ThaiPublica > Sustainability > Sustainable Business > OR เร่งเครื่องสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านการปฏิบัติจริง

OR เร่งเครื่องสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านการปฏิบัติจริง

25 มีนาคม 2024


ข่าวประชาสัมพันธ์

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมถ่ายทอดแนวคิดของ OR ในฐานะผู้บุกเบิกการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำในการเสวนาในหัวข้อ “Energy Transition การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ”

นายดิษทัต ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของ OR ในการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ OR ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และชี้ให้เห็นถึงบทบาทของ OR ในการเป็นผู้บุกเบิกสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำผ่านทาง platform ต่างๆ ของ OR ซึ่งครอบคลุมทั้งในกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2030  และ Net Zero ปี 2050 ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ประกอบด้วย

  • การบุกเบิกด้านพลังงานแห่งอนาคต เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านของการใช้พลังงาน (Pioneering the low carbon shift : OR’s Mobility Solution) ไม่ว่าจะเป็นการหนุนการใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV Station PluZ ครอบคลุมเส้นทางหลัก 77 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมตั้งเป้าขยายหัวชาร์จให้ครบ 7,000 หัวชาร์จ ในปีพ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) นอกจากนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่งด้านพลังงานแห่งอนาคต (Future Energy) ด้วยการเปิดสถานีต้นแบบเติมไฮโดรเจนสาหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) แห่งแรกของประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด เพื่อขยายผลการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงยังได้ร่วมกับการบินไทยทดลองนำร่องใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (SAF)
  • การพัฒนา Platform แห่งอนาคต เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและการใช้ชีวิตที่หลากหลาย (Propelling Seamless Energy Transition : OR’s network of the future) ด้วยการเป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านแพลตฟอร์มแห่งอนาคต (Future Platform) โดย OR ได้เปิด พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 สถานีบริการต้นแบบในอนาคต ซึ่งถือเป็นต้นแบบ “Green Station” โดยใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด (Renewable Energy) 100 % ผ่านการใช้พลังงานจาก Solar Rooftop เพื่อใช้ภายในสถานีบริการและร้านค้าที่ OR ดำเนินการ พร้อมทั้งได้ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานผ่านแบตเตอรี่ (G-Box) จากกลุ่มบริษัทในเครือ NUOVO PLUS เพื่อจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการซื้อพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการใช้เอกสารสิทธิ์เพื่อยืนยันการใช้พลังงานหมุนเวียน หรือ REC (Renewable Energy Certificate) รวมทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนาการนำเทคโนโลยี AI-CCTV มาช่วยคำนวณคาร์บอนของรถที่เข้า-ออก ในสถานีบริการเพื่อร่วมกันลดการปล่อยคาร์บอน
  • การผลักดันให้ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจสู่ความเป็น Green ตลอดทั้งระบบนิเวศน์ของ OR (Promoting Green value Chain : OR’s Ecosystem) ผ่านโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาเมล็ดกาแฟแบบยั่งยืน (Green Sourcing) ซึ่งประกอบไปด้วย การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ  ส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน โดยปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรในรูปแบบการปลูกเชิงเดี่ยว สู่การสร้างป่าเชิงนิเวศน์ในพื้นที่ปลูกกาแฟ และการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรโดยตรง โดยล่าสุด OR ได้เปิดจุดรับซื้อและโรงแปรรูปกาแฟคาเฟ่ อเมซอน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดรับซื้อเมล็ดกาแฟกะลาอะราบิกาจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรโดยตรงในราคาที่เป็นธรรม นอกจากนี้ OR ยังบุกเบิกโครงการด้าน Green Logistics ด้วยการนำร่องใช้รถไฟฟ้าขนาดใหญ่ขนส่งเมล็ดกาแฟดิบเส้นทางระยะไกลรายแรกของไทย ตลอดจนผลักดันการปรับรูปแบบการขนส่งผลิตภัณฑ์ เพื่อมุ่งเน้นการลดคาร์บอน โดยการขนส่งน้ำมันผ่านทางท่อมากขึ้น อีกทั้งยังมุ่งเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ในการปฏิบัติงาน (Green Operation) รวมถึงการปรับให้ทั้ง PTT Station หรือ Café Amazon เป็น Green Outlet ที่ใช้พลังงานสะอาด และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในร้าน Café Amazon
PTT Station Flgship วิภาวดี 62
SAF
EV Station PluZ

นอกจากนี้ OR ยังได้ดำเนินโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน โดยได้ร่วมกับหลากหลายหน่วยงานในการส่งเสริมการปลูกและรับซื้อกาแฟจากเกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรมีช่องทางการจำหน่ายเมล็ดกาแฟที่มั่นคง มีตลาดที่แน่นอน ในระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) ควบคู่กับการพัฒนาความรู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2558-2566 OR ได้สนับสนุนเกษตรกรด้วยการเป็นตลาดรับซื้อกาแฟสารจากเกษตรกรไทยรวมแล้วกว่า 6,109 ตัน (6,109,000 กิโลกรัม) หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1,100 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่าภายในปี พ.ศ. 2570 จะสามารถขยายการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นแปลงปลูกกาแฟและไม้ร่มเงารวมทั้งสิ้น 4,600 ไร่ ส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ 1,800 ครัวเรือน อย่างยั่งยืน และเป็นตลาดรับซื้อในระบบ Fair trade สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรกว่า 200 ล้านบาท/ปี อีกทั้งยังมีแนวคิดในการพัฒนาอุทยานคาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon Park) บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ณ ตำบลกล้วยแพะ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้คาเฟ่ อเมซอน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) ของคาเฟ่ อเมซอนให้ยั่งยืน

OR มุ่งตอบโจทย์วิถีแห่งอนาคต ผ่านแนวทาง SDG ในแบบฉบับของ OR ที่คำนึงถึงมิติสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมควบคู่การเติบโตทางธุรกิจ ด้วยแนวคิดการสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กเพื่อยกระดับสังคมชุมชน (S-Small) สร้างการเติบโตผ่านแพลตฟอร์มของ OR (D-Diversified) ตลอดจนการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ (G-Green) ซึ่ง OR ได้นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริง แบบ In Action ตั้งแต่กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการและเป้าหมายธุรกิจจนเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อก้าวที่มั่นคงสู่เป้าหมายการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนในปี 2030 (OR 2030 Goals) ที่ครอบคลุมทั้งสังคมชุมชน สิ่งแวดล้อม และผลการดำเนินการที่ดี อย่างยั่งยืนต่อไป นายดิษทัต กล่าวเสริมในตอนท้าย

โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน
โรงแปรรูปและจัดเก็บเมล็ดกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน
Cafe Amazon Park