องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเปิดข้อมูลวงใน งบซ่อมฯ 950 ล้าน ชี้เหตุ “ฮ.ตำรวจ” ตก

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดข้อมูลวงในฟันธง “กรณีเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตก 2 ลำ” ในเวลาไล่เลี่ยกันช่วง เม.ย.-พ.ค. ที่ผ่านมานั้น เป็นโศกนาฏกรรมจากการคอร์รัปชันที่แลกด้วยชีวิตของตำรวจชั้นผู้น้อย ขบวนการงาบงบซ่อมบำรุงเครื่องบินตำรวจปีละ 950 ล้านบาทใครได้ประโยชน์ ใครก่อปัญหาการจัดซื้อที่ไม่ได้มาตรฐานและการซ่อม/เปลี่ยนอะไหล่ทิพย์ก่อนนำมาสู่หายนะ ขณะที่ภาคประชาชน “ชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย” ชวนสังคมจับตาคดีนี้

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่บทความ “ขบวนการงาบงบ 950 ล้านซ่อมบำรุงเครื่องบินตำรวจ” ผ่านเพจองค์กรว่า

ทำไม ผบ.ตร. ต้องไปตรวจสอบกองบินตำรวจด้วยตัวเอง แล้วสั่งห้ามเครื่องบินตำรวจทุกลำขึ้นบินชั่วคราว หลังเกิดเหตุเครื่องบินตกสองลำใน 30 วัน ตำรวจนักบินและช่างเครื่องตาย 9 นาย โดยมีการคุยผ่านไลน์ของนักบินกับเพื่อนก่อนเกิดเหตุร้ายว่า “เครื่องเหล่านี้โคตรไม่พร้อมบิน”

แน่นอนว่าเมื่อเป็นนักบินหรือครูการบินพวกเขาก็ต้องขึ้นบิน ทั้งที่กลัวว่าโศกนาฏกรรมอาจมาถึงตัวเมื่อไหร่ก็ได้ จึงมีคำพูดติดตลกว่า “คนเก่าขับใหม่ คนใหม่ขับเก่า” คือคนเก่าอยู่นาน ยศสูงกว่าจะเลือกขับเครื่องบินรุ่นใหม่ ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาขับเครื่องเก่าที่เสี่ยงมากกว่า

อ้างตามคำอภิปรายของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อรัฐสภาเมื่อ 31 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า “…มีการหาผลประโยชน์จากการซ่อมบำรุง มีการพูดถึงขนาดว่าหน่วยงานอื่นด้านความมั่นคงอาจจะมีการทุจริต แต่กรณีงบประมาณการซ่อมบำรุงนั้นเขาจะไม่ยุ่ง แต่ สตช. เอาไม่เลือก…” ตามด้วยเนื้อหาของบทความระบุถึงสถานะอากาศยานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า กองบินตำรวจมีเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์รวมกัน 82 ลำ มากกว่าครึ่งเป็นเครื่องบินมีอายุการใช้งานเกิน 25 ปีขึ้นไป บางเครื่องถูกใช้มานานเกินครึ่งศตวรรษ อาทิ เฮลิคอปเตอร์ Bell 212 หรือ Twin Huey ที่ประจำการตั้งแต่ปี 2516 จนถึงปัจจุบัน ทำให้นักบินท้อใจว่า วันนี้เหลือเครื่องที่สบายใจว่าบินแล้วปลอดภัยไม่เกิน 10 ลำ

ด้าน “งบประมาณ การซ่อมบำรุงและความไม่ปลอดภัย” กองบินฯ มีงบซ่อมบำรุงฯ ราว 950 ล้านบาทต่อปีมานานแล้ว ทั้งที่มีจำนวนเครื่องบินเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่งบฯ ซ่อมบำรุง ยังคงจำนวนเท่าเดิมทุกปี และทั้งๆ ที่โดยหลักทั่วไปเครื่องบินยิ่งเก่า ค่าซ่อมบำรุงยิ่งต้องสูงขึ้น

“เรื่องนี้ท่านผู้รู้อธิบายว่า หากขยับงบสูงถึงพันล้านบาท เรื่องต้องเข้าที่ประชุม ครม. ขั้นตอนและการตรวจสอบจะตามมาอีกหลายอย่าง แต่เงินที่ใช้ในการซ่อมเครื่องบินไม่ได้มีแค่ 950 ล้านบาทเท่านั้น ยังมีงบอีกก้อนเมื่อเกิดกรณีเครื่องเสีย ชำรุดบกพร่องหรือต้องอัพเกรด ฟังดูแปลกๆ มั้ยครับ” นายมานะกล่าว

เกี่ยวกับการใช้งบฯ ซ่อมบำรุง นอกจากใช้บริการหน่วยช่างซ่อมบำรุงภายใน สตช. เองแล้ว กองบินตำรวจยังจ้างเหมาให้ “การบินไทย” ซ่อมบำรุงอากาศยาน (ด้วยงบฯ 950 ล้านบาท) ซึ่งจะถูกการบินไทยหักเป็นค่าบริการ (เงินกินเปล่า) ร้อยละ 15 หรือประมาณ 142 ล้านบาท แน่นอนว่าหน่วยช่างส่วนนี้ของการบินไทยจำนวน 30-40 คน ก็ไม่มีขีดความสามารถซ่อมบำรุงเครื่องบินตำรวจทุกยี่ห้อมากกว่า 10 แบบได้ ดังนั้น เครื่องบินประมาณร้อยละ 90 ที่จะต้องซ่อมบำรุงจึงถูกส่งไปให้ “บริษัทอื่น” ที่ “การบินไทย” ได้ “จ้างช่วง” รับซ่อมอีกทอดหนึ่ง

ในกองบินฯ กลายเป็นผู้กำหนดได้ว่า บริษัทใดจะสามารถมารับจ้างช่วงจากการบินไทยต่อได้ วงในชี้ว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอน ล้วนตั้งอัตราค่าซ่อมและค่าอะไหล่ไว้สูงลิบลิ่วเพื่อกินคอมมิชชั่นและส่วนต่างราคาเป็นทอดๆ แต่ที่น่าแปลกคือตำรวจใหญ่

คอร์รัปชันในการซ่อมบำรุงโดยช่างกองบินฯ เอง ยังมีการซ่อมด่วนที่ทั้ง 3 ฝ่ายได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน การจัดซื้ออะไหล่และวัสดุอุปกรณ์ประเภทใช้แล้วหมดไป (Consumable Products) เอกชนรายใดต้องการขายสินค้าเหล่านี้ต้องจ่ายใต้โต๊ะก้อนโตให้ผู้ใหญ่ แล้วจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางให้ผู้น้อยเป็นครั้งคราวแลกกับการปิดหูปิดตาและอำนวยความสะดวก

“นี่คือห่วงโซ่คอร์รัปชันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เปรียบเสมือนปีศาจ 3 ตน พบได้ในทุกกรณีที่มีการทุจริต”

กระบวนการที่มีผู้เกี่ยวข้องมากเช่นนี้ หากเกิดเครื่องบินตกก็ต้องมาสอบสวนว่า เป็นผลงานซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ของกองบินตำรวจเอง การบินไทย หรือบริษัทผู้รับเหมาช่วง เช่น เหตุการณ์นักเรียนนายร้อยตำรวจเสียชีวิต 2 นายขณะฝึกกระโดดร่ม เพราะเครื่องลำนั้นใช้ลวดสลิงกระตุกร่มของปลอม

นอกจากการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อฯและซ่อมบำรุงแล้ว ปัญหาความไม่ปลอดภัยของการใช้งานยังเกิดจากความเสี่ยงที่วงในใช้คำว่า “กินตัว” ซึ่งรู้กันว่าหมายถึง เครื่องบินบางลำที่บินไม่ได้แล้วเพราะถูกถอดชิ้นส่วน/อะไหล่ที่ยังดีไปใส่แทนของที่ชำรุดในเครื่องบินอีกลำอื่น เพราะอะไหล่ไม่มี ขาดงบซ่อมแซม หรืออยู่ระหว่างขั้นตอนจัดซื้อฯ บางกรณีเครื่องบินผ่านการใช้งานแค่ไม่กี่ปีก็ถูกกินตัวแล้ว

‘ชัดเจนว่า เครื่องบินตกไม่ใช่เรื่องดวง แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดจากคอร์รัปชันที่แลกกับชีวิตความปลอดภัย ความเชื่อมั่นและศักดิ์ศรีของสถาบันตำรวจ ผ่านการจัดซื้อที่ไม่ได้มาตรฐาน การตรวจรับแบบซิกแซก การบำรุงรักษาที่มีแค่ใบเบิกจ่าย มีการซ่อม หรือเปลี่ยนอะไหล่ทิพย์”

นายมานะยังกล่าวอีกว่า คอร์รัปชันในการจัดซื้อเครื่องบินของทุกหน่วยงานรัฐล้วนทำกันมาก ที่พบเห็นบ่อยเช่น รัฐต้องจ่ายค่าขนส่งและประกันภัยเองทั้งที่ตกลงซื้อในราคารวมค่าขนส่ง (CIF) ตัวแทนจำหน่ายเรียกเก็บเงินจากอุปกรณ์หรือบริการที่ควรเป็นของแถม ซื้อเครื่องบินใส่อุปกรณ์เสริมมากเกินจำเป็น ซื้อเครื่อง VIP แต่ได้เครื่องรุ่นมาตรฐานแล้วมาหาวิธีทำงานเพิ่มให้ดูหรูในประเทศภายหลัง เป็นต้น

“การที่นายตำรวจจะเติบโตในกองบินตำรวจได้ ต้องมีคุณวุฒิพิเศษคือเป็นนักบิน เมื่อประกอบกับโครงสร้างและระบบอุปถัมภ์ใน สตช. ที่ไม่โปร่งใส ซ้ำเติมให้ที่นี่กลายเป็นแดนสนธยาโดยแท้”