ThaiPublica > Sustainability > Sustainable Business > ล่ำสูง ผู้ผลิต-จำหน่ายน้ำมันพืชหยก ปรับกลยุทธ์สู่ตลาดสุขภาพ ‘การบริโภคที่เป็นมิตรและยั่งยืน’

ล่ำสูง ผู้ผลิต-จำหน่ายน้ำมันพืชหยก ปรับกลยุทธ์สู่ตลาดสุขภาพ ‘การบริโภคที่เป็นมิตรและยั่งยืน’

1 กุมภาพันธ์ 2024


“ล่ำสูง” ผู้ผลิต-จำหน่ายน้ำมันพืชหยก ปรับกลยุทธ์ลุยตลาดกลุ่มน้ำมันพรีเมียม รับเทรนด์สุขภาพ พร้อมปักธง ทำธุรกิจ แบบ Sustainable มุ่ง’การบริโภคที่เป็นมิตรและยั่งยืน’

วันอังคารที่ 30 มกราคม 2567 บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำมันพืชหยก ได้เปิดแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ในโอกาสครบรอบ 50 ปี พร้อมเผยแผนกลยุทธ์ในปีที่ 51

บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทจำกัด ในเดือนกันยายน 2517 และต่อมาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2539 บริษัทฯประกอบธุรกิจหลักในด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ไขมันพืชผสม และเนยเทียม

บริษัทฯ เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม โดยมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบตั้งอยู่ที่จังหวัดตรัง มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู มีกำลังการผลิต 700 ตันต่อวัน หรือ 255,500 ตันต่อปี

ปัจจุบันบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UPOIC ในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 69.9 หลังเข้าทั้งนี้บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ดำเนินกิจธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทย โดยมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและโรงงานสกัดน้ำมันเมล็ดในปาล์มเป็นของตนเอง มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ น้ำมันปาล์มดิบ และ น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ โดยที่ UPOIC นับเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบรายหลักของบริษัทฯ

เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในธุรกิจจากความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์ม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มกลุ่มของผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ในปี 2547 บริษัทฯ จึงได้มีการขยายตัวโดยการเข้าซื้อกิจการ บริษัท อาหารสากล จำกัด (มหาชน) หรือ UFC ซึ่งประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิต และ จัดจำหน่าย ผัก และผลไม้แปรรูป เช่น ผักและผลไม้กระป๋อง น้ำผลไม้พร้อมดื่ม และซอสปรุงรส ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรา UFC ซี่งเป็นที่รู้จักมากว่า 40 ปี โดยมีโรงงานผลิต 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปางและนครปฐม

นอกจากนี้ UFC ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัท ยูเนี่ยนฟรอสท์ จำกัด โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 97 ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่ายผักและผลไม้แช่แข็ง มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปาง

หันเน้นผลิตภัณฑ์สุขภาพมุ่งเบอร์ 1 อุตสาหกรรม

นายภูมิเกียรติ โชติชัยชรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันปาล์มตราหยก เนเชอเรล กล่าวถึงก้าวต่อไปของ “ล่ำสูง” ว่า  ตลอด 50 ปี ที่บริษัท ล่ำสูง ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ไขมันพืชผสม และเนยเทียม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักออกสู่ตลาด ได้ยึดกลยุทธ์หลักในการดึงดูดลูกค้า คือ คุณภาพของสินค้าและคุณค่าทางโภชนาการ

สำหรับปี 2567 บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 บริษัทฯ  แม้ปัจจุบันในตลาดน้ำมันปาล์ม บริษัทอยู่เป็นเบอร์2  แต่ได้ตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปีจะก้าวสู่เบอร์ 1 ในตลาดน้ำมันปาล์ม โดยจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์น้ำมันกลุ่มซอฟต์ออยล์ที่เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเชื่อว่าผู้บริโภคจะหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19

“ในตลาดกลุ่มน้ำมันปาล์มผลิตภัณฑ์ของเราอยู่เบอร์ 2 ที่ค่อนข้างห่างจากเบอร์ 1 พอสมควร แต่ในกลุ่มซอฟต์ออยล์มีหลายประเภท เราเป็นผู้นำในหลายผลิตภัณฑ์เช่น น้ำมันคาโนลา และ น้ำมันมะพร้าว เพราะฉะนั้นเราจะปรับกลยุทธ์ขึ้นมาทำการตลาดในกลุ่มนี้มากขึ้น”

นายภูมิเกียรติ กล่าวว่า กลยุทธสำคัญหลังจากนี้ไปบริษัทฯจะเน้นการผลิตภัณฑ์น้ำมันพืชพรีเมียมกำลังซื้อสูง และใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และให้น้ำหนักกับ  ผลิตภัณฑ์เนเชอเรล (Naturel) ซึ่งขายเป็นสินค้าพรีเมียม  ขณะที่กลุ่มน้ำมันพืชหยก เอ็กซ์ตร้า เป็นกลุ่มสินค้าพรีเมียมเพื่อ ตอบรับเทรนด์สุขภาพที่ขยายตัวตั้งแต่ช่วงหลังโควิดเป็นต้นมา รวมไปถึงน้ำมันกลุ่มซอฟต์ออยล์ อาทิ น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว ซึ่งเชื่อว่า ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินซื้อน้ำมันเพื่อสุขภาพราคา 100-150 บาท/ลิตร จากเดิมคนไทยมองว่าน้ำมันพืชราคา 60 บาท/ลิตร ราคาสูงเพราะต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดูแลสุขภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตามนายภูมิเกียรติกล่าวว่าปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ อยู่ที่ธุรกิจน้ำมันปาล์ม 85%  แต่ในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนการดำเนินกลยุทธ์น้ำมันพรีเมียม กลุ่มซอฟต์ออยล์จะขยายสัดส่วนได้มากขึ้น

นางสาวณฐภา เศรษฐนันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางการทำตลาดในปีนี้ บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์สื่อสารแบรนด์ไปสู่คนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยจะเน้นช่องทางสื่อสารออนไลน์ ผ่านคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ด้านอาหาร ในช่องทางออนไลน์ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมากขึ้น

“การตลาดของบริษัทหลังจากนี้ จะเน้นการใช้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ไม่ใช่เบอร์ใหญ่มาก แต่อาจจะเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามประมาณ 4-5หมื่นคน แต่มีความเรียลในการรีวิวสินค้า นำน้ำมันของเราไปปรุงอาหารอย่างจริงจัง ซึ่งจะสร้างอิทธิพลต่อกลุ่มลูกค้าหลักมากกว่า”

นอกจากนี้บริษัทฯ เน้นสร้างคอมมูนิตี้ด้านอาหารเพื่อเกิดการแลกเปลี่ยน และมีการ tie-in สินค้าควบคู่ไป โดยวางเป้าหมายการใน 2-3 ปี ยอดขายจากทางออนไลน์มีสัดส่วน 10% ซึ่งขณะนี้สัดส่วนการขายในออนไลน์ยังมีปริมาณน้อย

นายภูมิเกียรติ โชติชัยชรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

เดินหน้าธุรกิจตามแนวทางด้านความยั่งยืน

นอกจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดแล้วบริษัท ล่ำสูง ยังปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจให้รับกับเมกะเทรนด์โลก โดยจะเดินหน้าสู่การทำธุรกิจตามแนวทางด้านความยั่งยืน (Sustainable) เพื่อตอบแทนสังคม ประกอบด้วย “Nutrition for BETTER LIFE” ที่มุ่งสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน

สำหรับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท คือ NICE ที่ครอบคลุมในมิติความยั่งยืนทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่ “การบริโภคที่เป็นมิตรและยั่งยืน”

    N – Ensure: มั่นใจว่ามีการใช้ทรัพยากรและพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า
    I – Innovate: คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง
    C – Conduct: ดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายการกำกับดูแลกิจการ อย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ และ
    E – Educate: การให้และเพิ่มพูนความรู้แก่ประชาชน เพื่อให้เข้าใจและตระหนักถึงการบริโภคอย่างยั่งยืน

บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์ ทิศทาง และนโยบายเกี่ยวกับการดำเนินการ ให้ครอบคลุมในทุกมิติตามหลัก ESG ได้แก่ E : Environmental คือ มิติด้านสิ่งแวดล้อม S : Social คือ มิติด้านสังคม/ชุมชน และ   G : Governance คือ มิติด้านหลักธรรมาภิบาล และพร้อมต่อยอดด้านความยั่งยืนสู่อนาคตด้วย

สำหรับโครงการหรือกิจกรรมด้านความยั่งยืน (Sustainable) เพื่อตอบแทนสังคมนั้น บริษัทได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับทั้งพนักงานและชุมชน ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการดูแลสังคมและสภาพแวดล้อมไปด้วยกัน รวมถึงร่วมสร้างและพัฒนาชุมชมอย่างยั่งยืน อาทิ การยกเลิกการใช้วัสดุที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น โฟม และติดตั้งถังขยะแบบแยกประเภทในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้สามารถส่งต่อไปยังทวิภาคีเพื่อคัดแยกได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด, กิจกรรม LST รักษ์ป่าชายเลน

ในปี 2566 ได้ปลูกพันธุ์ไม้ป่าชายเลน เช่น โกงกางใบเล็ก แสมขาว พังกาหัวสุม และลำพู ฯลฯ จำนวน 270 ต้น ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้ประมาณ 2,500 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

กิจกรรมปล่อยปลาคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อการอนุรักษ์แหล่งน้ำอย่างยั่งยืน และดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ประสานความร่วมมือกับ “ศูนย์เด็กเล็กวิทยาเขตสิรินทรราชวิทยาลัย” จังหวัดสมุทรปราการ จัดทำ “โครงการกันสาดเพื่อน้อง” ติดตั้งกันสาดรอบอาคารเพื่อป้องกันรังสีความร้อนที่กระทบมายังตัวอาคารโดยตรง ซึ่งช่วยลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศได้ เป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง โดยดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มและธุรกิจอาหารชั้นนำในประเทศไทย ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม, ไขมันพืชผสม และเนยเทียม โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก อาทิ น้ำมันพืช ภายใต้ตรา หยก, หยก เอ็กซ์ตร้า, เนเชอเรล, แสงจันทร์ ผลิตภัณฑ์เนยเทียม และไขมันพืชผสม ตราเซสท์, เซสท์ โกลด์, ใบไม้ทอง, บัตเตอร์ครีม, ฟราย ฟราย, ป๊อบ, หยก ผลิตภัณฑ์บัตเตอร์ เบลนด์ ตราเซสท์, เซสท์ โกลด์ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ตราเนเชอเรล ออร์แกนิค ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมเบเกอรี่ เช่น แป้งสาลี ตราเซสท์ และ ใบไม้ทอง รวมถึงเครื่องปรุงและซอส นำเข้าจากออสเตรเลีย ตรา มาสเตอร์ ฟู้ดส์