แกรนด์ เดอะสตาร์ ทวิตต์ถึงใครบางคนแรง “คุณจะกลับมาเอาอะไรอีก?”
ชาวเน็ตไม่ยอม ไอซีที ห้ามกดไลค์ กดแชร์ การเมือง
แชร์คลิปคำให้การ หมอพรทิพย์ กรณี 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม
วัยรุ่นลุ้น ละครฮอร์โมน ถูกแบน
ประเด็นฮอต ที่ต้องยกให้ เจนี่ และ เอ๋ ชนม์สวัสดิ
อ่านรายละเอียด
ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 4-10 ส.ค.2556
เรื่องแรก ความคิดเห็นทางการเมืองย่อมร้อนแรงเสมอ ยิ่งผู้ที่แสดงความคิดเห็นเป็นบุคคลสาธารณะ หรือศิลปินดารา ส่งผลให้กระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง กับกรณีของสาวแกรนด์ เดอะสตาร์ หรือ พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า ที่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวผ่านทวิตเตอร์ ที่ใช้ชื่อว่า @grand_thestar เกี่ยวกับเหตุบ้านการเมือง และ “ใครบางคนที่อยู่แดนไกล” แบบตรงไปตรงมา รวมทั้งการตั้งประเด็นคำถามว่า “คุณจะกลับมาเอาอะไรอีก?” จนมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พร้อมกระแสโจมตีสาวแกรนด์ ด้วยมองว่าใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเกินไป จนเจ้าตัวต้องลบข้อความที่เกี่ยวโยงกับการเมืองออก รวมถึงการขอโทษถึงการกระทำดังกล่าวผ่านทาง IG และ ทวิตเตอร์ อยู่หลายครั้ง
“สวย ฉลาด กล้าหาญ กตัญญูรู้คุณ ยอมรับความจริง ยอดเยี่ยมจริง มันต้องอย่างนี้ ประเทศชาติถึงจะเจริญ สู้ๆ นะจ๊ะ”
“น้องพูดความจริง ภาษาที่ใช้ก็สุภาพ เป็นการแสดงความเห็นที่ถือว่าเบาเกินไปด้วยซ้ำ พูดไปเลยน้อง อยู่กับ exact ไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว คุณบอยใจกว้างและเข้าใจ”
“โพสมั่นใจขนาดนั้น บอกไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ใครเชื่อบ้างครับ”
“ดารากับการเมือง ถ้าเลือกข้าง ก็จะอยู่ลำบาก”
“เมืองไทย ยังไงก็ยังคงเป็นเมืองไทยอยู่วันยังค่ำ เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้เวลามากกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร เอาใจช่วยละกัน”
“อยากบอกว่าถูกใจมาก ๆ แกรนด์ทำในสิ่งที่หลายคนอยากทำแต่ไม่กล้า คุณกล้าหาญมาก เอาใจช่วย เป็นกำลังใจให้นะค่ะ”
เรื่องที่สอง เมื่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวถึงความร่วมมือกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแล เพื่อไม่ให้มีผู้ใดกระทำการอันเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยมีการรายงานข่าวว่า จากการที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีในโซเชียลมีเดีย โพสต์ข้อความปลุกระดมหรือสร้างกระแสเกี่ยวกับการเมือง โดยการโพสต์ หรือแชร์ และกดไลค์ ข้อความลักษณะต่างๆ ให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งตามหลักการแล้วการกระทำใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง จะมีเจ้าหน้าที่ผู้รักษาการตามกฎหมาย เพื่อยับยั้งข้อความและดำเนินคดีต่อบุคคลดังกล่าวทันที แต่ทั้งนี้อาจต้องดูที่เจตนาอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้ก่อความไม่พอใจให้กับผู้ใช้สังคมออนไลน์ หลายฝ่ายมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีทางด้านความคิด การใช้สื่อออนไลน์ หรือการแสดงความเห็นทางด้านการเมืองก็ควรจะเป็นเรื่องที่สามารถกระทำกันได้ ในประเทศที่มีประชาธิปไตย
“ดิฉันเห็นว่าการโพสต์ข้อความที่ไม่เป็นความจริงเกิดความสับสนในสังคมไทยทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล คนโพสต์ต้องรับผิดชอบในการกระทำด้วยค่ะ การกด “แชร์” ข้อมูลคอมพิวเตอร์คือการกระทำโดยเจตนา เพื่อเผยแพร่ข้อมูล หากข้อมูลนั้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ คนกด แชร์ ย่อมเข้าองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(5) กด แชร์ กด ไลค์กระจายข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงทำให้ประชาชนสับสน”
“ไม่ Block Facebook ไปเลยหล่ะครับท่านๆ ประชาธิปไตย อยู่ไหน เสรี ทางความคิด”
“สงสารเงินภาษี ของประชาชนจังครับ”
“รัฐบาลเผด็จการ ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ประชาชน ทีวีของรัฐทุกช่อง 3 5 7 9 11 ไทยพีบีเอส ล้วนแล้วเป็นสื่อทาส มีแต่ข่าวเบี่ยงเบนทั้งนั้น มีแต่รัฐบาลทำดีทุกเรื่อง เพราะควบคุมสื่อ อย่าลืมว่าตามหลักกลศาสตร์ ที่ไหนมีแรงกด ที่นั่นมีแรงดัน”
“การโพสท์ข้อความต่างกับการขึ้นเวทีพูดในชุมนุมยังไง การกดไลค์เองก็ไม่เห็นต่างกับการเฮเวลาเค้าพูดถูกใจ”
“Freedom of Speech อย่ามาริดรอนสิทธิเสรีภาพกันให้มากนะคะ”
เรื่องที่สาม จากเรื่องที่มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตรวม 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ทางศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อ่านคำสั่งกรณีไต่สวนคําร้องชันสูตรการเสียชีวิต โดยตามรายงานข่าวมีการรายงาน ดังนี้
ศาลสั่งว่าผู้ตายที่ 1, 3-6 ถึงแก่ความตายเนื่องจากกระสุนปืน .223 จากทหารกองพันจู่โจมพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ที่ประจำอยู่บริเวณรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ขณะเกิดเหตุ
ส่วนผู้ตายที่ 2 ตายจากกระสุน .223 จากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ที่ประจำการอยู่บริเวณถนนพระราม 1 ช่วงเกิดเหตุ ภายใต้คำสั่งของ ศอฉ.
นอกจากนี้ ผลการตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่พบร่องรอยการยิงปืนออกจากมือทั้ง 6 ศพ จึงเชื่อว่าทั้ง 6 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อาวุธปืน รวมทั้งขณะเกิดเหตุมีด่านเจ้าหน้าที่ตรวจค้นอาวุธแน่นหนา
ทั้งนี้ ศาลยังระบุด้วยว่าไม่มีชายชุดดำในที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งให้ส่งคำสั่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีต่อไป
หลังจากนั้นโลกออนไลน์ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่โพสต์ในเว็บไซต์ยูทูป เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยเป็นคำให้การต่อคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว โดยมีการเขียนบรรยายใต้คลิปดังนี้
“วันนี้ (25 ต.ค.55) นายสาธิต ปิตุเตชะ ประธานคณะทำงานพิจารณาเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ) ว่ามีชายชุดดำร่วมชุมนุมหรือไม่ ในคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้เชิญ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาให้ข้อมูลคณะทำงานฯ เกี่ยวกับการชันสูตร 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม โดยพบว่ากรณีการเสียชีวิตของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด ไม่ได้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะจากบาดแผลและการจำลองวิถีกระสุน และคลิป 15 วินาทีบริเวณเต๊นท์ที่ประกอบในสำนวนของดีเอสไอ เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากการยิงจากบนรางรถไฟฟ้า เป็นที่น่าสังเกตว่าผลการพิสูจน์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ดังกล่าวไม่ปรากฎในสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพิรุธและการใช้ดุลพินิจของดีเอสไอที่มีปัญหา”
โดยนอกจากจะมีการแชร์คลิปผ่านโซเชียลมีเดียแล้ว ยังมีการแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา ด้วยคำพูดเชิงโจมตีที่รุนแรงจนบางข้อความต้องมีการถูกลบออกไป
“การต่อสู้ทางคดีนี้..อีกสามศาล..ชาติหน้าคงจะรู้ว่าออกหัวหรือก้อย”
“ข้อมูลที่ dsi ส่งไปครบถ้วนหรือเปล่า หรือข้อมูลที่ส่งไปนั้นตัดบางเรื่องออกไป เพื่อให้กระบวนการเปลี่ยนตามความต้องการของคนบางคน”
“ขอให้เจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้องดำเนินการกับคุณหมอในข้อหาให้การเท็จ และเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป หากการกระทำของหมอ น่าจะครบองค์ประกอบความผิด”
“”กระสุนจากเจ้าหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส” ก่อนยิงคนอื่นผมว่า โดนไฟดูดก่อนมั้ง”
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายอย่าพยายามให้ร้าย ป้ายให้ทหาร”
“ไม่เหมือนคดีพันธมิตรที่ การ์ด พกระเบิดปิงปองระเบิดแขนขาพวกเดียวกันเองนะ อันนี้ยิงมาจากเจ้าหน้าที่ คนละเรื่องเลย ยิงจริงตายจริง แต่พันธมิตรพกมาตายเอง”
เรื่องที่สี่ ซีรีส์ดังของวัยรุ่น “ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น” ที่ออกอากาศทางช่องวัน ของบริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ต้องถูกตรวจสอบ เพราะเนื้อหาที่ตีแผ่แทบทุกเรื่องของวัยรุ่นในสังคมปัจจุบัน จนทำให้อาจดูรุนแรงเกินไป และอาจขัดต่อมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551
ทั้งนี้ ซีรีส์เรื่อง “ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น” มักจะถูกพูดถึงตามหน้าเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมอยู่เสมอ เกี่ยวกับพฤติกรรมตัวละคร ซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นชั้นมัธยม และเนื้อหาการเล่าเรื่องที่ถูกนำเสนอเพื่อเผยแพร่บางเรื่อง เพื่อให้สังคมได้รับทราบ อาทิ ฉากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ยังสวมชุดนักเรียนอยู่ ในห้องวิทยาศาสตร์ หรือห้องน้ำของโรงเรียน, ฉากที่มีเด็กที่กำลังอยู่ในวัยเรียนไปยังคลินิกทำแท้งเถื่อน หรือไปซื้อยาคุมกำเนิดมาใช้เอง และฉากการสูบบุหรี่ในชุดนักเรียน ที่เห็นกันอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ทำให้แฟนละครที่ติดตาม ต่างลุ้นว่าจะยังได้ชมซีรีส์สุดฮิตนี้ต่อหรือไม่ และผลสรุปคือแฟนละครยังคงได้ชมซีรีส์สุดฮิตนี้ต่อ แต่อาจต้องมาลุ้นกันว่า เนื้อหาที่จะเผยแพร่ออกมานั้นจะเป็นอย่างไร ต้องให้แฟนละครลุ้นกันต่อหรือไม่ เพราะหากมีการร้องเรียน ก็ต้องมีการพิจารณากันต่อไป และอีกเรื่องคือต้องยอมรับว่า ฮอร์โมนส์ เป็นอีก 1 เรื่องที่มีผู้รับชม และพูดถึงกันมากจริงๆ
“เนื้อหาละคร เเรงเพื่อดึงดูด พอดึงดูดก็สอน ในสิ่งที่ถูกต้อง”
“ผู้ใหญ่ มักรับความจริงของสังคมไม่ได้”
“อ่าน ตามเนื้อข่าวแล้ว กสทช. ยังชมด้วยว่าเรื่องนี้ ได้ยินภาพรวมไปในทางบวก นำเสนอแง่มุมเรื่องวัยรุ่นได้ตรง”
“เค้าจะไปร้องเรียน ให้พวกผู้ใหญ่แบบนี้รู้จักหามาดูมั่ง เปิดโลกทัศน์ เปิดสมองให้กว้างขึ้น จะได้เลิกคิดว่า คนไทยต้องมีแต่ละครโลกสวย ไม่งั้นจะชี้นำเด็กๆไปในทางที่ไม่ดี เพราะ…(โปรดทำเสียงแบบรายการสโมสรผึ้งน้อยประกอบ จะได้อารมณ์ยิ่งขึ้น)
เด็กๆของเรายังแยกแยะไม่ออกนะคะว่า น้องสไปรท์สาวล่าแต้ม น้องดาวสาวอ่อนต่อโลกเธอมีด้านมืดของชีวิตอย่างไร…เพราะฉะนั้น…เราต้องหาแต่ละครตบจูบ ชิงรักหักสวาทให้ดู เพื่อให้เด็กๆของเราก้าวข้ามช่วงวัยรุ่นไปเป็นผู้ใหญ่เลย จะได้ไม่มีปัญหาไงล่ะคะเด็กๆ”
“อ่านข่าวแบบนี้ทีไร รู้สึกโมโหปนหงุดหงิดกับความคิดของคนบางกลุ่ม”
“ละครเรื่องนี้ เป็นการสะท้อนเรื่องจริงของสังคม ไม่ได้ทำมาเพื่อให้เยาวชนเอาแบบอย่าง แต่เอาแบบอย่างมาจากเยาวชน แล้วมาทำเป็นละครต่างหาก”
เรื่องที่ห้า ข่าวฮอตเต็มหน้าเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ รวมทั้งเว็บไซต์ต่างๆ ประจำสัปดาห์นี้ กับการแถลงข่าวความสัมพันธ์ถึงขั้นจดทะเบียนสมรสในขณะที่คบกันมาได้เพียง 5 เดือน ระหว่าง นางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ซึ่งคนในวงการต่างทราบกันดีว่าเป็นสามีของตู่ นันทิดา (แก้วบัวสาย) อัศวเหม พร้อมทั้งยังมีลูกสาวแทนใจด้วยกันหนึ่งคน คือ น้องเพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม
เรื่องราวคงไม่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ขนาดนี้ ถ้าเมื่อครั้งที่มีรูปเล็ดลอดออกมาแล้วนางเอกสาวออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง และบอกว่าเป็นแค่คนรู้จัก พร้อมทั้งเรื่องราวก่อนหน้านี้ ที่ฝ่ายชาย เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ ก็เคยมีข่าวว่าคบหากันกับนางแบบสาวก้านยาว โย ยศวดี ซึ่งฝ่ายชายก็บอกกับสื่อว่า ตนเองได้เลิกและไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับภรรยา คือ ตู่ นันทิดา มากว่า 10 ปีแล้ว
โดยฝ่ายนางเอกสาว เจนี่ ถูกโจมตีทั้งจากผู้ที่เคยรู้จักในวงการบันเทิงและประชาชนทั่วไป ซึ่งตามรายงานมักจะมีการพูดถึงเจนี่ในลักษณะที่ว่า เธอมีพฤติกรรมที่ชอบผู้ชายที่มีฐานะ ทั้งยังมีการเล่าถึงเรื่องราวในอดีต ที่ทั้ง ตู่ นันทิดา เจนี่ แสดงละครร่วมกัน โดย ตู่ นันทิดา รับบทเป็นแม่ของลูกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ในละครเรื่อง กรุงเทพราตรี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ผู้คนในสังคมออนไลน์ต่างพูดถึงและนำไปเชื่อมโยงกับละครฮิตที่เจนี่เคยเล่นไว้อย่างเรื่อง “แรงเงา” ที่เป็นเรื่องราวของการแย่งชิงสามี จนมีคำพูดฮิต ติดตลกว่า “แย่งสามีนพนภาคือมายา แย่งสามีนันทิดาคือเรื่องจริง”
และต้องยอมรับว่า เรื่องนี้มีการพูดถึงมาก ถึงขนาดเว็บไซต์ Sanook ได้มีการรายงานความคืบหน้าของการแถลงข่าวแบบเรียลไทม์กันเลยทีเดียว และกระทั่งเว็บไซต์พันทิป ในห้องเฉลิมไทย มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันมาก จนเซิร์ฟเวอร์ล่มไปชั่วขณะกันเลยทีเดียวเลย
“ถ้าเค้า “แยกกันอยู่” จริงๆ จะพูดว่า แย่ง ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะสองฝ่ายไม่มีสัมพันธ์กันแล้ว เพียงแต่ว่า คนนอกไม่ได้รับรู้เท่านั้นเอง เจนี่ถึงมั่นใจได้ขนาดนี้ ”
“มันเป็นเรื่องเศร้ามากกว่าเรื่องน่ายินดีค่ะ คำพูดพ่อของลูก ลูกคงคิดว่าอ้าวแล้วที่หนูเกิดมาเนี่ยเป็นก้อนเลือดที่พ่อไม่เป็นความสุขหรือไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลูกไม่เท่าไร แต่คนที่เสียใจที่สุดก็ไม่ใช่ใครคือเมียที่ถูกต้อง ไม่เป็นไรถือเสียว่าหมดเวรหมดกำของเราแล้วที่หลุดออกมาได้ ที่ผ่านมาถือเสียว่าพลาดไปที่ตัดสินใจครั้งแรก”
“สร้างตำนานให้พันทิป เลยคนนี้ งานนี้ขอยกความดีให้ผู้ชาย ถ้าเลิกกับภรรยามาสิบปี หรืออยู่กินโดยไม่จดทะเบียน แล้วทำไมมาจดทะเบียนกับอีกคนเอาวันนี้ 09.09 ไม่คิดเหรอว่าเมียใหญ่เขายอมเซ็นต์หย่าให้เอาเมื่อวาน เรื่องง่ายๆแค่นี้เอง”
“เรียบร้อยไปอีกหนึ่งดาราคนโปรด ตอนบอกว่าไม่มีอะไร ยังคิดว่าไม่มีจริง สุดท้ายเป็นอย่างนี้ทุกที ดีนะบอกลูกว่าเขาเป็นนักแสดง เขาก็แสดง เชื่อได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะจริงแล้วเขาก็เป็นคนธรรมดา แต่อาจรวยสวยหล่อกว่าพวกเราเท่านั้น อย่าเสียใจกันนะครับ เสียดายนิดนึง ครบ 5 เดือนเอง”
“เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ได้ยินข่าวลือเธอมาเยอะ อยากจะเชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง ไม่คิดว่านี้คือข่าว ที่เป็นเรื่องจริง!! เล่นเอาการทำงานในวันพฤหัส ชะลอตัว ม็อบหยุดชะงักกันเลยทีเดียว”