
ปัญหาข้าวของแพง ค่าครองชีพสูง กระทบปากท้องของประชาชน เป็นประเด็นร้อนทางการเมืองในขณะนี้ ดังนั้น เพื่อดับร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 จึงตัดสินใจยกเลิกมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ที่ประกาศมาตรการ “ลอยตัวราคาพลังงาน” ทั้งในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวีและแอลพีจี) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้พิจารณาปรับราคาขายปลีก และกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และระยะเวลาให้มีความเหมาะสม เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมัน และก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก่อนชง ครม. เปิดไฟเขียวภายในวันเดียวกัน
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ ครม. มีมติตามข้อเสนอของ กพช. เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 ในวันเดียวกันตนได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีเพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม. โดยมีมติเห็นชอบดังนี้
1. ก๊าซเอ็นจีวี เห็นชอบให้คงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีที่ 10.50 บาท/กิโลกรัม ต่อไปอีก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555
2. ก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เห็นชอบให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมไว้ที่ 30.13 บาท/กิโลกรัม กรณีราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมากจนทำให้ต้นทุนราคาก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมันเกิน 30.13 บาท/กิโลกรัม และเห็นชอบให้ปรับลดราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามต้นทุนโรงกลั่น กรณีหากราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวลดลง ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมันต่ำกว่า 30.13 บาท/กิโลกรัม
กรณีก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในภาคขนส่ง เห็นชอบให้เก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันในอัตรา 2.80 บาท/กิโลกรัมต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555 ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีก แอลพีจีภาคขนส่งอยู่ที่ 21.13 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ ที่ประชุม กบง. ได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดำเนินการออกประกาศ กบง. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
อนึ่ง มติ กพช. วันที่ 30 กันยายน 2554 หรือ “มาตรการลอยตัวราคาพลังงาน” ที่ถูกยกเลิก มีอยู่ 3 แนวทางดังนี้
1. แนวทางในการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยให้ทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์เดือนละ 1 บาท/ลิตร และปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซล อัตรา 0.60 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
ดังนั้น เมื่อการยกเลิกมติดังกล่าวในส่วนของการปรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ประชุม กพช. วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 มอบหมายให้ กบง. เป็นผู้พิจารณาปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทั้งในส่วนของน้ำมันดีเซลและเบนซินตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก ภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ การส่งเสริมพลังงานทดแทน และฐานะกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้
กรณีน้ำมันดีเซล หากราคาขายปลีกดีเซลสูงขึ้นจนกระทบต่อค่าขนส่งและค่าโดยสาร ให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ขณะเดียวกันก็จะมีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เมื่อราคาขายปลีกมีราคาต่ำจนทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและรถโดยสารสมควรปรับค่าบริการลงมาด้วย
กรณีน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้ กบง. พิจารณาปรับเพิ่มหรือลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อรักษาระดับส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันเบนซิน กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้เอทานอลมากขึ้น
2. แนวทางในการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี ตามมติวันที่ 30 กันยายน 2554 ให้ทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีเดือนละ 0.50 บาท/กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 จนถึงเดือนธันวาคม 2555 ดังนั้น เพื่อไม่ให้กระทบผู้ใช้เอ็นจีวีมากเกินไป กพช. จึงมีมติให้คงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีไว้ที่ราคา 10.50 บาท/กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555
จากนั้น นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป มอบหมายให้ กบง. พิจารณาการปรับราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยพิจารณาจากผลการศึกษาต้นทุนราคาก๊าซเอ็นจีวีที่ศึกษาโดยสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. แนวทางการปรับราคาก๊าซแอลพีจี ตามมติ กพช. เดิมจะมีอยู่ 2 ส่วน คือ แอลพีจีที่ใช้ในภาคขนส่งกับใช้ในภาคอุตสาหกรรม สำหรับแอลพีจีที่ใช้ในภาคขนส่ง มติเดิม กพช. (30 ก.ย.2554) ให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งเดือนละ 0.75 บาท/กิโลกรัม (0.41 บาท/ลิตร) นับตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 โดยปรับพร้อมกับการขึ้นราคาเอ็นจีวี 0.50 บาท/กิโลกรัมจนไปสู่ต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน
ล่าสุด กพช. มีมติให้คงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งไว้ที่ 21.13 บาท/กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2555 เช่นเดียวกับเอ็นจีวี แต่หลังจากวันที่ 16 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป มอบหมายให้ กบง. ปรับราคาขายปลีกแอลพีจีภาคขนส่งให้ราคาไม่เกินต้นทุนก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมัน
ส่วนแอลพีจีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เดิม กพช. มีมติวันที่ 27 เมษายน 2554 ให้ทยอยปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมให้สะท้อนต้นทุนโรงกลั่นน้ำมัน ตั้งแต่กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป โดยปรับราคาขายปลีกไตรมาสละ 3 บาท/กิโลกรัมจำนวน 4 ครั้ง ล่าสุด ที่ประชุม กพช.วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 ได้ยกเลิกมติดังกล่าวและมอบหมายให้ กบง. พิจารณาการปรับราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม โดยให้มีราคาไม่เกินต้นทุนก๊าซแอลพีจีจากโรงกลั่นน้ำมัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555 โดยกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในแต่ละเดือนตามความเหมาะสม
แหล่งข่าวจาก สนพ. กล่าวว่า ส่วนการกำหนดรูปแบบในการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจี ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงหรือต้นทุนที่โรงกลั่นน้ำมัน นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป ประเด็นนี้ กพช. มอบหมายให้ กบง. เป็นผู้ตัดสินใจว่ากำหนดรูปแบบว่าทยอยปรับราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีขึ้นเป็นรายเดือนเช่นเดียวกับมติ กพช. วันที่ 30 กันยายน 2554 หรือจะปรับราคาขึ้นทันที