ThaiPublica > สู่อาเซียน > ส่องวิธีสิงคโปร์ใช้งบประมาณแจกเงินประชาชน-ช่วยภาคธุรกิจ

ส่องวิธีสิงคโปร์ใช้งบประมาณแจกเงินประชาชน-ช่วยภาคธุรกิจ

22 กุมภาพันธ์ 2025


นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สิงคโปร์ ที่มาภาพ:เพจ FB Lawrence Wong

เมื่อวันอังคาร(18 กุมภาพันธ์)ที่ผ่านมา สิงคโปร์ประกาศงบประมาณประจำปี 2568 จำนวน 143.1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ รับมือกับแรงกดดันด้านค่าครองชีพและต้นทุนที่สูงขึ้น และยังรวมมาตรการเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืน การดูแลสังคมที่ไม่แบ่งแยก

นายลอว์เรนซ์ หว่อง ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้นำเสนองบประมาณของสิงคโปร์ในตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ชี้แจงงบประมาณแรกของเขาในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากอัตราเงินเฟ้อโลกเพิ่มสูงขึ้นภายหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการหยุดชะงักของพลังงาน อาหาร และห่วงโซ่อุปทาน

แจกเงินครัวเรือนละ 800 ดอลลาร์สิงคโปร์ ช่วยลดค่าครองชีพ

นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สิงคโปร์ กล่าวว่า ทุกครัวเรือนในสิงคโปร์จะได้รับบัตรกำนัลของสภาพัฒนาชุมชน (Community Development Council :CDC) มูลค่า 800 ดอลลาร์สิงคโปร์ (600 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปหรืออายุ 60 ปี จะได้รับบัตรกำนัลเพิ่มเติมมูลค่า 600 ดอลลาร์สิงคโปร์และ 800 ดอลลาร์สิงคโปร์ตามลำดับในเดือนกรกฎาคม เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีแห่งอิสรภาพของประเทศ

บัตรกำนัลมูลค่า 500 ดอลลาร์สิงคโปร์แรกจะแจกในเดือนพฤษภาคม และส่วนที่เหลืออีก 300 ดอลลาร์สิงคโปร์จะแจกในเดือนมกราคมปีหน้า เช่นเดียวกับบัตรกำนัล CDC ก่อนหน้านี้ ครึ่งหนึ่งสามารถใช้ได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ร่วมรายการ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งสามารถใช้จ่ายที่ร้านค้าและแผงขายของในใจกลางเมือง

โครงการบัตรกำนัล CDC คาดว่าจะทำให้รัฐบาลมีค่าใช้จ่าย 1.06 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปีงบประมาณนี้

นอกจากนี้ ครัวเรือนจะได้รับเงินคืนในโครงการ U-Save สูงสุดถึง 760 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินปกติ เพื่อช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภค นายกรัฐมนตรีหว่อง กล่าวในระหว่างการชี้แจงงบประมาณ

การคืนเงินนี้จะครอบคลุมค่าสาธารณูปโภคประมาณ 6 เดือนสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในแฟลตขนาด 1 และ 2 ห้องนอน และ 3 เดือนสำหรับผู้ที่อยู่ในแฟลตขนาด 3 และ 4 ห้องนอน

เงินคืนนี้จะมอบให้กับครัวเรือนกว่า 950,000 ครัวเรือน และจะจ่ายในเดือนเมษายนและตุลาคม เพื่อเสริมแพ็คเกจสนับสนุนค่าครองชีพมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ที่ประกาศในเดือนกันยายน 2566

ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุ 12 ปีลงไปจะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในรูปแบบเครดิตใน LifeSG มูลค่า 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเด็กสิงคโปร์ 1 คน

“เครดิตเหล่านี้เหมือนกับเครดิต LifeSG ที่มอบให้กับทหารเกณฑ์ที่ปลดประจำการทุกคนในปีที่แล้ว ผู้ปกครองสามารถใช้เครดิตเหล่านี้เพื่อใช้จ่ายในครัวเรือน เช่น ของชำ ค่าสาธารณูปโภค และร้านขายยา” นายหว่อง กล่าว

สำหรับเด็กอายุ 13 ถึง 20 ปี ระบบจะเติมเงิน 500 ดอลลาร์สิงคโปร์เข้าในบัญชี Edusave หรือบัญชีหลังจบมัธยมศึกษา เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่รัฐบาลอนุมัติ

นอกจากนี้ยังมีความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับครอบครัวที่มีรายได้น้อย รัฐบาลจะจ่ายเงินตามโครงการ ComCare Assistance มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ครัวเรือนที่มีผู้ให้ความช่วยเหลือระยะยาวเพียงคนเดียว จะได้รับเงินเพิ่มอีก 120 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน ส่งผลให้ยอดความช่วยเหลือเป็นเงินสดทั้งหมดอยู่ที่ 760 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน

ครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือระยะสั้นถึงระยะกลางจะได้รับเงินเพิ่มขึ้นตามองค์ประกอบของครัวเรือน ความต้องการ และรายได้ นายกรัฐมนตรีกล่าว

Singapore Allowance ซึ่งเป็นการจ่ายเงินแบบไม่รวมภาษีเพื่อช่วยผู้รับบำนาญที่มีเงินบำนาญจำนวนเล็กน้อยรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ จะเพิ่มขึ้นจาก 350 ดอลลาร์สิงคโปร์เป็น 390 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน เงินสงเคราะห์จะอยู่ไม่รวมในเงินบำนาญขั้นพื้นฐาน และเพดานเงินบำนาญรายเดือนจะเพิ่มขึ้นอีก 40 ดอลลาร์สิงคโปร์เป็น 1,320 ดอลลาร์สิงคโปร์

“เราจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่องค์กรชุมชนเพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่ต้องการความช่วยเหลือผ่านโครงการ ComCare Interim Assistance” นายหว่องกล่าว

นอกจากนี้ยังมีการประกาศคืนเงินจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 60% สำหรับปีการประเมินปี 2568 โดยจำกัดไว้ที่ 200 ดอลลาร์สิงคโปร์

ซ่ง เสง วุน ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่บริษัท CGS International กล่าวกับ CNBC หลังการชี้แจงงบประมาณว่า งบประมาณมุ่งเน้นไปที่ “ด้านคน” มากกว่าเพื่อเสริมนโยบายทางสังคม เช่น โครงการช่วยเหลือครอบครัวและเด็กๆ

ซ่ง อธิบายว่า “ในแง่ของการสร้างสิงคโปร์ให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจ การเชื่อมต่อกับโลกเพื่อการค้าสินค้าและบริการ ซึ่งโดยทั่วไปทำไปแล้ว ตอนนี้มันเป็นเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อรักษาความได้เปรียบเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ”

ที่มาภาพ: https://www.channelnewsasia.com/singapore/cdc-vouchers-u-save-rebates-sglife-budget-2025-4944476

ช่วยภาคธุรกิจขยายการเติบโตของประเทศ

สำหรับภาคธุรกิจนายหว่องได้ประกาศส่วนลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% ให้กับบริษัทต่างๆ

บริษัทที่มีสิทธิ์จะได้รับผลประโยชน์ขั้นต่ำ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ แม้ไม่มีผลกำไรก็ตาม ตราบใดที่บริษัทเหล่านี้ยังคงดำเนินการอยู่และได้จ้างคนในประเทศอย่างน้อย 1 คนในปี 2567 ผลประโยชน์นี้จะถูกจำกัดไว้ที่ 40,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อบริษัท

รัฐบาลจะเพิ่มระดับการให้เงินอุดหนุน(co-funding) สำหรับบริษัทที่ขึ้นเงินเดือนของคนงานที่ได้รับค่าแรงต่ำ

นายหว่องกล่าวว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบของค่าครองชีพที่สูงขึ้น และว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการปรับตัวให้เข้ากับราคาที่สูงขึ้นคือการขยายการเติบโตของเศรษฐกิจและเพิ่มผลผลิต เพื่อให้ชาวสิงคโปร์มีรายได้ที่แท้จริงที่สูงขึ้นและมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น”

นายหว่องให้คำมั่นว่าสิงคโปร์จะดำเนินการ “อย่างกล้าหาญและเด็ดขาดเพื่อพัฒนาขอบเขตการเติบโตของเรา” ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง โดยชี้ให้เห็นว่า “เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ในกรณีที่ไม่ประสบความสำเร็จ

โดยชี้ว่าแม้เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวกว่า 4% ในปี 2567 แต่การเติบโตในระดับนั้นยากที่จะบรรลุได้อย่างยั่งยืน และเสริมว่าหากสิงคโปร์สามารถรักษาการเติบโตโดยเฉลี่ย 2%-3% ต่อปีได้ในทศวรรษหน้า “เราจะสามารถสร้างงานและโอกาสที่ดีขึ้น และยกระดับมาตรฐานการครองชีพของชาวสิงคโปร์ทุกคน”

ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลจะขยายโครงการสนับสนุนสำหรับบริษัทที่ต้องการเป็นบริษัทระดับโลก รวมถึงการควบรวมและซื้อกิจการ

สิงคโปร์จะเปืดตัวกองทุน Private Credit Growth Fund มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อให้บริษัทต่างๆ มีทางเลือกทางการเงินมากขึ้น นายหว่อง กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจากการเกิดขึ้นของตลาดสินเชื่อภาคเอกชนที่นำเสนอ “โซลูชั่นทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่แก่บริษัทต่างๆ”

นายหว่อง ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ อาจต้องการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเข้าถึงเงินทุนมากขึ้น เมื่อขยายธุรกิจ

หน่วยงานด้านการเงินของสิงคโปร์ได้จัดตั้ง Equities Review Group ขึ้นเพื่อประเมินแนวทางการเสริมสร้างความน่าดึงดูดใจของตลาดหุ้นสิงคโปร์ในเดือนสิงหาคม 2567 โดยมีมาตรการชุดแรกที่ครอบคลุมคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับภาษีหลายข้อในวันที่ 13 กุมภาพันธ์

นายหว่องกล่าวว่าเขายอมรับคำแนะนำดังกล่าว และจะใช้มาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับบริษัทในสิงคโปร์และผู้จัดการกองทุนที่เลือกเข้าจดทะเบียนในสิงคโปร์และขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสำหรับผู้จัดการกองทุนจะมอบให้กับผู้ที่ “ลงทุนอย่างมาก” ในตลาดทุนของสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดทุนของประเทศมากขึ้น

“สิงธิประโยชน์จูงใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดทุนสิงคโปร์มีความสำคัญมาก แต่ความท้าทาย เช่น สภาพคล่องของตลาดและมูลค่าหุ้นยังมีอยู่ ผลที่จะได้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำเพิ่มเติมจาก Equities Review Group ของสิงคโปร์” อาเจย์ กุมาร ซานกาเนเรีย หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายภาษีของ KPMG ในสิงคโปร์กล่าวกับ CNBC เมื่อวันอังคาร

Equities Review Group คาดว่าจะส่งรายงานเพิ่มเติมภายหลังในวันที่ 21 กุมภาพันธ์

ส่งเสริมใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านเทคโนโลยี นายหว่องกล่าวว่าองค์กรต่างๆ ต้องลงทุนในเทคโนโลยี รวมถึงการวิเคราะห์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์(AI) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและผลิตภาพ

จากนั้นนายหว่องประกาศว่ารัฐบาลจะจัดสรรเงิน 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์สำหรับ Enterprise Compute Initiative ใหม่ โดยองค์กรที่มีสิทธิ์จะร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่เพื่อเข้าถึงเครื่องมือ AI และพลังการประมวลผล รวมถึงบริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ซานกาเนเรีย กล่าวว่า “ด้วยการให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าในโครงสร้างพื้นฐาน การสำรวจโซลูชันพลังงานใหม่ และความสามารถในการรับมือสภาพภูมิอากาศ งบประ568 ทำให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการสร้างมูลค่าระดับโลก”

นอกจากนี้ยังกล่าวว่าการมุ่งไปที่การส่งเสริมความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืนของสิงคโปร์ “เป็นการยืนยันถึงความตั้งเป้าหมายที่สูงของประเทศที่จะยังคงเป็นผู้นำในด้านที่สำคัญเหล่านี้”

งบประมาณเกินดุล

นายหว่องกล่าวว่าการจัดเก็บรายได้ของสิงคโปร์ “ดีเกินคาด” ในปีงบประมาณ 2567 สาเหตุหลักมาจากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% ของ GDP ในปีงบประมาณ 2567 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 3.2% ในช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีการใช้จ่ายที่สูงขึ้น เช่น การเติมเงินเข้าบัญชีเพื่อการแพทย์ของชาวสิงคโปร์ และการจัดสรรให้กับโครงการต่างๆ เช่น อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 5 ของสนามบินนานาชาติชางงี

รัฐบาลจึงคาดว่าจะจบปีงบประมาณ 2567 ด้วยการเกินดุล 6.4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 0.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสิงคโปร์ และพลิกกลับจากที่ขาดดุล 2.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 2566

โดยคาดว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจะเพิ่มขึ้น 1.8 พันล้านดอลลาร์หรือ 5.8% เป็น 32.7 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในปี 2567 การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 6.7%เป็น 20.2 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของค่าจ้างที่เป็นตัวเงินในปี 2567 การเก็บภาษีสินค้าและบริการคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 5.5% เป็น 21.7 พันล้านดอลลาร์จากการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชน การเก็บภาษีจากภาษีอื่นๆ ซึ่งรวมถึงภาษีแรงงานต่างชาติและภาษีอนุรักษ์น้ำ ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน และคาดว่าจะเกินดุล 6.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในสิ้นปีงบประมาณ 2568

ซ่ง เสง วุน จาก CGSI กล่าวว่าการเกินดุลทางการคลังนั้น “มากกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย” โดยชี้ให้เห็นว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะจัดทำงบแบบขยายตัว (Expansionary budget) และคาดการณ์การขาดดุลสำหรับปีงบประมาณ 2568

ภายใต้รัฐธรรมนูญของสิงคโปร์ ฝ่ายบริหารจะต้องรักษางบประมาณที่สมดุลในแต่ละวาระของรัฐบาล และจะใช้ได้เฉพาะเมื่อได้รับอนุมัติจากประธานาธิบดีเท่านั้น รัฐบาลไม่ได้รับอนุญาตให้กู้ยืมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตามการดำเนินมาตรการช่วยค่าครองชีพmujชาวสิงคโปร์ทุกคนจะได้ประโยชน์ทำให้คาดว่าการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น 6.6% จากงบประมาณปี 2567 ซึ่งรวมถึงงบประมาณรายจ่าย 123.8 พันล้านดอลลาร์ของกระทรวงต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น 9.6% จากงบประมาณปี 2567

งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9 พันล้านดอลลาร์หรือ 16.3% เมื่อเทียบรายปี สาเหตุหลักมาจากการสนับสนุนสถาบันด้านการดูแลสุขภาพของรัฐมากขึ้น การดำเนินโครงการ Age Well SG ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้นทั้งสถาบันด้านการดูแลสุขภาพใหม่และกำลังขยายตัว ตลอดจนการก่อสร้างสถานพยาบาลที่สำคัญ

นอกจากนี้คาดว่ารายจ่ายของกระทรวงกลาโหมจะเพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านดอลลาร์หรือ 12.4% เนื่องจากรัฐบาลเร่งดำเนินโครงการต่างๆ เช่น NS Square ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับจัดงานขนาดใหญ่และขบวนพาเหรดวันชาติ

การแจกเงินแบบพิเศษไปยังครัวเรือนคาดว่าจะเพิ่มสูงถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์ในงบประมาณปี 2568 โดยเป็นเงินประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สำหรับบัตรกำนัล SG60 จำนวน 1.1 พันล้านดอลลาร์สำหรับบัตรกำนัล CDC และ 400 ล้านดอลลาร์สำหรับการแจกรูปแบบอื่นๆ เช่น ส่วนลด U-Save และการเติมเงินไปยังบัญชี Edusave และบัญชีหลังมัธยมศึกษา

กองทุนเพื่อการพัฒนาสนามบินชางงี(Changi Airport Development Fund) กองทุนป้องกันชายฝั่งและน้ำท่วม (Coastal and Flood Protection Fund ) และกองทุนพลังงานในอนาคตuture Energy Fund) จะได้รับเงินสนับสนุนรายละ 5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์

กองทุนผลิตภาพแห่งชาติ(ational Productivity Fund )จะได้รับเงินเพิ่ม 3 พันล้านดอลลาร์เพื่อส่งเสริมความพยายามในการส่งเสริมการลงทุน ขณะที่กองทุนวิจัยแห่งชาติ(National Research Fund)จะได้รับ 1.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการวิจัย นวัตกรรม และองค์กร

เรียบเรียงจาก

  • Singapore Budget 2025: More support for businesses and households to ease living costs
  • Budget 2025: Singaporean households to get S$800 in CDC vouchers, up to S$760 in utilities rebates
  • Budget 2025 to see 9.6% rise in ministries’ expenditure
  • Budget 2025: All Singaporean households to get $800 in CDC vouchers