม อีกทั้งยังเรียกได้ว่าไม่ดูไม่ได้แล้ว เพราะหญิงสาวคนดังกล่าว มีรูปร่างหน้าตาที่ขาวสวย อีกทั้งยังมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่จนชวนมอง

ที่มาภาพ : http://www.talkystory.com
ที่มาภาพ: http://www.talkystory.com

คลิปดังกล่าว นอกจากจะมีการพูดถึงกันมากแล้ว ยังมีผู้ที่นำไปถ่ายทำเลียนแบบกันอย่างสนุกสนาน ทั้งนี้ในสังคมออนไลน์ ยังมองว่าคลิปดังกล่าวไม่เหมาะสมที่จะนำมาเผยแพร่บนโลกออนไลน์ แต่คลิปนี้กลับมียอดกระหน่ำแชร์และคอมเมนท์หลายหมื่นคอมเมนท์ พร้อมทั้งมีการแสดงความคิดเห็นเชิงตำหนิและไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งล่าสุดได้มีรายงานข่าวว่า ฝ่ายชายที่อยู่ในคลิป ก็ได้ถูกจับในข้อหายาเสพติดแล้วด้วย

“เด็กสมัยนี้ เป็นอะไรกันไปหมด สงสารพ่อแม่จริงๆ”

“เห็นแล้วน่าสงสารพ่อแม่ของน้องมากที่มีลูกแบบนี้ น่าจะนึกถึงพ่อแม่บ้างทำอะไร ระวังเวรกรรมทำอะไรได้อย่างนั้นยิ่งทำกรรมกับพ่อแม่กรรมหนักนะน้องนะ”

“เฟชบุ๊คถ้าคุณตั้งเป็นสาธารณะหรือให้เห็นแค่เพื่อนในเฟรชเมื่อไหร่ นั่นมันไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวแล้ว ถ้าคุณอยากส่วนตัวคือคุณต้องตั้งค่าเห็นแค่คุณ จบข่าว”

“เหมือนพวกเด็กติดยา และก็ใช้จริงๆ ด้วย”

“ส่วนตัวก็คือรูปอยู่ในมือถือ แต่ถ้าไปร้านซ่อมเมื่อไหร่ หลุดเมื่อนั้น facebook คือสังคมออนไลน์ ถ้าไม่ตั้งเป็นส่วนตัว นอกนั้นเพื่อนคุณก็ดูได้ แค่คุณโลกสวยเข้าไปเห็นก็หมดความเป็นส่วนตัวแล้วคร้า”

“เสียดายแทน น่าจะมีอนาคตอีกไกล จบแว้ว เยาวชน”