ThaiPublica > เกาะกระแส > เกาะกระแสนโยบายการเงิน > ซอฟต์โลน 3 แสนล้าน คาดแบงก์พาณิชย์เริ่มได้ 8 มี.ค. นี้ – ธปท. แบกดอกเบี้ยปีละ 6,000 ล้านบาท

ซอฟต์โลน 3 แสนล้าน คาดแบงก์พาณิชย์เริ่มได้ 8 มี.ค. นี้ – ธปท. แบกดอกเบี้ยปีละ 6,000 ล้านบาท

17 กุมภาพันธ์ 2012


นับตั้งแต่พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. 2555 หรือที่เรียกกันแบบเข้าใจง่ายว่า พ.ร.ก. ให้อำนาจะนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน (ซอฟต์โลน) มีผลบังคับใช้เมื่อวันที 27 ม.ค. ทาง ธปท. เพิ่งออกประกาศหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนต่ำเป็นพิเศษวงเงิน 300,000 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็นวงเงินของ ธปท. ไม่เกิน 210,000 ล้านบาท และวงเงินของสถาบันการเงินไม่น้อยกว่า 90,000 ล้านบาท การให้ความช่วยเหลือทางการเงินของ ธปท. ดังกล่าว ทำให้ ธปท. มีต้นทุนที่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นอีกประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท จากปกติที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละประมาณ 50,000 – 60,000 ล้านบาท ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดปี 2553 ธปท. ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ 62,709 ล้านบาท

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท. สายตลาดการเงิน
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท. สายตลาดการเงิน

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. สายตลาดการเงิน ระบุว่า หากสถาบันการเงินมาขอใช้วงเงินซอฟต์โลนจาก ธปท. เต็มวงเงิน 210,000 ล้านบาท จะทำให้ ธปท. มีภาระดอกเบี้ยจ่ายประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท เนื่องจากเมื่อ ธปท. ปล่อยเงินกู้ซอฟต์โลนให้สถาบันการเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อกับลูกค้า ทาง ธปท. จะต้องดูดเงินกลับเข้ามาในจำนวนเงินที่ ธปท. ปล่อยออกไป ทำให้ ธปท. มีต้นทุนในการดูดเงินกลับเท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ถ้าใช้วงเงินซอฟต์โลนไม่หมด ภาระดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลงไปด้วย

อนึ่ง เงินที่ ธปท. นำไปปล่อยกู้ soft loan นั้น โดยหลักการเท่ากับ ธปท. พิมพ์เงินไปดำเนินการ เพราะ ธปท. ไม่มีแหล่งรายได้ที่ไหน แต่เมื่อ ธปท. พิมพ์เงินเพิ่มเข้าไปในระบบแล้วก็จะต้องดูดเงินออกในสัดส่วนที่เท่ากันด้วย เพื่อดูแลไม่ให้เงินที่พิมพ์เพิ่มเข้าไปกระทบอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่ง ธปท. จะต้องดูแลสภาพคล่องให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่คณะกรรมการนโยบายการเงินกำหนดไว้ ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ที่ 3% ต่อปี

ดังนั้น ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยซอฟต์โลนที่ ธปท. ปล่อยกู้ให้สถาบันการเงินคือ 0.01% ต่อปี กับ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3% ต่อปี ที่ ธปท. ต้องจ่ายเพื่อดูดซับสภาพคล่องกลับคืนหรือดูดเงินออกจากระบบตลาดเงิน จึงเป็นต้นทุนที่ ธปท. ต้องแบบรับภาระแต่ละปี แต่โครงการนี้มีระยะเวลา 5 ปี หมายความว่า ธปท. ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละประมาณ 6,000 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี

อย่างไรก็ตาม นางผ่องเพ็ญปฏิเสธว่า เงินที่ปล่อยกู้ซอฟต์โลนไม่ได้เป็นการพิมพ์เงินเพิ่ม เพราะ ธปท. ดูดซับสภาพคล่องกลับทั้งหมด

สำหรับหลักเกณฑ์หรือคุณสมบัติของผู้ที่จะได้ความช่วยเหลือเงินกู้ผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ หรือ ซอฟต์โลน นั้น นางผ่องเพ็ญ ระบุว่า มีเงื่อนไขสำคัญ 2 ข้อ คือ ต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยตรง และต้องอยู่ในเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามประกาศกระทรวงการคลัง และกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับซอฟต์โลน คือ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ทั้งที่เป็นนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา

นอกจากนี้ เพื่อให้การปล่อยกู้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตรงกลุ่มเป้าหมาย ธปท. จึงกำหนดบทลงโทษกรณีสถาบันการเงินปล่อยกู้ผิดวัตถุประสงค์ หรือผิดเงื่อนไขตามที่ประกาศไว้ โดย ธปท. จะลงโทษปรับในอัตรา 10% ของวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยผิดวัตถุประสงค์ เช่น วงเงินสินเชื่อที่รับจัดสรร 30,000 ล้านบาท แต่สินเชื่อที่ปล่อยให้ลูกค้าวงเงิน 50 ล้านบาท เป็นการปล่อยผิดวัตถุประสงค์ ก็จะถูกลงโทษปรับในอัตรา 10% ของวงเงินสินเชื่อ 50 ล้านบาท

(อ่านรายละเอียด ประกาศ ธปท. เรื่องการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี พ.ศ. 2554)

นางผ่องเพ็ญคาดว่า สถาบันการเงินจะสามารถให้ซอฟต์โลนกับลูกค้าได้ประมาณวันที่ 8 มี.ค. นี้ เนื่องจากมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการคือ ขณะนี้ต้องรอความชัดเจนเรื่องเขตพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งกระทรวงการคลังจะส่งรายละเอียดให้ ธปท. ทราบภายในวันที่ 17 หรือไม่เกิน 20 ก.พ. นี้ จากนั้น ธปท. จะส่งรายละเอียดพื้นที่น้ำท่วมให้สถาบันการเงินทันที เพื่อให้สถาบันใช้เป็นข้อมูลพิจารณาสินเชื่อให้ลูกค้า และภายใน 2 สัปดาห์ นับจากวันที่ ธปท. ส่งข้อมูลพื้นที่ให้สถาบันการเงิน ทางสถาบันการเงินต้องนำเสนอขอวงเงินซอฟต์โลนส่งให้ ธปท. เมื่อครบ 2 สัปดาห์ ธปท. จะใช้เวลา 3 วัน เพื่่อพิจารณาจัดสรรวงเงินให้แต่ละสถาบันการตามความเหมาะสม และจะโอนเงินเข้าบัญชีสถาบันการเงินที่อยู่ใน ธปท. ทันที เพื่อให้สถาบันการเงินนำเงินไปปล่อยกู้ต่อให้ลูกค้า

“ทางกระทรวงการคลังบอกว่า จะส่งรายละเอียดเขตพื้นที่ให้ ธปท. ภายใน 1-2 วัน ถ้าเป็นไปตามกำหนดคืออย่างช้าวันที่ 20 ก.พ. นี้ ธปท. ก็จะส่งต่อให้สถาบันการเงินทันที หากเป็นไปตามกำหนดการนี้ คาดว่าสถาบันการเงินจะเริ่มปล่อยกู้ให้ลูกค้าได้ในวันที 8 มี.ค.นี้” นางผ่องเพ็ญกล่าว

สำหรับวงเงินที่สถาบันการเงินจะขอมานั้น ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. สายตลาดการเงิน ระบุว่า ยังไม่ต้องลงรายละเอียด และการพิจารณาความเหมาะสมจัดสรรวงเงินให้แต่ละแห่งนั้น ธปท. จะดูข้อมูลอื่นๆ ประกอบ เช่น ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อในเขตพื้นที่นั้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่ง ธปท. มีข้อมูลอยู่แล้ว โดยการจัดสรรวงเงินทั้งหมดจะไม่เกิน 210,000 ล้านบาท ถ้าสถาบันการเงินขอมาแล้วมีวงเงินโดยรวมแล้วเกินวงเงินที่กำหนด จะต้องแบ่งปันจัดสรรให้อยู่ในกรอบวงเงินดังกล่าว

“ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อโครงการซอฟต์โลนวงเงิน 300,000 ล้านบาท สถาบันการเงินจะเป็นผู้รับความเสี่ยงทั้งหมด เนื่องจากสถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยกับลูกค้า 2.99% ขณะที่ ธปท. คิดอัตราดอกเบี้ยกับสถาบันการเงินเพียง 0.01% เท่านั้น เพราะฉะนั้น เมื่อสถาบันการเงินเบิกวงเงิน soft loan จาก ธปท. ไปเท่าไร ก็ต้องชำระคืน ธปท. เต็มจำนวน” ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. สายตลาดการเงินกล่าว

ล่าสุด ธปท. สรุปพื้นที่ที่ประสบภัยพิภิบัติในปี 2554ที่กระทรวงการคลังส่งมาให้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ softloan มีจำนวนทั้งสิ้น77 จังหวัด 877 อำเภอ 6,646 ตำบล
(ดูข้อมูลเพิ่มเติมตรวจสอบรายละเอียดเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน )

http://www.bot.or.th/Thai/FinancialMarkets/Fin_AssisToEconSector/Pages/index.aspx

ทั้งนี้ วงเงินซอฟต์โลนจำนวน 300,000 ล้านบาท เป็นวงเงินที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (อ่าน 55 ปี บทบาท ธปท. ช่วยภาคเศรษฐกิจจริง : soft loan 3 แสนล้าน สูงเป็นประวัติการณ์)