
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการหารือร่วมกัน เพื่อประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/
นายกฯตั้ง คกก.เฉพาะกิจ รับมือกัมพูชายกระดับปมขัดแย้ง มอบกองทัพปกป้องอธิปไตยเต็มที่-ดีอี แก้ข่าวปลอม – เดินหน้าเจรจา JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.2568 ต่อไป
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการหารือร่วมกัน เพื่อประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ได้หารือถึงมาตรการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดน โดยให้ความสำคัญกับการรักษาอธิปไตยของประเทศสูงสุด ซึ่งล่าสุดรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีการพูดคุยกับทางการกัมพูชาแล้วเมื่อวานนี้ และบรรยากาศในการพบกันเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกองทัพและรัฐบาล ได้มีการปรึกษาหารือร่วมกันก่อนดำเนินมาตรการใด ๆ โดยมีการแบ่งอำนาจหน้าที่กันอย่างชัดเจน
“สิ่งสำคัญในขณะนี้ คือ การสร้างเอกภาพในการทำงาน โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หลีกเลี่ยงการปลุกกระแส หรือ สร้างข่าวลือที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิด โดยเฉพาะการปลุกปั่นว่ารัฐบาลกับกองทัพมีความเห็นไม่ตรงกัน ที่ผ่านมารัฐบาลมีการสื่อสารกับกองทัพอย่างต่อเนื่อง และกองทัพให้การสนับสนุนรัฐบาลเป็นอย่างดี ทุกหน่วยงานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนอย่างมีประสิทธิภาพ” นางสาวแพทองธาร กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนการเจรจากับฝ่ายกัมพูชายังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เนื่องจากต้องเคารพทั้งสองฝ่าย แต่ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายยังมีความเข้าใจที่ดีต่อกันมากขึ้น และไม่มีแนวโน้มของความรุนแรงในพื้นที่เพิ่มเติม โดยรัฐบาลมีแนวทางชัดเจนที่จะป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า การหารือวันนี้เป็นไปตามหลักการที่ยึดมั่นในอธิปไตยของชาติ การรักษาความมั่นคง และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน โดยในวันนี้มีการบูรณาการการทำงานระหว่างฝ่ายต่างประเทศ ฝ่ายทหาร และด้านการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพหลักในการสื่อสารร่วมกับโฆษกกระทรวงกลาโหม และโฆษกกองทัพบก เพื่อให้การสื่อสารต่อสาธารณชนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ลดความเข้าใจผิด และป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าไทยยังคงให้ความสำคัญกับอธิปไตย ควบคู่ไปกับการรักษาความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นพันธมิตรในหลายประเด็นความร่วมมือ
ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างเอกภาพระหว่างฝ่ายความมั่นคงและการต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองด้านต้องดำเนินงานควบคู่กัน โดยเฉพาะในความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ ในการหารือกับฝ่ายกัมพูชา รัฐบาลไทยยืนยันว่าจะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC), คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ซึ่งเป็นกลไกที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันไว้ โดยการประชุม JBC วันที่ 14 มิถุนายนนี้ จะมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากการปะทะ หรือ กระทบกระทั่ง พร้อมเดินหน้าหารือการแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิคเกี่ยวกับเขตแดนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าการใช้กลไกที่มีอยู่เป็นหลักจะช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ โดยจะมีการบูรณาการการสื่อสารกับฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและรักษาความสงบเรียบร้อย
ส่วนพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า กองทัพสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนด้วยแนวทางสันติวิธี และยืนยันว่ากองทัพจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน โดยการประชุมระหว่างเหล่าทัพที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ เป็นการประชุมที่มีอยู่แล้วตามวงรอบทุกสองเดือน และจะมีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน โดยกองทัพได้ย้ำถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล โดยเฉพาะกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า เมื่อวานนี้ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายไทย–กัมพูชาจะต้องเคารพซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีรับทราบว่าประชาชนต้องการทราบรายละเอียดของการหารือ ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการเจรจาแต่ขอยืนยันว่า กองทัพพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ และได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยแนวนโยบายหลักของรัฐบาล คือ การยึดแนวทางสันติวิธี เพื่อป้องกันเหตุปะทะที่ไม่จำเป็น ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์แล้ว 2 ฉบับเกี่ยวกับท่าทีและแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป
ในส่วนของมาตรการเพิ่มเติมนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ได้มีการเตรียมการไว้ในหลายด้าน หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ก็พร้อมใช้มาตรการตามความเหมาะสม โดยยืนยันว่าขณะนี้ได้มีการวางแผนไว้อย่างรอบคอบ
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการถอนกำลัง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ และมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ ซึ่งประกอบไปด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกองทัพ ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าทุกมาตรการจะดำเนินไปตามกรอบของสถานการณ์อย่างเหมาะสมและรอบคอบ
สำหรับกระแสในโซเชียลมีเดียที่มีการเรียกร้องให้มีการปกป้องอธิปไตย นายภูมิธรรม ขอยืนยันว่า สถานการณ์ยังอยู่ในภาวะปกติ และกองทัพยังคงพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า พร้อมใช้กลไกการเจรจา เช่น JBC เป็นเวทีหลักในการสร้างความร่วมมือ ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น การปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาข้ามพรมแดนอื่น ๆ โดยแต่ละฝ่ายมีภารกิจและหน้าที่ชัดเจน และดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการลดความตึงเครียด และสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนกับประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนกรณีที่กัมพูชา แถลงว่า การประชุม JBC จะไม่มีการหารือเกี่ยวกับพื้นที่พิพาททั้ง 4 แห่งนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทางฝ่ายไทยจะขอหารือในรายละเอียดกับกัมพูชาอีกครั้งในการประชุม JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ โดยความมุ่งหมายของไทย คือ การใช้กลไกการประชุม JBC ครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างสองประเทศ ลดความรุนแรง ลดการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้น ไม่ให้ลุกลามบานปลาย
นอกจากนี้ ฝ่ายเลขานุการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ออกเอกสารประชาสัมพันธ์สรุปผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2568 ว่า วันนี้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้รับทราบพัฒนาการของสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้เตรียมพร้อมการกำหนดมาตรการต่าง ๆเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมและประชาชน รวมถึงนานาชาติ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ โดยให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ทำหน้าที่ติดตาม ประสานงาน และเสนอแนะมาตรการเพิ่มเติม หากฝ่ายกัมพูชามีการยกระดับปัญหา
ในการนี้ มอบหมายให้กองทัพประสานการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตย และการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ จะดำเนินการโดยสอดคล้องกับแนวทางการเจรจาใน JBC ระหว่างไทย -กัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568
นอกจากนี้ ปรากฏการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จ เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง จึงได้มอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการติดตามในการพิสูจน์ทราบข่าว และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยงานหลักในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่
อ่าน แถลงข่าวการประชุมสภาความั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2568 ที่นี่