หลังจากกลุ่มเซ็นทรัล (Central Group) แถลงข่าวผลการดำเนินงานตลอด 5 ปี พร้อมประกาศแผนธุรกิจปี 2561 และยุทธศาสตร์ใหม่ที่จะนำพากลุ่มเซ็นทรัลสู่การเป็น “นิวเซ็นทรัล นิวอีโคโนมี” (NEW CENTRAL, NEW ECONOMY) เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561 พร้อมตั้งเป้ายอดขายราว 397,308 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 14% จากปี 2560 โดยอาศัย 3 ยุทธศาสตร์ ตั้งแต่มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกไลฟ์สไตล์-บริการ (Lifestyle & Service Retailing), ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร และการควบรวมกิจการ
จากการสำรวจข้อมูล “อาณาจักรเซ็นทรัล” ปัจจุบันอยู่ตรงไหนและจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ไปได้อย่างไรบ้าง เริ่มต้นจากจำนวนร้านค้า กลุ่มเซ็นทรัลมีธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ยุโรป และเวียดนาม โดยในประเทศไทย มีร้านอยู่ 4,970 ร้านค้าใน 38 จังหวัด โดยมีสัดส่วนระหว่างสาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นจาก 5 ปีที่แล้วจาก 80 ต่อ 20 เป็น 54 ต่อ 46 และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7,509 ร้านค้าใน 52 จังหวัด
ขณะที่ในยุโรปจะเน้นไปที่ห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้ารินาเซนเต (Rinascente) ในอิตาลี, ห้างสรรพสินค้าอิลลัม (ILLUM) ในเดนมาร์ก, ห้างสรรพสินค้าคาเดเว (KaDeWe), ห้างสรรพสินค้าโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) และห้างสรรพสินค้าอัลสแตร์เฮาส์ (Alsterhaus) ในเยอรมนี
และสุดท้ายในเวียดนาม ปัจจุบันมีอยู่ 217 ร้านค้า ครอบคลุมพื้นที่กว่า 700,000 ตารางเมตร ใน 37 จังหวัด แบ่งเป็นธุรกิจศูนย์การค้า 31 แห่ง เช่น บิ๊กซี ธุรกิจอาหาร 59 แห่ง เช่น บิ๊กซี, ลานชีมาร์ท ธุรกิจแฟชั่น 49 แห่ง เช่น โรบินส์, เดลาลา, ซูเปอร์สปอร์ต และมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ ธุรกิจฮาร์ดไลน์ 78 แห่ง เช่น เหงียนคิม, บีทูเอส และธุรกิจออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ NguyenKim.vn, Robins.vn และ B2S.com.vn ขณะที่ในอีก 5 ปีข้างหน้า (2565) จะมีร้านค้าทั้งหมดรวมกว่า 753 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,500,000 ตารางเมตร ใน 57 จังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะแบ่งธุรกิจของตนเองออกเป็น 9 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจสายงานศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ (CPN), กลุ่มธุรกิจสายงานห้างสรรพสินค้า (CDG), กลุ่มธุรกิจสายงานสินค้าอุปโภค บริโภค (CFG), กลุ่มธุรกิจสายงานวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า (CHG), กลุ่มธุรกิจสายงานอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์ (COL), กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร (CRG), กลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการสินค้านำเข้า (CMG), กลุ่มธุรกิจโรงแรมและสถานพักตากอากาศ (CHR) และกลุ่มธุรกิจในประเทศเวียดนาม
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และข้อมูลจากเว็บไซต์กลุ่มเซ็นทรัล ระบุถึงบริษัทภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลใน 8 กลุ่มธุรกิจ (ยกเว้นกลุ่มธุรกิจในประเทศเวียดนาม) ว่ามีบริษัทประมาณ 18 แห่ง รายละเอียดดังนี้
- กลุ่มธุรกิจสายงานห้างสรรพสินค้า 3 บริษัท ได้แก่ สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด, ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด และโรบินสัน จำกัด (มหาชน)
- กลุ่มธุรกิจโรงแรมและสถานพักตากอากาศ 1 บริษัท ได้แก่ โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)
- กลุ่มธุรกิจสายงานวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า 2 บริษัท ได้แก่ ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด และเพาเวอร์บาย จำกัด
- กลุ่มธุรกิจสายงานสินค้าอุปโภค บริโภค 1 บริษัท ได้แก่ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด
- กลุ่มธุรกิจสายงานอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์ 4 บริษัท ได้แก่ ซีโอแอล จำกัด (มหาชน), บีทูเอส จำกัด, เซ็นทรัล ออนไลน์ จำกัด และเซ็นเนอร์จี อินโนเวชั่น จำกัด
- กลุ่มธุรกิจสายงานศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ 1 บริษัท ได้แก่ เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
- กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร 1 บริษัท ได้แก่ เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด
- กลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการสินค้านำเข้า 5 บริษัท ได้แก่ เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด, เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด, ซีเทรคสากล จำกัด, เซ็นทรัลกาเมนท์แฟคทอรี่ จำกัด และ เท็กซ์ทรัล เท็กซ์ไทลส์ จำกัด
ทั้งนี้ในแง่ผลประกอบการปี 2559 ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่าจากทั้งหมด 18 บริษัท มีรายได้รวม 203,716.1 ล้านบาท มีกำไร 35,024.8 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 265,620.99 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 156,982.60 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 109,817.05 ล้านบาท เมื่อเทียบสัดส่วนรายได้ของกลุ่มเซ็นทรัลพบว่าอันดับหนึ่งเป็นของกลุ่มธุรกิจสายงานห้างสรรพสินค้า 36.12% ของรายได้รวม, รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจสายงานวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า 18.63% และกลุ่มธุรกิจสายงานสินค้าอุปโภค บริโภค 17.96% ขณะที่กำไรส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจสายงานศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ 45.82% รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจสายงานห้างสรรพสินค้า 35.88%
