ThaiPublica > เกาะกระแส > “พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รมว.กลาโหม มาพร้อมใบสั่่งจัดระเบียบกองทัพ “เขย่าโผโยกย้ายกลางปี-แก้พ.ร.บ.กลาโหม”

“พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต” รมว.กลาโหม มาพร้อมใบสั่่งจัดระเบียบกองทัพ “เขย่าโผโยกย้ายกลางปี-แก้พ.ร.บ.กลาโหม”

19 มกราคม 2012


กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เริ่มแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 ทำให้ “เสนาบดี” หลายกระทรวง, พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย (พท.) วิ่งเต้นจนฝุ่นตลบถึง “ดูไบ” จนในที่สุดช่วงค่ำวันที่ 16 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดสรรตำแหน่ง “ครม.ปู 2” ลงตัวและนำขึ้นทูลเกล้าฯ และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ 16 ตำแหน่ง ในเย็นวันที่ 18 มกราคม 2555 เป็นอันสิ้นสุด “ครม.ปู 1” ที่มีอายุเพียง 161 วัน !!!

แต่ตำแหน่งที่กองทัพได้ให้ความสำคัญที่สุด คือเก้าอี้รหัส “สนามไชย 1” เนื่องจากมีข่าวหลุดมาตลอดว่า “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศํกดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม มีโอกาสโดนเด้งสูง ซึ่งในที่สุดก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ โดยให้ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เพื่อนรัก (ตท.10) โยกข้ามมาเป็น รมว.กลาโหม คนใหม่แทน และให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ โดดไปนั่ง “รองนายกฯ ความมั่นคง” ดูแลกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม

แต่งานนี้กลับสร้างความหงุดหงิดให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ไม่น้อยเพราะเชื่อมั่นมาตลอดว่าตนเองทำหน้าที่ได้ดี สามารถปกครองน้องๆ ในกองทัพได้ปราศจากแรงกระเพื่อมใดๆ จากเหล่าทัพ และไม่ถูกยึดเก้าอี้ รมว.กลาโหม อย่างแน่นอน

ทว่า สิ่งนั้นกลับสวนทางนโยบาย “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ให้มาจัดระเบียบกองทัพ แต่กลับไม่ได้ทำอะไรเลยและเริ่มมีทีท่าปันใจ จนทำให้คนพรรคเพื่อไทย และ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดงแขวะว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็นผู้ใหญ่ใจดี สั่งอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง ทำให้ถูกเลื่อยขาเก้าอี้ รมว.กลาโหม มาตลอดปี 2554 จนแผลเหวอะหวะ…

“ผมไม่รู้มาก่อนว่า จะมีการปรับ ครม. นายกฯ เพิ่งมาบอกผมเมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมาว่า จะให้ผมมาช่วยดูแลงานด้านความมั่นคง และจะได้นั่งรองนายกรัฐมนตรี ผมไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ถือว่านายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจให้เกียรติผม ดังนั้น ผมก็จะตั้งใจทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด เต็มขีดความสามารถ ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไปหรือพิจารณาตัวเอง” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว

และเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่่านมา มีกระแสว่า “นายใหญ่” ได้ยกหูเคลียร์ พล.อ.ยุทธศํกดิ์ และ “เสธ.แอ๊ว” พล.อ.อัครเดช ศศิประภา อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.สส.) น้องชาย พล.อ.ยุทธศํกดิ์ อดีตนายทหารที่กว้างขวาง และยังเป็นประธานบอร์ดนิคมอุตสาหกรรมนวนครและอีกหลายกลุ่มทุน

ว่ากันว่า พล.อ.อัครเดช มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ “พี่ชาย” ได้นั่ง รมว.กลาโหมใน ครม.ปู 1 โดยได้รับการยืนยันจากนายใหญ่ว่า พล.อ.ยุทธศํกดิ์ จะไม่หลุด ครม.ปู 2 แต่จะไปนั่งรองนายกฯ ที่สูงกว่าเท่านั้น

แต่สำหรับ พล.อ.อ.สุกำพล ได้สัญญาณว่าต้องมาเป็น รมว.กลาโหม ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยเริ่มให้ลูกน้องเก็บข้าวของในห้องทำงานในกระทรวงคมนาคมตั้งแต่ก่อนมีข่าวปรับ ครม. เสียอีก งานนี้เป็นเพราะ พล.อ.อ.สุกำพล เป็นสายตรงตัวจริงเสียงจริง เปลี่ยนรหัสเป็น สนามไชย 1 เข้ามาดูแลน้องๆ ในกองทัพ

หากย้อนดูโปรไฟล์ พล.อ.อ.สุกำพล ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว จบการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 4, โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 (ตท.10), โรงเรียนนายเรืออากาศ รุ่นที่17, โรงเรียนนายทหารชั้นผู้บังคับฝูง รุ่นที่ 45, โรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศ รุ่นที่ 29, วิทยาลัยการทัพอากาศ รุ่นที่ 29, วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 46

ได้รับตำแหน่งสำคัญในกองทัพอากาศ เช่น เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศ, ผู้ช่วยเสนาธิการทหารอากาศ ฝ่ายยุทธการ, รองเสนาธิการทหารอากาศ, เสนาธิการทหารอากาศและผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ, ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศ และสิ้นสุดชีวิตข้าราชการที่ตำแหน่งจเรทหารทั่วไป กระทรวงกลาโหม ก่อนลาออกมานั่งเสนาบดีกระทรวงคมนาคม

แต่ที่น่าสนใจคือ นอกจาก พล.อ.อ.สุกำพล จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับบ้านจันทร์ส่องหล้า “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ จนทำให้ พล.อ.อ.สุกำพล ที่เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทอ. ถูกจับตาและคาดหมายว่าจะได้เป็น “แม่ทัพฟ้า” ต่อจาก “บิ๊กต๋อย” พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข

แต่ทว่า อนาคตอันสดใสต้องพังทลาย จากเหตุปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 !!!

ทำให้ พล.อ.อ.สุกำพล ต้องฝันสลาย เก้าอี้ “ผบ.ทอ.” หลุดลอยหายไปในพริบตาแถมยังถูกเด้งเข้ากรุ มานั่งตบยุงในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ปี 2550 ก่อนถูกย้ายข้ามห้วยจากทุ่งดอนเมืองมาดองในเก้าอี้ “จเรทหารทั่วไป” กระทรวงกลาโหม ช่วงปี 2551

พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทหารอากาศ
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทหารอากาศ

ที่สำคัญคือ ส่งผลให้ “บิ๊กเฟื่อง” พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ตท.11 เด็กสายตรง พล.อ.อ.ชลิต ได้เป็น ผบ.ทอ. แทน ถือเป็นจุดกำเนิด “ร้อยร้าว” ระหว่างสายเลือดทัพฟ้า! ส่งผลให้ชีวิตราชการ พล.อ.อ.สุกำพล ช่วงสุดท้ายใน ทอ. กลายเป็นแผลที่เจ็บลึกและฝังใจจนทุกวันนี้ เพราะหากไม่มีปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เก้าอี้ ผบ.ทอ. ตัวนี้คงมาอยู่ในกำมือ ไม่ตกไปอยู่กับ พล.อ.อ.อิทธพร อย่างแน่นอน…

ดังนั้น การมาของ รมว.กลาโหม ใหม่ถอดด้ามคนนี้ ได้เขย่าขวัญ “กองทัพ” โดยเฉพาะ “แม่ทัพฟ้า” และผองเพื่อนเข้าให้แล้ว ถึงแม้ พล.อ.อ.อิทธพร จะยืนยันว่า ไม่มีปัญหาระหว่างกันและพร้อมทำงานด้วยก็ตาม แต่ทว่า แววตานั้นกลับแสดงความกังวลสวนทางคำพูดอย่างสิ้นเชิง…

ประจวบกับในวันที่ 23 มกราคมนี้ ทอ. ได้จัดสาธิตการใช้กำลังทางอากาศที่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยเชิญนายกรัฐมนตรีและ ผบ.เหล่าทัพ ชมการแสดงครั้งนี้ ทำให้ไฮไลท์ของงาน กลายเป็นการเปิดตัว รมว.กลาโหม คนใหม่อย่างเป็นทางการ และเป็นการเผชิญหน้าครั้งแรก ระหว่าง พล.อ.อ.สุกำพล กับ ผบ.เหล่าทัพ

งานนี้ พล.อ.อ.สุกำพล คงนั่งนับวันตั้งตารอ ที่จะได้กลับไปเหยียบผืนดินหน้ากองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และปลดแอกอดีตที่คาใจให้หมดไป เป็นการกลับบ้านเก่าอย่างสมเกียรติในฐานะ รมว.กลาโหม ที่มาพร้อม “เงาทะมึน” ใบสั่งจัดระเบียบกองทัพ “เขย่าโผโยกย้ายกลางปี – แก้ พ.ร.บ.กลาโหม 51”