![นายนิพทธ พุกกะณะสุต ที่มาภาพ : http://www.thaigov.go.th นายนิพทธ พุกกะณะสุต ที่มาภาพ : http://www.thaigov.go.th](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2012/03/Nipat1.jpg)
ปมสาวไส้ที่เกิดขึ้นในกระทรวงการคลังช่วงนี้ค่อนข้างร้อนระอุ หลังจากที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง ถูกเด้งพ้นจากตำแหน่ง ข่าวเชิงลบก็หลั่งไหลกันออกมาดั่งสายน้ำ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควตาหวย 4 หมื่นเล่ม ล่องหนไร้ร่องรอย เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงธนาคารเฉพาะกิจ กรณีการปล่อยสินเชื่อของนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กับนายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รวมทั้งการเปิดรายงานลับแบงก์ชาติกรณีการตรวจสอบเอสเอ็มอีแบงก์ และคดีค่าโง่กรมธนารักษ์ เป็นต้น
แต่พอเปลี่ยนตัวมาเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งขุนคลังได้ไม่นาน นายกิตติรัตน์ได้แบ่งงานให้นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าไปกำกับดูแลแบงก์รัฐ 5 แห่ง ปรากฏว่านายธีระศักดิ์พ้นข้อกล่าวหาเป็นคนแรก
ผลสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นที่มีนายอำนวย ปรีมนวงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานฯ ซึ่งแต่งตั้งสมัยนายธีระชัย ระบุว่า กระบวนการอนุมัติสินเชื่อของนายธีรศักดิ์ ส่วนใหญ่จะผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการของธนาคาร แต่ในทางปฎิบัติอาจจะมีผิดระเบียบเพียงเล็กน้อย ซึ่งเชื่อมโยงไปไม่ถึงนายธีรศักดิ์ และก็ไม่ทำให้ธนาคารเสียหาย
![นายธีระศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ซ้าย) - นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน(ขวา) นายธีระศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ซ้าย) - นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน(ขวา)](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2012/03/ออมสิน.png)
ส่วนกรณีของนายเลอศักดิ์ ตอนนี้นายมนัส แจ่มเวหา รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานสอบ ยังไม่ได้สรุปผลสอบนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการออมสิน แต่ตอนนี้เริ่มส่อแววว่าพ้นข้อกล่าวหาเช่นกัน
เบื้องลึกของการแต่งตั้งคณะกรรมการเข้าไปลุยสอบการปล่อยสินเชื่อของธนาคารออมสินครั้งนั้น แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า สาเหตุน่าจะเป็นประเด็นที่มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องที่ธนาคารออมสินดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับนายนิพัทธ พุกกะณะสุต อดีตประธานกรรมการคณะกรรมการ ธนาคารออมสิน ซี่งในสมัยนั้นนายนิพัทธอาศัยอำนาจประธานคณะกรรมการ เซ็นอนุมัติให้ธนาคารออมสินซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ (บีบีซี) ตามคำเชิญของนายวิจิตร สุพินิจ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนั้น (และมีลูกน้องชื่อ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) โดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคารออมสินก่อน
หลายคนอาจจะลืมชื่อ “นิพัทธ พุกกะณะสุต” ไปแล้ว แต่ในแวดวงตลาดทุนต่างรู้ดีว่า เป็นผู้กว้างขวางและมีเครือข่ายที่มีอำนาจ ในสมัยที่นายวิจิตร สุพินิจ อดีตประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ผู้อื้อฉาว ที่ถูกพนักงานใส่ชุดดำประท้วงให้ลาออกจากเก้าอี้จนต้องทิ้งเก้าอี้ในที่สุด และมีนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นเลขาธิการ ก.ล.ต.
ถ้าย้อนกลับไปดูประวัติของนายนิพัทธ ถือว่าเป็นข้าราชการที่เก่งที่สุดของกระทรวงการคลัง ทุกครั้งที่ประเทศไทยลดค่าเงินบาท ลอยตัวค่าเงิน พาประเทศเข้าโปรแกรมฟื้นฟูของไอเอ็มเอฟ ต้องมีชื่อนายนิพัทธเข้าไปอยู่ในทีมด้วยทุกครั้ง แต่บางครั้งนายนิพัทธก็ใช้ความเก่งจนต้องถูกให้ออกจากราชการ กลายมาเป็นกุนซือใหญ่ด้านเศรษฐกิจในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ทำให้นายนิพัทธรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและอาญาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตมาได้นับสิบคดี จนคนคลังตั้งฉายา “นิพัทธ” ว่าเป็น “แมว 9 ชีวิต “ ไม่มีวันตาย ชื่อของ “นิพัทธ” จึงกลับขึ้นมาผงาดอีกครั้งเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง
ชื่อของ “นิพัทธ” ถูกเอ่ยนามบ่อยครั้งในระยะนี้เพราะถูกธนาคารออมสินฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งคดีผ่านการพิจารณาของศาลมาแล้วถึง 2 ศาล คือ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ซึ่งตัดสินให้ “นิพัทธ” ต้องจ่ายค่าเสียหายให้ธนาคารออมสิน 375 ล้านบาท พร้อมกับดอกเบี้ยอีก 7.5% ต่อปี นับจากวันที่ 9 มีนาคม 2544 ถึงปัจจุบัน คิดเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ล่าสุด คดีนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกา และถ้าหากศาลฎีกาคงยืนคำตัดสินตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ขั้นตอนต่อไป “เลอศักดิ์ จุลเทศ” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ต้องบังคับ “นิพัทธ” จ่ายค่าเสียหายตามกฏหมาย
แต่ประเด็นที่ต้องจับตาก็คือ หลังจากที่ “ธีระชัย” เข้ามารับตำแหน่งขุนคลัง กระทรวงการคลังได้ส่งนางพรรณี สถาวโรดม อดีตผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งอดีตเป็นลูกน้องเก่าของ “นิพัทธ” เข้ามานั่งเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารออมสิน แทนนายวินัย วิทวัสการเวช อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ที่ยื่นใบลาออกไปก่อนที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง
นางพรรณีข้ามานั่งเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารออมสินได้ไม่นาน ก็แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาลุยสอบการบริหารงานของนายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินหลายชุด แต่ที่ประเด็นน่าสนใจคือ ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2555 ธนาคารได้แต่งตั้งนายวิจิตร สุพินิจ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกระบวนการอนุมัติสินเชื่อของออมสิน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของคนในแวดวงการเงินการว่าทั้ง “นิพัทธ” และ “วิจิตร” มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นขนาดไหน และที่สำคัญ ในสมัยที่นายวิจิตรเป็นผู้ว่า ธปท. ได้เป็นคนออกจดหมายเชิญให้นายนิพัทธ ซึ่งในขณะนั้นนั่งเป็นประธานคณะกรรมการธนาคารออมสิน ให้นำเงินออมสินมาซื้อหุ้นบีบีซี ดังนั้นการแต่งตั้งนายวิจิตรเข้าไปสอบนายเลอศักดิ์ ถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of interest)
![นายวิจิตร สุพินิจ อดีตผู้ว่าการ ธปท. ที่มาภาพ : http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/120/1120/images/stockindices/vichitS1.jpg นายวิจิตร สุพินิจ อดีตผู้ว่าการ ธปท. ที่มาภาพ : http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/120/1120/images/stockindices/vichitS1.jpg](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2012/03/vichitS1.jpg)
แหล่งข่าวจากระทรวงการคลังกล่าวว่า ล่าสุด นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ได้สรุปรายชื่อข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว ซึ่งมีอยู่ 5 ราย โดยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร “น”, ”อ”, ”ว”, ”พ” และ ”ย” ในจำนวนนี้มีอยู่ 2 รายปลดเกษียณไปหมดแล้ว ส่วนอีก 3 ราย ยังรับราชการอยู่เป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง
และอธิบดีกรมธนารักษ์สมัยนั้นชื่อนายนิพัทธ พุกกะณะสุต
ตามขั้นตอนต่อไป นายกิตติรัตน์ต้องนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อขออนุมัติจัดสรรงบกลาง 1,000 ล้านบาท มาชำระหนี้ค่าก่อสร้างฐานรากและดอกเบี้ยให้กับบีทีเอสตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จากนั้น กรมธนารักษ์ต้องออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนที่สนใจเข้ามาบริหารโครงการที่ดินราชพัสดุหมอชิต ซึ่งนักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาต้องรับภาระค่าใช้จ่าย 1,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลจัดงบกลางสำรองจ่ายไปก่อนด้วย หากกรมธนารักษ์หาตัวนักลงทุนรายใหม่เข้ามาบริหารโครงการที่ดินราชพัสดุ หมอชิตไม่ได้ กรมธนารักษ์ต้องดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายเอากับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 รายต่อไป
สรุปแล้ว บั้นปลายชีวิต แมว 9 ชีวิตอย่าง “นิพัทธ พุกกะณะสุต” ต้องควักกระเป๋าชดใช้ความเสียหายจากการเข้าไปซื้อหุ้นบีบีซี 500 ล้านบาท และยังถูกกรมธนารักษ์ฟ้องให้จ่ายค่าโง่บีทีเอสอีก 1,000 ล้านบาท หรือไม่
หากต้องจ่ายจริงๆ ก็ถือซะว่าเงินล่วงหน้าที่เคยใช้ ถึงเวลาที่ต้องจ่ายคืนแล้วทั้งต้นทั้งดอก