ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 16-22 มิถุนายน 2556
เรื่องแรก กระแสพระพุทธศาสนาที่โด่งดัง กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในขณะนี้ หลังจากมีการเผยแพร่ภาพถ่ายของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานที่พักสงฆ์ขันติธรรม ตำบลยาง อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมพระอีก 2 รูป นั่งอยู่ในเครื่องบินส่วนตัว เสียบหูฟังจากโทรศัพท์มือถือไอโฟน สวมแว่นตาดำ พร้อมทั้งยังมีกระเป๋าแบรนด์ดังอยู่ภายในภาพด้วย โดยภาพดังกล่าวตกเป็นประเด็นให้ชาวพุทธต่างวิจารณ์กันว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมความเป็นสงฆ์
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาได้ตรวจสอบรายละเอียด และอธิบายเรื่องดังกล่าวจากโฆษกฝ่ายฆราวาสประจำตัวหลวงปู่เณรคำ ว่าเป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ถวายให้ เช่นเดียวกับเครื่องบินส่วนตัวของบริษัทบางกอกเจ็ท ที่เช่าให้เพื่อใช้เดินทางตามนิมนต์ทำกิจสงฆ์นอกสถานที่ และเฮลิคอปเตอร์ที่มีภาพสัญลักษณ์ของหลวงปู่เณรคำติดอยู่นั้น ก็เป็นเฮลิคอปเตอร์ของทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และมีญาติโยมเช่าให้ใช้เดินทางเวลามีกิจนิมนต์เร่งด่วน โดยเหตุผลที่มีรูปหลวงปู่เณรคำติดอยู่นั้น ก็เนื่องมาจากการที่ญาติโยมนำไปติดไว้เอง
สำหรับเงินที่ได้มาจากการบริจาค ก็เพื่อนำไปสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และจะทำการมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ให้สำนักพระราชวังเข้ามาดูแล รวมทั้งมีการนำเงินไปช่วยวัดสาขาต่างๆ โดยที่เงินบริจาคแบ่งไว้สองบัญชี คือ บัญชีของหลวงปู่เณรคำกับบัญชีของทางมูลนิธิ
ทั้งนี้ ยังมีการคาดการณ์เรื่องที่เกิดขึ้นว่า อาจจะมาจากการที่มีขบวนการจ้องทำลายหลวงปู่ จากอดีตลูกศิษย์วัดของหลวงปู่ ที่เคยพยายามขอเงินจำนวนหลักล้านจากหลวงปู่ แต่ถูกทางคณะกรรมการวัดปฏิเสธ ขณะนี้หลวงปู่เณรคำ ยังคงปฏิบัติกิจอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส
เรื่องนี้เป็นประเด็นที่พูดถึงไปทั่วโลก ต่างชาติได้ทำการ์ตูนแอนิเมชันล้อเลียน โดยคลิปดังกล่าวนี้มีชื่อว่า “Thai Buddhist monks in private jet are big pimpin” ทำขึ้นโดย Next Media Animation หรือ NMATV มีเนื้อหาที่สื่อเรื่องราวเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่นำเงินที่พุทธศาสนิกชนถวายไปใช้จ่ายซื้อของหรูราคาแพง หรือเที่ยวผับ เที่ยวเธค พร้อมกับการตั้งคำถามว่าพฤติกรรมดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ปัจจุบันอายุ 34 ปี เป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี เริ่มบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดศรีนวล อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. 2542 ได้ฉายาว่าฉัตติโก ก่อนจะมาตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายสาขาทั้งใน และต่างประเทศกว่า 10 สาขา
“พระที่อยู่ในคลิปคือหลวงปู่เณรคำ สำนักสงฆ์ที่ศรีสะเกษครับ รุ่นพี่ที่ทำงานเขาเลื่อมใสศรัทธามาก ท่านบอกว่าท่านบรรลุอรหันต์แล้ว ประวัติท่านมีเรื่องมหัศจรรย์มากมาย ลองค้นหาท่านในกูเกิ้ลได้ ลูกศิษย์ลูกหามากมาย แต่สำหรับผมบอกตรงๆ ไม่ได้ไปสัมผัสรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ทั้งหลายที่ท่านสำแดงอิทธิฤทธิ์ก็เลยไม่ได้มีจิตศรัทธาในตัวท่าน แล้วมาเห็นท่านในคลิปแบบนี้บอกตรงๆไม่ได้หมดศรัทธา แต่ผมไม่เคยศรัทธาพระมาตั้งแต่ต้น การทำดีไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะกับพระ ผมคิดเช่นนั้นจริงๆ”
“พระสงฆ์เป็นที่บูชากราบไหว้ของฆราวาส เพราะเป็นบุคคลที่ทรงศีลอันบริสุทธื์ 227 ข้อ ซึ่งยากที่ปุถุชนจะกระทำได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ละวางความสุขทางโลก เป็นผู้สันโดษ มักน้อย ไม่ยินดีต่อ ลาภ สักการะ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดตัณหาคือความอยากซึ่งเป็นตัวการที่ขัดขวางมิให้เจริญธรรมจนหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ เรากราบไหว้บูชาท่านเพราะเหตุนี้ ดังนั้นการที่พระสงฆ์ หรือคนที่แต่งกายเป็นพระสงฆ์ ยังยินดีในลาภสักการะ ซึ่งมักอ้างว่ามีผู้มีจิตศรัทธา หามาให้ ย่อมไม่เป็นที่สรรเสริญในทางพระพุทธศาสนา เพราะมิได้ต่างอันใดจากปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปเลย”
“ตรวจสอบแล้วไง จะทำอะไรเค้าได้ ไม่ผิดกฎหมายซักหน่อย ให้หรือบริจาคโดยสเน่หา”
“ทุกวันนี้ ผมทำบุญกับพระน้อยมากครับ ทำกับเด็กพิการ โรงเรียน สถานศึกษา คนชรา ซะมากกว่า เพราะผมรู้สึกว่า พระทุกวันนี้ หาแก่นแท้ได้ยากว่าเป็นพระ ที่เป็นตัวแทนเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาจริง ๆ มีแต่เรื่องเสื่อม ๆ เน้นพุทธพานิช ขอบริจาคกลางตลาด เมาเหล้า จิปาถะ ไม่รู้ว่ากลั่นกรองผู้ที่จะบวชกันอย่างไร ประเทศไทย”
“เสียชื่อเสียงไปไกลหน้าขายหน้า ใครจะให้หรือถวายอะไร ใหญ่มีราคามากแค่ไหนไม่เกี่ยว ที่การปฎิบัติของพระทำตัวเหมาะสมหรือเปล่า พระก็คือคนที่ยังมีกิเลสทุกรูป มีแค่องค์เดียวที่ตัดสิ้นแล้วทุกอย่างก็คือพระพุทธเจ้าและสาวกของพระองค์เมื่อ 2 พันกว่าปีมาแล้ว”
“ปัญหา ที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข จากทั้งทางคณะสงฆ์และชาวพุทธเอง คือการคัดเลือกบุคคลเข้ามาบวช คนเข้ามาบวชเพื่อตั้งใจประกอบทุจริตอาศัยศาสนาหากิน ได้รับการส่งเสริม ทั้งจากญาติโยมและทางคณะสงฆ์ ให้เป็นใหญ่เป็นโตกันเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะเห็นแก่เงิน การประกอบพิธีทางไสยศาตร์เพื่อหากิน ซึ่งผิดพระธรรมวินัย ก็ได้รับการส่งเสริมและปกป้องทั้งจากทางคณะสงฆ์และญาติโยม แบบนี้เมื่อไหร่ก็จบ พากันขายศาสนากินเพราะเห็นแก่เงินอย่างสนุกสนาน จะโทษใครได้ พวกท่านทำลายตัวเองเพราะเห็นแก่เงิน ศาสนาไม่ได้เสื่อมเพราะเป็นแค่คำสอน คนในศาสนาต่างหากเสื่อม เพราะเป็นแค่คนที่ตั้งใจเข้ามาหากินในโดยอาศัยศาสนาบังหน้า”
เรื่องที่สอง เรียกกระแสฮือฮาตามภาพยนตร์ดังจากฝั่งฮอลลีวู้ด เมื่อสำนักข่าวดังของอังกฤษ มีการเผยแพร่รายการสารคดีเรื่อง “คำสารภาพของผู้ถูกเอเลี่ยนลักพาตัว” โดยนายไซมอน ปาร์ค วัย 54 ปี นักการเมืองจากพรรคแรงงานของอังกฤษ ซึ่งเป็น ส.ส. ประจำเมืองนอร์ธ ยอร์กเชอร์ ที่ออกมาเปิดเผยถึงประสบการณ์กับของตนเอง ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ต่างดาวจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ เมื่อช่วงปี 2555
ตามรายงานข่าวระบุว่า นายไซมอนเล่าว่าตนเองถูกมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อว่า “The Cat Queen” ซี่งเป็นมนุษย์ต่างดาวตัวสีเขียว สูงประมาณ 2.7 เมตร มี 8 นิ้ว ลักพาตัวไป โดยถูกลำแสงยานเอเลี่ยนดูดขึ้นไปบนยาน ถึง 4 ครั้ง ภายใน 1 ปี และน่าทึ่งกว่านั้นคือ นายไซมอนได้มีเพศสัมพันธ์กับเอเลี่ยนตัวนี้ ทั้งยังให้กำเนิดลูกกับมนุษย์ต่างดาว โดยให้ชื่อว่า “ซาร์ก้า” อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังมีการเปิดเผยถึงความรู้สึกจากภรรยาของนายไซมอนว่า แม้เธอจะไม่พอใจที่ ท่าน ส.ส. มีสัมพันธ์กับมนุษย์ต่างดาว แต่เธอก็ไม่สามารถขัดขวางได้ และถือว่านายไซมอนไม่ได้นอกใจ เพราะอย่างไรมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ใช่มนุษย์
แน่นอนว่าเรื่องนี้ฟังดูเป็นเหลือเชื่ออย่างมาก แต่นายไซมอนก็ยังมีการกล่าวต่อสื่อไว้ด้วยว่า เหตุผลที่เขาตัดสินใจที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ แม้ใครหลายคนอาจจะมองว่าเขา “บ้า” หรือเพ้อเจ้ออะไรก็ตาม เพราะคนอื่นไม่สามารถได้เห็นหรือสัมผัสกับเหตุการณ์จริงเหมือนเขาเอง ทั้งยังมีการยืนยันจากผู้ที่แอบติดตามพฤติกรรมของนายไซมอนว่าเขาไม่ได้บ้าหรือเพ้อเจ้อ ซึ่งนอกจากนายไซมอนที่มีประสบการณ์อันน่าเหลือเชื่อกับมนุษย์ต่างดาวแล้ว ยังมีผู้คนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเปิดเผยเรื่องดังกล่าว
“คิดกันง่ายๆ นะครับ ไม่ได้ให้ใครเชื่อครับ โลกคือดาวดวงหนึ่งใน 9 ดวงที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ และทำไมโลกจึงมีมนุษย์โลก ดาวอีก 8 ดวงก็หมุนรอบดวงอาทิตย์เหมือนโลกเรา เขาก็มีมนุษย์ในดาวของเค้าเหมือนกัน ซึ่งเราเรียกกันว่ามนุษย์ต่างดาวครับ ทุกดาวที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ มีมนุษย์เมือนๆ กันครับ เพียงแต่ว่า ร่างกายอาจจะแตกต่างกันในภาวะแวดล้อมของแต่ละดาวครับ มีจริงผมเชื่อ แต่ที่จะผสมพันธ์ข้ามสายพันธ์กันผมไม่เชื่อครับ นอกจากว่า วิวัฒนาการมนุษย์ดาวอื่นสูงล้ำมากๆ ก็น่าจะผสมข้ามสายพันธ์กันได้ครับ”
“โลกเป็นแค่ส่วนที่เล็กมากๆ ในจักรวาลนี้ เราไม่เคยรู้เคยเห็นว่าดาวดวงอื่นมีอะไรบ้าง สิ่งที่มนุษย์รู้เทียบได้เพียงเม็ดทรายหนึ่งเม็ดในทะเลทรายทั้งโลกรวมกัน ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง The Forth Kind ที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่ลักพาตัวเด็กผู้หญิงคนนึง และเข้ามาในเมืองๆ หนึ่ง ในหนังเค้าโชว์วีดีโอจริงๆ เทียบไปกับในหนังด้วย ทำให้เชื่อว่า มนุษย์ต่างดาวน่าจะมีจริง”
“ไม่น่าเชื่อ สิ่งมีชีวิตในโลกเดียวกันแต่ต่างสปีชีส์กันส่วนใหญ่ไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้เพราะสภาพร่างกายที่ต่างกัน นี่อยู่คนละโลกสภาพร่างกายต่างกันมาก…งง”
“ถ้าจักรวาลนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตต่างดาว ก็เป็นไปไม่ได้หรอก ลองคิดดู มีดาวทั้งหมดเยอะกว่าเม็ดทรายบนโลกรวมกัน แต่มีแค่ดาวโลกดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิต คิดว่ามันเป็นไปได้มั้ยล่ะ ตอบให้ว่า ไม่มีทาง มันต้องมีอีกเยอะที่ข้างนอกนั่น
เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งในที่หนึ่งของเวลาหนึ่งที่จักรวาลสร้างสรรมาให้”
“ประเทศที่พัฒนาเเล้วเขาเชื่อนะครับ เพราะประเทศเราล้าหลัง เลยไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เราจะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์มากกว่า เเต่ประเทศที่พัฒนาเเล้วเช่น อเมริกา เขาค้นคว้าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเเละเชื่อว่ามีอยู่จริง นั้นเเหละจริงเกิดขึ้นเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อพัฒนาเเละวิจัย ส่วนประเทศล้าหลัง จะไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ ในความคิดผมนะ ประเทศที่พัฒนาเขาจะคิดออกไปนอกโลก ประเทศที่กำลังพัฒนาครึ่งหนึ่งก็อยากไปนอกโลกครึ่งหนึ่งยังเชื่อไสยศาสตาร์อยู่ ส่วนประเทศที่ยังไม่พัฒนาส่วนมากเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ชึ่งประเทศพวกนี้มันจะอยู่ที่เดิมๆ ไม่คิดจะออกไปค้นคว้าอะไร สังเกตุประเทศเเถบ เเอฟฟิกา เขายังเชื่อเรื่องเเม่มดอยู่เลย”
“ในโลกใบนี้มีเรื่องเล้นลับมีมากมายที่ยังไม่ถูกเปิดเผย เราควรใช้ปัญญา เชื่อในเหตุในผล”
เรื่องที่สาม คลิปฉาวที่มีการแชร์ต่อกันมากจากฝั่งอเมริกา เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศมีการพูดถึงคลิปจากกล้องวงจรปิด ที่นายเดวิด ไบเออร์ อาจารย์หนุ่มชาวฟลิดา ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนวัย 12 ปี ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก ด้วยการกระชากและตบจนล้มลงไปกลางพื้นห้อง
โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเด็กชายคนดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเดวิด เขาจึงเกิดความไม่พอใจ และสั่งให้เด็กชายลุกขึ้นยืน แต่เด็กชายก็ปฏิเสธและยังคงนั่งลง เดวิดจึงเดินไปกระชากเด็กชายและสั่งให้ยืนขึ้น เมื่อมีปากเสียงกันสักพัก เขาก็คว้าคอเด็กชายอย่างแรงจนล้มลงไปนอนกับพื้นห้อง
เหตุการณ์นี้ทำให้เดวิดถูกไล่ออกและรับโทษถึง 4 ข้อหาในเรื่องการทารุณกรรมเด็ก เพราะมารดาของเด็กชายออทิสติกในคลิปออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกชายของตน
“คุณครูเขาสอนด้วยความทุ่มเทจริงๆ ทุ่มเทแล้วทุ่มทิ้ง”
“ผู้เป็นครู ควรไปศึกษาคำว่าเด็กป่วยเป็นออทิสติกก่อน เพราะเด็กกลุ่มนี้ ต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาสอนและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มพัฒนาการการเข้าสังคม ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ หรือไม่มีความอดทนก็ไม่สมควรมาดูแลเค้านั่นหล่ะคือสิ่งที่ควรจะทำ”
“ปัญหาโลกแตก ของความเป็นครู ถ้าไม่มีความอดทน ก็ลาออกไปเถอะ”
“ขนาดเด็กมันยังรู้ว่าครูก้าวร้าวเลย ทำร้ายเด็กก็ไม่ดีแล้ว นี่ยังมาทำเด็กที่เป็นออทิสติกอีกแย่ยกกำลังสองจริงๆ”
“คนแบบนี้ อย่าเรียกว่าครูเลย”
“เรื่องน่ากังวลสำหรับผู้เป็นพ่อแม่ จะมีที่ไหนที่จะวางใจให้ลูกน้อยของตนเองอยู่ได้อย่างปลอดภัยบนโลกใบนี้ ช่างยากจริงๆ”
เรื่องที่สี่ เรื่องราวไอเดียดีๆ เมื่อ 3 นักบินอวกาศชาวจีน ซึ่งได้แก่นักบินอวกาศที่มีชื่อว่า เนี๊ย ไห่เชิง, จาง เซี่ยวกวง และ หวัง หยาผิง นักบินอวกาศหญิงคนที่ 2 ของจีน จากยานเสิ่นโจว 10 ที่ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา และปฏิบัติภารกิจเป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีการส่งสัญญาณภาพบรรยากาศการสอนหนังสือแบบสดๆ บนสถานีอวกาศเทียงกง 1 มายังห้องเรียนภาคพื้นดิน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีน ที่มีการสอนวิชาฟิสิกส์จากห้วงอวกาศ ทั้งยังสร้างความตื่นเต้นให้กับชาวจีนจำนวนมากที่รับชม โดยมีนักเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาจำนวน 330 คน จากหลายพื้นที่ รวมถึงที่มาจากฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน
สำหรับครูผู้สอนในการบรรยายครั้งนี้คือ นางสาวหวัง หยาผิง บรรยายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในสภาวะไร้น้ำหนัก แรงกดดันที่เกิดจากภาวะของเหลว รวมทั้งกฎแรงโน้มถ่วงของเซอร์ไอแซก นิวตัน พร้อมทั้งมีการสาธิตประกอบคำอธิบาย โดยที่นาย เนี๊ย ไห่เชิง และนายจาง เซี่ยวกวง นักบินชายอีกสองคน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสอน และช่างภาพ
โดยระหว่างที่หวัง หยาผิง ทำการสอน นักเรียนบนพื้นโลกต่างมีคำถามกันอย่างมาก ทั้งยังแข่งกันยกมือถามอย่างกระตือรือร้น ซึ่งคำถามก็มีหลากหลาย อาทิ หากมีการตีกอล์ฟในอวกาศ ลูกกอล์ฟจะกลับมาหรือไม่, ดวงจันทร์หน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อมองจากนอกโลก, นักบินอวกาศมองเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์หรือไม่, ถ้ามีใครป่วยในอวกาศ จะต้องทำอย่างไร และในสภาวะไร้น้ำหนัก นักบินอวกาศเคยชนเข้ากับสิ่งของรอบตัวบ้างหรือไม่
การสอนสดจากห้วงอวกาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน ทั้งยังมีการถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ CCTV ให้ครูและนักเรียนกว่า 60 ล้านคน จากโรงเรียน 80,000 แห่งทั่วประเทศจีน ได้รับ ชมบรรยากาศการถ่ายทอดสด
“อยากให้ประเทศไทยมีแบบนี้จังเลย ”
“ที่อเมริกาก็มีเทคโนโลยีแบบนี้ สนุกมาก”
“ผมคิดว่าเร็วๆ นี้ ประเทศเยอรมนีก็จะมีผลการรายงานความคืบหน้าจากอวกาศเหมือนกัน”
“เป็นการเรียน ที่สนุกสนานมาก สำหรับเด็ก คิดว่าถ้าทำแบบนี้ได้บ่อยๆ จะสร้างแรงกระตุ้นการเรียนรู้ ให้เด็กได้มากจริงๆ ”
“โอ้โห้ นี้จีนมีนักบินอวกาศด้วย ทำไมไม่มีพี่ไทยบ้างนะ”
“วิวัฒนา และเทคโนโลยี ดำเนินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง น่าดีใจกับเด็กในอนาคต ที่จะได้เรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างสนุกสนาน”
เรื่องที่ห้า งานเข้าอย่างจัง สำหรับนักแสดงหนุ่มมาดกวน “แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” ที่จู่ๆ แม่บังเกิดเกล้าของตนก็ออกแฉว่าเป็นลูกอกตัญญู ลืมบุญคุณผู้ให้กำเนิด และไม่เคยส่งเงินให้แม่เลยแม้แต่บาทเดียว ทั้งยังขอยืมเงินแม่ทั้งพ่อทั้งลูก และรถที่แม่ใช้อยู่เป็นประจำ แทคก็นำไปขับ และให้พ่อไว้ใช้เหมือนเป็นรถของตัวเอง
ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการโพสต์ข้อความตอบโต้ไปมาของแทคกับผู้ที่อ้างว่าเป็นแม่ หรือนางชนิกา อภิชัย ผ่านทางอินสตาแกรม แทคได้โพสต์ภาพนายสมชาย โรจนวุฒิธรรม พ่อของแทค กับรถสวยคันหนึ่ง และต่อมาคือภาพการคุยไลน์กับผู้ที่แทคเรียกว่าแม่เกี่ยวกับรถคันดังกล่าว โดยที่บรรดาแฟนคลับก็มีการคอมเมนท์ชื่นชม ถึงความน่ารักของครอบครัวนี้
หลังจากนั้น ก็มีผู้ใช้อินสตาแกรมที่ชื่อว่า chanikaapichai หรือ ชนิกา อภิชัย โดยอ้างว่าเป็นแม่บังเกิดเกล้าของแทค เข้ามาคอมเมนท์ว่า “แม่ตัวจริงไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยโทรหา ไม่เคยส่งเสีย แม่ให้เงินไปซื้อรถเพราะอยากได้รถใหม่ กลับเอาไปให้แม่น้านั่ง สงกรานต์ก็ไม่เคยมาหาตาที่บ้านนอกก็ไม่เคยไปเยี่ยม พอออกรายการก็บอกว่าแม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก ให้จำไว้ว่ารถที่พ่อแทคขับคือเงินของแม่บังเกิดเกล้าที่ไม่เคยได้รับการดูแลจากลูก”
โดยที่ทางแทค ก็มีข้อความโต้ตอบกลับไปแต่เพียงว่า “เรื่องของครอบครัว ไปคุยกับสมชายเองดีกว่าครับ คงได้คำตอบครับ” และฝ่ายผู้ที่อ้างว่าเป็นแม่ก็ตอบกลับมาว่า “คำตอบอยู่ที่ลูก ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็คืนเงินแม่มาทั้งพ่อและลูก ในเมื่อไม่มีแม่ก็คืนเงินแม่มา..พ่อก็เอาเงินแม่..ลูกก็เอาเงินแม่..แย่ทั้งพ่อทั้งลูก..สร้างภาพเก่ง..ใส่ความคนก็เก่งทั้งพ่อทั้งลูก” ทำให้เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮา จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก
ทั้งนี้ หลังจากที่เป็นเรื่องราวและเป็นข่าว แทคก็ยังคงใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า “กับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องครอบครัวครับ อะไรเป็นอะไร มี 3 คน ที่รู้ ผม พ่อ และแม่เท่านั้น ผมไม่ขอพูดอะไรมากครับ (แม่ก็คือแม่) ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนคนไม่รู้อะไร หรือจะว่าอะไร ถ้าไม่รู้จริงหุบปากไป อย่าเสือกเรื่องครอบครัวครับ ขอบคุณมากครับ (และผมไม่เคยพูดจาไม่เคารพ และไม่เคยพูดว่าโดนแม่ทิ้ง)”
ทางด้านชาวโซเชียลก็มีการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นนี้กันอย่างมากมาย เพราะสถาบันครอบครัวก็เป็นเรื่องที่สำคัญและละเอียดอ่อนของสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หนุ่มแทคก็ยังไม่มีการอธิบายอะไรนอกเหนือไปกว่าคำที่บอกว่า เรื่องครอบครัว มี 3 คน เท่านั้นที่รู้
“เรื่องในครอบครัว เอามาให้คนอื่นอ่านทำไม คุณแม่ไม่ควบคุมอารมณ์เลยค่ะ เสียหมดทั้ง 3 คน”
“คุณแม่ทิ้งลูกไปเอง แล้วจะกลับมาทำไม ที่ผ่านมาบ้านแทคก็เคยเกือบล้มละลายมาแล้ว ไม่เคยเห็นมา”
“เดี๋ยวนะ นอกประเด็นนิดนึง คุณแท็คเรียก พ่อตัวเอง ว่าสมชาย เหรอครับ “เรื่องของครอบครัวไปคุยกับสมชายเองดีกว่า ครับ คงได้คำตอบครับ” ทำไมไม่พูดว่า “เรื่องของครอบครัวเรา แม่ ไปคุยกับ พ่อ เองดีกว่า ครับ คงได้คำตอบครับ” อะไรทำนองนี้เรื่องของครอบครัวดารา ผมไม่ยุ่งหรอกครับ แต่ดารา มีหน้าที่ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชน หรือสังคม ด้วย ย้ำ มันเป็นหน้าที่ครับ วิธีการพูด หรือแสดงออกต่อบุพการี ก็สมควรใช้คำพูดที่ดีให้เกียรติท่านกันบ้างครับ สังคมเรายังไงก็ยังมีแบบแผนต่อผู้ใหญ่ปฏิบัติกันมานะครับ”
“ก็จริงของเค้า ต่างคนต่างก็มีปัญหาภายในที่ไม่เหมือนกัน อย่าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวเค้าเลย ผมก็คนนึง เคยทะเลาะกับแม่ แล้วมีคนอื่นเข้ามายุ่ง จนกลายเป็นเรื่องไม่จบมาจนทุกวันนี้”
“ข้อความของคุณแม่ของแทคที่โพสต์ขึ้น อาจเกิดจากอาการน้อยใจในเรื่องบางเรื่อง อาจจะอยากอยู่ในสายตาของลูกบ้าง หรือเห็นลูกคุยกไลน์กับคุณแอ๊ดอย่างอบอุ่น แล้วคุณแม่ไม่ได้รับส่วนนั่นจึงรู้สึกน้อยใจจึงโพสข้อความนั่นขึ้นมา คือความต้องการความรักจากลูกบางน่ะ บางทีแม่อาจจะทำผิดพลาด ไม่มอบความรักให้ลูกอย่างเต็มที่ตั้งแต่แรกหรือละเลยลูกในตอนแรก แต่แม่ก็คือแม่บางทีขาดลูกไป ไม่ได้อยู่กับลูกคงคิดถึงอยากได้ความรัก อยากมอบความรักให้กับลูกบ้างก็เป็นได้ ยิ่งเห็นลูกทางทีวี เป็นแม่ก็ต้องรู้สึกว่านี้คือลูกต้องเอ็นดูลูกตัวเองบ้างล่ะนะ”
“คุณแทค ใจเย็นๆ นะ มีอะไรค่อยๆ พูดกันนะ เรื่องในครอบครัวมันค่อนข้างละเอียดอ่อน คนนอกไม่เข้าใจหรอก”