ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ > “วันนี้ไปเล่นด้วยกันไหม” วิธีพาคนทำงานกลับสู่โลกแห่งความสนุกในแบบของทรู

“วันนี้ไปเล่นด้วยกันไหม” วิธีพาคนทำงานกลับสู่โลกแห่งความสนุกในแบบของทรู

13 มิถุนายน 2025


ข่าวประชาสัมพันธ์

จะดีแค่ไหน ถ้าในที่ทำงานมี “ชมรม” ให้พนักงานได้รวมตัวกันตามความสนใจ ได้วางภาระหน้าที่จากงานสักพัก แล้วกลับมาสนุกกับสิ่งที่รักอย่างอิสระ

แนวคิดนี้เริ่มจากทีม Human Resources ของทรู ที่อยากเปิดพื้นที่ให้พนักงานได้ทำกิจกรรมตามแพสชันร่วมกัน โดยใช้พื้นที่นี้เป็นกลไกในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง โอบรับความหลากหลาย เสริมความผูกพัน และสนับสนุนให้ทุกคนได้ทำในสิ่งที่รักควบคู่กับการมีสุขภาพที่ดี

แนวทางนี้สอดคล้องกับงานวิจัยจาก Perceptyx บริษัทด้านเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ประสบการณ์พนักงาน ที่พบว่า พนักงานที่เข้าร่วมชมรม หรือกลุ่มที่เชื่อมโยงตามความสนใจ มีแนวโน้มจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

วันนี้ทรูมีหลากหลายชมรมที่จัดกิจกรรมกันอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ชมรมบาสเกตบอล ฟุตบอล แบดมินตัน วิ่ง ดนตรี ทรูอาสา ท่องเที่ยว และชมรม Bring Your Best  ซึ่งโอกาสนี้ตัวแทนจาก 8 ชมรมได้มาร่วมวงสนทนา แลกเปลี่ยนเรื่องราวสนุก และประสบการณ์เข้าร่วมชมรม ที่ทำให้พวกเขาได้กลับมาทำสิ่งที่รัก และสร้างมิตรภาพใหม่ๆ ในองค์กรที่มีความแตกต่างหลากหลาย

แต่เมื่อมีความรักในสิ่งเดียวกันเป็นจุดร่วม ความหลากหลายนั้นก็ช่วยขับเคลื่อนการทำงานและการใช้ชีวิตให้สนุกขึ้น มีความหมายขึ้น และเป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด

  • กลับมาสู่โลกแห่งความสนุกที่ห่างหาย

“ผมเล่นแบดมินตันมาต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงมหาวิทยาลัย ทำงานก็ยังเล่นอยู่ แต่ช่วงหลังๆ กลับหยุดเล่นไปเป็น 10 ปี เพิ่งได้กลับมาตีแบดอีกครั้งก็ตอนที่ทรูเปิดชมรมเมื่อปีที่แล้ว” ศรัณยู ลวางกูร จากทีม Network Planning, Engineering & Operation ซึ่งเป็น ประธานชมรมแบดมินตัน เกริ่นขึ้น และทำให้อีกหลายคนในวงสนทนาด้วยว่า ชีวิตในวัยทำงานมีส่วนทำให้พวกเขาห่างหายไปจากการทำกิจกรรมที่เคยชอบ

“ผมว่าทุกคนน่าจะรู้สึกดีใจ คิดว่าบริษัทน่าจะมีชมรมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” เอกรินทร์ ผ่อนวัฒนา เหรัญญิกชมรมฟุตบอล จากทีม Procurement & Logistics กล่าวเสริม “อย่างฟุตบอลปกติก็จะมีก๊วนประจำแยกกันไป หลายคนพอเข้าสู่วัยทำงานก็ห่างหาย ไม่มีเพื่อนเล่น พอเปิดชมรม พี่ๆ รุ่นอายุ 50 กว่าทักมาหาเยอะเลยว่า อยากเข้ามาเล่นด้วย เราก็จัดสรรแบ่งทีมให้เข้ามาเล่นสนุกด้วยกันได้”

หลังจากงานเปิดตัวชมรมในเดือนสิงหาคม 2567 แต่ละชมรมก็มีกลุ่มไลน์ของตัวเอง เพื่อเปิดรับสมัครสมาชิก จากนั้นทีม HR จะช่วยสนับสนุนให้สมาชิกชมรมเจอกันครั้งแรก เพื่อทำความรู้จักกัน พร้อมจัดตั้งทีมบริหารชมรมอย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำ

  • ไม่มีข้อจำกัดใดๆ ขอมีใจรักก็มาด้วยกันได้

เมื่อไม่มีความคาดหวังหรือการแข่งขัน “ชมรม” จึงกลายเป็นหนึ่งใน พื้นที่ปลอดภัยทางใจ (Psychological Safety) ที่เปิดให้ใครก็ได้ที่มีความชอบเหมือนกัน เข้ามารวมตัวกันได้โดยไม่มีกำแพงของตำแหน่ง เพศ วัย หรือทักษะ

“หลังจากงานเปิดตัว ชมรมบาสเกตบอลของเรามีคนเข้ามาลงชื่อในกลุ่มไลน์ชมรมกันเยอะ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จากนั้นก็มีนัดเจอกันครั้งแรกที่สนามบาสชั้น 13 ของตึกทรู รัชดาฯ ต่างคนก็แต่งตัวจัดเต็มมาเจอกัน มีตั้งแต่น้องๆ เด็กรุ่นใหม่ ไปจนถึงพี่ๆ รุ่นใหญ่ น้องผู้หญิงหรือ LGBTQ ก็มาเล่นด้วยกัน หลายคนไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนเลยนะ แต่ความชอบบาสเกตบอลเหมือนกันทำให้มารวมตัวกันได้” สรรควร สัตยมงคล จากทีม Innovation Center หนึ่งในสมาชิกชมรมบาสเกตบอล เล่าถึงวันแรกที่สมาชิกเจอกัน

แม้หลายคนจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ความชอบเหมือนกันก็ทำให้การเปิดใจกลายเป็นเรื่องง่าย เช่นเดียวกับในชมรมท่องเที่ยว ที่ทริปแรกก็ได้รวมตัวกลุ่มเพื่อนใหม่ ที่ไม่เคยเห็นหน้ามากันมาก่อน แต่ไปด้วยกันได้

“หลายคนคิดว่า การออกไปเที่ยวกับคนไม่รู้จักกันน่าจะยาก ในใจเราเองก็ยังคิดว่าทริปแรกของชมรมที่ชวนไปกางเต็นท์และปลูกป่าจะมีคนมาไหม แต่สุดท้ายก็มีสมาชิกมาร่วม ทั้งที่เราก็ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันมาก่อน แล้วก็มีคนที่ทำงานอยู่คนละตึกด้วยนะ แต่ก็ไปเที่ยวสนุกด้วยกันได้” สุมาลา วงศ์ขำ ประธานชมรมท่องเที่ยว จากทีม Digital Communications เล่าเสริม

ที่น่าสนใจคือ แต่ละคนอาจมีหลายความสนใจ แล้วพวกเขาก็เข้าชมรมหลากหลายด้วยเช่นกัน เพียงตัวอย่างในวงสนทนานี้ ประธานชมรมแบดมินตันก็เป็นสมาชิกในชมรมดนตรี ส่วนรองประธานชมรมวิ่งก็เพิ่งลงแข่งในชมรมบาสเกตบอลมาด้วย สะท้อนให้เห็นชัดว่า เพียงมีความสนใจก็เปิดทางให้ผู้คนได้พบกัน เรียนรู้กัน และเติบโตไปด้วยกันได้

  • ทำในสิ่งที่ชอบ แล้วเก่งขึ้นไปด้วยกัน

หลายคนเข้าชมรมเพราะอยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่สิ่งที่ได้กลับมา อาจยิ่งใหญ่กว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะใหม่ๆ ความมั่นใจ หรือแรงใจที่มาจากการทำกิจกรรมไปด้วยกัน “บางคนอยากมาเข้าชมรมเล่นกีฬา แต่ออกตัวว่า เล่นไม่เก่ง เล่นไม่เป็น ไม่กล้ามา แต่เราบอกว่า มาเถอะ มาออกกำลังกายด้วยกัน ไม่เป็นก็สอนกันได้” ประธานชมรมแบดมินตัน ยกตัวอย่าง

“ตอนแรกผมวิ่งไม่เก่ง เพราะเพิ่งมาเริ่มวิ่งได้ 2-3 ปีที่ผ่านมานี่เอง” อลงกรณ์ ศรีม่วง รองประธานชมรมวิ่ง จากทีม Workplace Management เล่าถึงทักษะการวิ่งของเขา “ตอนที่วิ่งคนเดียวเราก็วิ่งของเราไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็อาจจะหยุด แต่พอเข้าชมรม ได้เจอพี่ๆ เพื่อนๆ ที่วิ่งเก่งกว่า มีประสบการณ์มากกว่า เขาก็แนะนำเทคนิคช่วยให้เราวิ่งได้ดีขึ้น พอมาวิ่งด้วยกันก็ได้ระยะที่ไกลกว่าเดิม มีแรงใจตั้งเป้าหมายให้ถึงมินิมาราธอนจนถึงมาราธอนด้วยกัน”

ด้านชมรมดนตรีเองก็ช่วยให้สมาชิกได้เปิดโลกใหม่ทางเสียงเพลง อดิศร อธิคมชาคร ประธานชมรมดนตรี จากทีม Internal Communications เล่าว่า “การซ้อมดนตรีหรือการได้เล่นออกงาน คือโอกาสในการเรียนรู้เสมอ ครั้งล่าสุดที่เราซ้อมเพื่อเล่นดนตรีในออฟฟิศก็ท้าทายมาก เพราะบางเพลงใน Playlist ที่สมาชิกเลือกมา เราไม่เคยฟัง ไม่รู้จักมาก่อนเลย ขณะเดียวกัน น้องๆ เองก็ต้องลองเล่นเพลงที่ไม่ได้คุ้นเคยกับวัยของเขา ก็ถือเป็นการฝึกฟังและเล่นเพลงใหม่ไปพร้อมกัน ผลพลอยได้คือ เราได้รู้แนวทางดนตรียุคต่างๆ และพัฒนา ทดลองรูปแบบการเล่นดนตรีใหม่ๆ ด้วยกัน”

เวลานี้แต่ละชมรมมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นตารางนัดซ้อมนัดเล่นเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง รวมไปถึงเส้นทางกิจกรรมที่ไม่จบแค่ในออฟฟิศ เช่น ชมรมกีฬาอย่างบาสเกตบอล ฟุตบอล และแบดมินตัน ที่ก้าวไปไกลถึงการลงสนามแข่งขันกับหน่วยงานนอกองค์กร ชมรมกลุ่มนี้จึงมีการจัดคัดตัวนักกีฬาอย่างเป็นระบบ เพื่อความโปร่งใส และเพื่อให้สามารถจัดทีมที่แข็งแรง เหมาะสมกับการแข่งขันอีกด้วย

  • สิ่งเล็กๆ ที่เริ่มจากใจสร้างการเปลี่ยนแปลงได้

สำหรับชมรมทรูอาสาแล้ว ความชอบในกิจกรรมเพื่อสังคมอาจเป็นจุดตั้งต้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับมากกว่านั้น ชมรมกลายเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้คนในองค์กรได้รู้จัก เข้าใจ และมีส่วนร่วมกับภารกิจทางสังคมที่ทรูลงมือทำจริง

ปิลันธนี พาณิชพัฒน์ ประธานชมรมทรูอาสา ซึ่งเป็นหนึ่งในทีม Corporate Relations ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ CSR หลายโครงการของทรู มองว่าชมรมคือช่องทางสำคัญที่ทำให้พนักงานได้ “มีส่วนร่วม” ไม่ใช่แค่ “รับรู้”

“เราอยากให้คนทรูรู้จักและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่องค์กรของเราทำเพื่อสังคม แทนที่จะบอกแค่คนนอก ถ้าคนข้างในเข้าใจก็จะช่วยกันบอกต่อได้ ล่าสุดเราก็พาไปทำกิจกรรมศิลปะเชื่อมใจ ที่มูลนิธิออทิสติกไทย ไปวาดรูปกับครูศิลปะออทิสติก เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะทำให้เราได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย ส่วนโครงการต่อไปเป็นการร่วมบริจาคหนังสือที่คนในชมรมบอกต่อกันมา แล้วเราก็ทำให้เกิดขึ้นจริงในองค์กร” เธอกล่าว

อีกหนึ่งชมรมที่เกิดจากความตั้งใจในการเปิดพื้นที่ให้ความหลากหลายได้มีเสียงในองค์กร คือชมรม Bring Your Best ที่ในช่วงแรกโฟกัสกิจกรรมไปที่การสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานที่เป็นผู้หญิง LGBTQ+ และคนพิการ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่รวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรม แต่คือการออกแบบพื้นที่ที่ทุกคน “กล้าเป็นตัวเอง”

“เราจัดเวิร์กช็อป ’เท่าทัน เพราะ เท่าเทียม’ ที่ให้ความรู้และแลกเปลี่ยนกันในเรื่องการคุกคามในที่ทำงาน สมาชิกทั้งหญิง ชาย LGBTQ มาเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งก็ได้รับฟีดแบ็กที่ดี เพราะบางทีเรายังไม่รู้เลยว่าการกระทำเล็กๆ ก็นับเป็นการคุกคามได้ ซึ่งก็เรียนรู้ไปถึงผลกระทบ และวิธีการป้องกันแก้ไข หรือช่องทางการร้องเรียน อย่างน้อยเราอยากให้ชมรมนี้เป็นเพื่อนที่เขามาปรึกษาได้ทุกเรื่องด้วย” สุชิน แสงละออ รองประธานชมรม Bring Your Best จากทีม Sustainability Development กล่าว

  • วัฒนธรรมองค์กรที่เติบโตจากความสนุก

“วันนี้ไปเล่นด้วยกันไหม” คือคำทักทายที่ได้ยินบ่อยขึ้นในออฟฟิศ เมื่อสมาชิกชมรมเจอกัน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่คนละแผนก หรือแทบไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน และหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ในชมรมแน่นแฟ้นขึ้นก็คือ การที่ผู้บริหารเข้ามามีส่วนร่วมในฐานะ “สปอนเซอร์” ซึ่งไม่ได้แค่สนับสนุนด้านทรัพยากร แต่ยังมาร่วมกิจกรรมด้วยตัวเอง

“ล่าสุดชมรมแบดมินตันชวน คุณนกุล Co-CFO มาเล่นด้วยกัน สนุกมาก เขาเล่นดีเล่นเก่งเลย พวกเราก็ได้เห็นเขาในอีกมุมหนึ่งด้วย พอลงสนามแล้วก็ไม่มีการออมมือกันนะ สนุกกันเต็มที่ ไม่กำแพงของตำแหน่ง ไม่มีเจ้านายลูกน้อง” ศรัณยู ยกตัวอย่าง

“ชมรมบาสก็มีคุณฐานพล CMO มาเล่นบาสด้วยเหมือนกัน พวกเราก็บล็อกกระจายเลย” สรรควร เสริมทันที พร้อมเรียกเสียงหัวเราะในวงสนทนาได้ ด้านชมรมดนตรีก็ขอเล่าบรรยากาศงานอีเวนต์ครั้งแรกของชมรมว่า “คุณจักรกฤษณ์ CCAO มาร่วมร้องเพลง เล่นกีตาร์กับเราก่อนรับเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการด้วย” อดิศร เล่าปิดท้าย นอกจากนี้ ชมรมวิ่งมีคุณยุภา Co-CFO เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อป ขณะที่ชมรมทรูอาสา คุณประเทศ CTISO ได้ร่วมวาดรูปในกิจกรรมศิลปะเชื่อมใจพร้อมกับสมาชิกชมรม ส่วนชมรมฟุตบอล คุณเอกราช CDO & CBO ได้ลงสนามในงานแข่งขันร่วมกับสมาชิกด้วย

สุดท้ายนี้ ทุกคนในวงสนทนาเห็นตรงกันว่า การมีชมรมทำให้ชีวิตและการทำงานของพวกเขามีชีวิตชีวามากขึ้น “รู้สึกว่าสนุกขึ้นนะ อยากมาเจอเพื่อนๆ ที่เล่นฟุตบอลด้วยกัน คนชอบในเรื่องเดียวกันก็คุยกันสนุก” เอกรินทร์ กล่าว “มีแรงบันดาลใจมากขึ้นเลยครับ เมื่อก่อนผมเป็น ‘นักบาสพเนจร’ เปลี่ยนที่เล่นไปเรื่อยๆ ตอนนี้เลิกงานก็มีเพื่อนเล่นบาสที่ออฟฟิศแล้ว” สรรควร สมาชิกชมรมบาสเกตบอล ทิ้งท้าย

และเรื่องราวทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจาก “ชมรม” ในทรู ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้กลับมาสนุกกับสิ่งที่รัก สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในวันทำงาน พร้อมขับเคลื่อนความหลากหลายให้เกิดขึ้นได้แท้จริง