ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “สองป้าเดือดควงขวาน-เสียมกระหน่ำรถจอดขวางหน้าบ้าน เดือดร้อน ‘ตลาดเถื่อน’ นับสิบปี” และ “ทรัมป์ หนุน ‘ครูติดอาวุธ’ ป้องกันกราดยิง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “สองป้าเดือดควงขวาน-เสียมกระหน่ำรถจอดขวางหน้าบ้าน เดือดร้อน ‘ตลาดเถื่อน’ นับสิบปี” และ “ทรัมป์ หนุน ‘ครูติดอาวุธ’ ป้องกันกราดยิง”

24 กุมภาพันธ์ 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 17-23 ก.พ. 2561

  • สิบปีเป็นข่าวไม่สาย สองป้าเดือดควงขวาน-เสียมกระหน่ำรถแวะตลาดจอดขวางหน้าบ้าน เผย เดือดร้อน “ตลาดเถื่อน” นับสิบปี
  • ธปท. ยัน ไม่มีนโยบายให้ร้านสะดวกซื้อเป็นธนาคาร แจง เพียงขยายกรอบให้เอกชน-นิติบุคคลขอเป็นตัวแทนธนาคารได้
  • มูลนิธิเซนต์คาเบรียลมีมติให้ ผอ.โรงเรียนพ้นตำแหน่งตามเจตจำนอง ปม บริหารงานไม่โปร่งใส
  • ประกาศแล้ว ให้เช่าเพื่ออาศัยห้ามเก็บเงินล่วงหน้าเกิน 1 เดือน หมดสัญญาต้องคืนเงินประกันทันที
  • ทรัมป์ หนุน “ครูติดอาวุธ” ป้องกันกราดยิง
  • สิบปีเป็นข่าวไม่สาย สองป้าเดือดควงขวาน-เสียมกระหน่ำรถแวะตลาดจอดขวางหน้าบ้าน เผย เดือดร้อน “ตลาดเถื่อน” นับสิบปี

    คลิปเหตุการณ์
    ที่มา: ยูทิวบ์ BRIGHT TV (https://goo.gl/2siGLk)

    กลายเป็นเรื่องเด็นประเด็นร้อนขึ้นมาในสังคมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เมื่อมีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ที่รถยนต์คันหนึ่งออกจากบ้านไม่ได้เนื่องจากมีรถจอดขวางหน้าบ้าน โดยรถคันที่อยู่ในบ้านนั้นบีบแตรค้างไว้เป็นเวลานานก็ยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถหรือเลื่อนรถออกไป อีกทั้งรถยนต์คันที่จอดขวางอยู่นั้นก็ไม่ได้ใส่เกียร์ว่างไว้ทำให้ไม่สามารถเข็นไปไหนได้ ทำให้ในที่สุด น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี และ น.ส.ราณี แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี หญิงสองพี่น้องที่อาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวก็ได้ถือขวานและเสียมทุบรถกระบะที่จอดขวางหน้าบ้านตนเอง

    เวลาต่อมา น.ส.รัตนฉัตร และ น.ส.ราณี พร้อมทั้งเพื่อนบ้านบางส่วน ได้เปิดแถลงข่าวโดยชี้แจงว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2561 โดยตนเองจะไปทำธุระออกจากบ้านไม่ได้ มีการกดแตร ตรวจดูรถแล้ว และพบว่ามีการล็อกรถ ใส่เบรกมือ ทำให้ไม่สามารถขยับรถให้พ้นจากหน้าบ้านได้ รวมถึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งที่หมายเลข 191 และหมายเลข 155 แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มายังจุดเกิดเหตุ ทั้งยังบอกด้วยว่า ผู้อำนวยการเขตประเวศและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องรับผิดชอบ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ในการอนุญาตให้มีการสร้างตลาดนัดในพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัยซึ่งมีการขนถ่ายสินค้าทั้งกลางวันและกลางคืน สร้างความเดือดร้อนและคนในหมู่บ้านนานกว่า 10 ปี

    ทั้งนี้ ด้านเจ้าของบ้านซึ่งเป็นฝ่ายทุบรถนั้นยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ แต่เป็นการปกป้องสิทธิ โดยให้เหตุผลว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ที่ศาลคุ้มครอง อีกทั้งเจ้าของรถคันที่จอดขวางก็บอกว่าได้ยินเสียงแตรแต่ไม่มาขยับรถ ทั้งที่ตนกดแตรเป็นเวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง

    ด้าน น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา หญิงสาวเจ้าของรถคันที่ถูกทุบเปิดเผยว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับผิดที่ไปจอดรถขวางทางหน้าบ้าน เพราะเข้าใจว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกบังคับคดีและเป็นบ้านร้างจึงจอดรถไว้ และปกติเป็นคนที่จอดรถแล้วจะล็อกเบรกมือตลอด แต่เขาก็ไม่ควรที่จะทำแบบนั้นกับคนอื่น ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้กับใครอีก”

    เฟซบุ๊ก THE MATTER รายงานว่า กลุ่มเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวนั้นเคยยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกรณีตลาดบริเวณบ้านก่อความเดือดร้อนดังกล่าวมาแล้ว 2 คดี คือ

    1. คดีหมายเลขดำที่ 1687/2552 คดีแดงที่ 553/2556 ยื่นฟ้องเมื่อปี 2552 ขอให้เพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งตลาดข้างๆ บ้าน ซึ่งขณะนั้นมีเพียง 2 แห่ง ต่อมาศาลปกครองกลางก็ตัดสินให้ผู้เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้การจัดตั้งตลาดไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ แต่เจ้าของตลาดทั้ง 2 แห่งไปยื่นอุทธรณ์ ศาลปกครองสูงสุดจึงสั่งให้ศาลปกครองกลางเริ่มพิจารณาคดีใหม่ ปัจจุบัน คดีนี้ยังไม่จบ
    2. คดีหมายเลขดำที่ ส 1/2555 ยังไม่มีหมายเลขคดีแดง เป็นการยื่นฟ้องเพิ่มเติมหลังจากมีการจัดตั้งตลาดเพิ่มอีก คดีนี้ยังไม่จบเช่นกัน แต่ศาลได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้การจัดตั้งตลาดสร้างความเดือดร้อนรำคาญ

    ต่อมา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตลาดทั้ง 5 แห่งในบริเวณบ้านดังกล่าว คือ ตลาดสวนหลวง ร.9, ตลาดเปิ้ล มาร์เก็ต, ตลาดยิ่งนรา, ตลาดรุ่งวาณิชย์ และตลาดร่มเหลือง มาร์เก็ต โดยพบว่า ตลาดสวนหลวง ร.9, ตลาดรุ่งวาณิชย์ และตลาดร่มเหลือง มาร์เก็ต นั้นผิดกฎหมายอย่างชัดเจนเนื่องจากไม่มีการขอใบอนุญาตเพื่อเปิดตลาด ขณะที่ตลาดเปิ้ล มาร์เก็ต และตลาดยิ่งนรา นั้นยังไม่ชัดเจนว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะมีใบขออนุญาตเปิดทำการพาณิชย์ และสามารถเปิดเป็นศูนย์อาหารได้ แต่ห้ามขายของสด ซึ่งเว็บไซต์ไทยพีบีเอสรายงานว่า นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการให้สำนักงานเขตประเวศออกคำสั่งให้หยุดการดำเนินการตลาด 3 แห่ง ประกอบด้วย ตลาดรุ่งวาณิชย์ ตลาดร่มเหลือง และตลาดสวนหลวง1 มีผลวันที่ 27 ก.พ. 2561

    ธปท. ยัน ไม่มีนโยบายให้ร้านสะดวกซื้อเป็นธนาคาร แจง เพียงขยายกรอบให้เอกชน-นิติบุคคลขอเป็นตัวแทนธนาคารได้

    วันที่ 19 ก.พ. 2561 เว็บไซต์ไทยพับลิก้ารายงานว่า นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายใต้บริบทที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกระทบต่อพฤติกรรมการใช้บริการทางการเงินของลูกค้า ตลอดจนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในการให้บริการแก่ลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น ธปท. จึงปรับปรุงหลักเกณฑ์เรื่องช่องทางให้บริการของธนาคารพาณิชย์ ให้มีความยืดหยุ่นและเท่าทันการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการที่ถูกลง ตรงความต้องการ และมีทางเลือกที่หลากหลาย ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็จะสามารถให้บริการลูกค้าได้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารพาณิชย์ได้ดีขึ้น

    สาระสำคัญของเกณฑ์ฉบับใหม่นี้ คือ การให้ความยืดหยุ่นและคล่องตัวแก่ธนาคารพาณิชย์ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบและช่องทางให้บริการ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

    1. สาขาของธนาคารพาณิชย์ จะมีรูปแบบยืดหยุ่นขึ้น ทั้งเรื่องธุรกรรม วันเวลาทำการ และให้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ mobile banking
    2. การแต่งตั้งตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ (banking agent) ซึ่งเป็นเรื่องที่อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์แต่งตั้งได้อยู่แล้ว โดยธนาคารพาณิชย์สามารถแต่งตั้งธนาคารพาณิชย์อื่น สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และไปรษณีย์ เป็นตัวแทนได้ แต่เกณฑ์ใหม่ได้ขยายขอบเขตให้ครอบคลุมนิติบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมด้วย

    ทั้งนี้ ตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ สามารถให้บริการ รับฝาก ถอน โอน ชำระเงิน สำหรับลูกค้ารายย่อย โดยให้ถอนเงินกับโอนเงินรายย่อยได้ครั้งละ 5,000 บาทไม่เกิน 20,000 บาทต่อวันต่อคน ซึ่งตามหลักเกณฑ์นี้ ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกตัวแทนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม สอดคล้องกับกลยุทธ์การให้บริการลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ ตัวแทนที่ธนาคารพาณิชย์เลือกแต่งตั้ง จะต้องมีสถานที่ให้บริการเป็นหลักแหล่งที่ชัดเจน มีเครื่องมือและระบบการให้บริการรองรับการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย โดยประเด็นสำคัญธนาคารพาณิชย์ต้องดูแลรับผิดชอบการให้บริการของตัวแทนเสมือนหนึ่งเป็นผู้ให้บริการเอง

    อนึ่ง เดิม ธปท. มีกฎหมายเกี่ยวกับการกำกับดูแลตัวแทนธนาคารพาณิชย์คือ “ประกาศธนาคารแห่งประเทศที่ สนส. 9/2553 เรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งตัวแทนของสถาบันการเงิน (banking Agent) ลงนาม ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2553 อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 โดยอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถตั้งตัวแทนได้ 6 ประเภท ดังนี้

    1) ตัวแทนรับฝากเงิน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์อื่น สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และไปรษณีย์

    2) ตัวแทนรับถอนเงิน ได้แก่ ไปรษณีย์

    3) ตัวแทนจ่ายเงินผู้ใช้บริการรายย่อย (เช่น การโอนเงินจากธนาคารในกรุงเทพฯ และให้ไปรษณีย์ในต่างจังหวัดจ่ายเงินแก่บุคคล แทนที่จะต้องมาถอนจากบัญชีในสาขาธนาคาร) ได้แก่ ไปรษณีย์

    4) ตัวแทนรับชำระเงิน (bill payment) ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์อื่น สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และไปรษณีย์

    5) ตัวแทนจ่ายเงินผู้ใช้บริการรายใหญ่ (เช่น ธนาคารต่างชาติที่มีสาขาน้อย จะใช้ตัวแทนธนาคารไทยออกเช็คแก่บุคคลมารับตามสาขาต่างๆ) ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

    6) ตัวแทนอื่นๆ จะต้องขออนุญาตเป็นกรณีไป ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 4 รายที่ไม่เข้าข่าย 5 ประเภทข้างต้นและได้รับอนุญาตจาก ธปท. ได้แก่ เคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทลูกของซีพี, ตู้บุญเติม, ตู้เติมสบาย และ Airpay

    ดังนั้น ประกาศฉบับใหม่จะอนุญาตการตั้งตัวแทนทุกประเภท (ยกเว้นการจ่ายเงินผู้ใช้บริการรายใหญ่) เป็นการทั่วไปแก่นิติบุคคลที่มีคุณสมบัติและเงื่อนไขตามประกาศ โดยไม่ต้องขออนุญาตแก่ ธปท. ก่อน นอกจากนี้ ประกาศฉบับใหม่ยังเปิดช่องให้ธนาคารพาณิชย์สามารถขออนุญาตตั้งตัวแทนที่เป็นบุคคลธรรมดาได้เป็นกรณีๆ ไปด้วย โดย ธปท. มีเป้าหมายไปที่ร้านค้าขนาดเล็กของชุมชนหรือโชห่วย ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเข้ามาร่วมให้บริการได้

    “ตัวแทนของธนาคารพาณิชย์เป็นเพียงผู้ที่ธนาคารพาณิชย์แต่งตั้งในการให้บริการแทนในธุรกรรมบางประเภท มิใช่การจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ใหม่ที่มีใบอนุญาต (banking license) จาก ธปท. ซึ่งในปัจจุบัน ธปท. ยังไม่มีนโยบายในการให้ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์รายใหม่แต่อย่างใด ส่วนการกำกับดูแลมีหลักเกณฑ์หลักคือการกระทำของตัวแทน ธนาคารจะต้องรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการเสมือนหนึ่งได้ให้บริการด้วยตัวเอง ซึ่งในทางปฏิบัติธนาคารที่จะตั้งตัวแทนจะต้องทำแผนรายงานที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารของธนาคาร พร้อมส่งมายัง ธปท. ในช่วงต้นปีของทุกปี อีกด้านหนึ่ง ธปท. จะมีการตรวจสอบย้อนหลังถึงการดำเนินงานของตัวแทนอีกทางหนึ่งด้วย ส่วนการกระทำของตัวแทนที่อาจจะก่อความเสียหายตามหลักการธนาคารก็จะต้องรับผิดชอบทั้งหมดตามกฎหมาย” นายสมบูรณ์กล่าว

    นายสมบูรณ์กล่าวถึงค่าธรรมเนียมว่า อยากให้มองว่าตัวแทนเป็นเหมือนช่องทางทางการให้บริการทางการเงิน ซึ่งต้องมีการแข่งขันกันกับธนาคารและช่องทางอื่นๆ หากมีการกำหนดเพดานขั้นสูง ค่าธรรมเนียมของทุกตัวแทน สุดท้ายค่าธรรมเนียมในตลาดจะกระโดดไปที่ค่าธรรมเนียมนั้นทันที แม้ว่าบางธนาคารยินดีที่จะแข่งขันหรือมีต้นทุนการให้บริการที่ต่ำกว่าและสามารถคิดค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าได้ แต่ธนาคารนั้นจะไม่มีแข่งขันกับธนาคารอื่นและส่งผลเสียต่อประชาชนโดยรวม

    นอกจากนี้ ธปท. ตระหนักถึงการที่ธนาคารพาณิชย์มีการปรับรูปแบบช่องทางการดำเนินธุรกิจและอาจมีการปิดสาขา หลักเกณฑ์ฉบับใหม่จึงกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องมีมาตรการในการดูแลลูกค้าที่อาจได้รับผลกระทบ โดยต้องจัดทำแผนกลยุทธ์เกี่ยวกับสาขา ช่องทางให้บริการที่ผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการของธนาคารพาณิชย์และแจ้งให้ ธปท. ทราบทุกปี รวมถึงกำหนดให้มีช่องทางทดแทนการให้บริการลูกค้าที่เพียงพอ และต้องกำหนดแนวทางการดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

    มูลนิธิเซนต์คาเบรียลมีมติให้ ผอ.โรงเรียนพ้นตำแหน่งตามเจตจำนอง ปม บริหารงานไม่โปร่งใส

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยพีบีเอส (https://goo.gl/AUdNWc)

    เว็บไซต์กรุงเทพธุกิจรายงานว่า เมื่อ 08.45 น. วันที่ 19 ก.พ. 2561 เกิดความวุ่นวายบริเวณหน้าตึกอำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เมื่อกลุ่มครู ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และนักเรียน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ภารดา ผศ. ดร.วินัย วิริยวิทยาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในหลายกรณี เช่น เรื่องความโปร่งใสของงบประมาณในการบริหารงาน การแต่งตั้งบุคลากรโดยไม่ผ่านที่ปรึกษาเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ค่าตอบแทนผู้เชี่ยวชาญ การจัดห้องพักให้ผู้เชี่ยวชาญภายในโรงเรียน การนำเงินโรงเรียนจำนวน 70 ล้านบาทไปลงทุนในนามบุคคล ฯลฯ

    เว็บไซต์ไทยพีบีเอสรายงานว่า หลังใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง พูดคุยร่วมกันกับตัวแทนผู้ปกครอง คณะครู ศิษย์เก่า และปัจจุบัน ภารดา ผศ. ดร.วินัย วิริยวิทยาวงศ์ ได้ออกมาประกาศยุติบทบาทการเป็นผู้อำนวยโรงเรียนทันที หลังถูกกดดันจากผู้ปกครองและนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะทำตามข้อเรียกร้องของทุกฝ่าย โดยจะทำหนังสือยุติบทบาทส่งถึงมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย และให้พิจารณาหาบุคคลอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนระหว่างรอการตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส

    ต่อมา วันทึ่ 23 ก.พ. 2561 เว็บไซต์ไทยพีบีเอสรายงานว่า นายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีปัญหาการบริหารงานของภารดา ผศ. ดร.วินัย วิริยวิทยาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ล่าสุดทาง สช. ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประสานกับทางมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย และได้รายงานผลมาว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2561 ทางมูลนิธิฯ ได้มีการประชุมหารือกันถึงเรื่องนี้ และมีคำสั่งออกมาแล้วให้ภราดา ผศ. ดร.วินัยยุติบทบาทหน้าที่ตามที่แสดงเจตจำนง

    นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้งนายสุรสิทธิ์ สุขชัย ประธานมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย เป็นรักษาการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่งมีผลแต่งแต่วันที่ 22 ก.พ. 2561 และมีคำสั่งเรื่องให้คณะครู อาจารย์ นักเรียนปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

    ส่วนการแต่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายวินัย ไม่ใช่อำนาจของ สช. ส่วนทางมูลนิธิฯ จะประสานขอให้ สช. ร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยหรือไม่นั้นยังไม่แน่ใจว่าจะมีการประสานมาหรือไม่ต้องรอให้มีคำสั่งแต่งตั้งออกมาก่อน

    ประกาศแล้ว ให้เช่าเพื่ออาศัยห้ามเก็บเงินล่วงหน้าเกิน 1 เดือน หมดสัญญาต้องคืนเงินประกันทันที

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/?p=760050)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า วันที่ 16 ก.พ. 2561 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 ที่จะมีผลในวันที่ 1 พ.ค. 2561 สำหรับ ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย ที่จัดแบ่งให้เช่าตั้งแต่ 5 หน่วยขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่ในอาคารเดียวกันหรือหลายอาคารรวมกัน เช่น ห้องพัก บ้าน อาคารชุด อพาร์ตเม้นท์ หรือสถานที่พักอาศัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่จัดขึ้นสําหรับการให้เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แต่ไม่รวมถึงหอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก และโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม

    สำหรับสาระสำคัญ เช่น เมื่อสัญญาเช่าอาคารสิ้นสุด ผู้ประกอบธุรกิจต้องคืนเงินประกันที่ได้รับจากผู้เช่าทันที เว้นแต่ผู้ประกอบธุรกิจประสงค์จะตรวจสอบความเสียหายที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบ หากผู้เช่ามิได้ทําความเสียหาย ให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินประกันภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่สัญญาเช่าอาคารสิ้นสุด และได้กลับเข้าครอบครองอาคาร

    นอกจากนี้ ยังมีข้อที่ระบุว่า ข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทํากับผู้เช่าต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่เป็นการยกเว้นหรือจํากัดความรับผิดจากการผิดสัญญาหรือการกระทําละเมิดของผู้ประกอบธุรกิจ

    ต้องไม่ใช่ข้อสัญญาที่กําหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเกินกว่าหนึ่งเดือน

    ต้องไม่ใช่ข้อสัญญาที่กําหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บเงินประกันเกินกว่าหนึ่งเดือนของอัตราค่าเช่าอาคารเมื่อคํานวณเป็นรายเดือน

    ต้องไม่ใช่ข้อสัญญาที่กําหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจกําหนดอัตราค่าบริการกระแสไฟฟ้าและน้ําประปาเกินกว่าอัตราที่ผู้ให้บริการกระแสไฟฟ้าและน้ําประปาเรียกเก็บจากผู้ประกอบธุรกิจ

    ต้องไม่ใช่ข้อสัญญาที่กําหนดให้ผู้เช่าต้องรับผิดในความเสียหายต่ออาคาร ทรัพย์สิน และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ในเหตุใดอันมิใช่ความผิดของผู้เช่า และในเหตุสุดวิสัย

    ทรัมป์ หนุน “ครูติดอาวุธ” ป้องกันกราดยิง

    ที่มาภาพ: AFP ผ่านเว็บไซต์บีบีซีไทย (http://bbc.in/2EPs5Yl)

    เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า จากกรณีเหตุการณ์กราดยิงโรงเรียนมัธยมในรัฐฟลอริดาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนมีอาวุธปืน จะสามารถยุติเหตุโจมตีเช่นนี้ได้ “อย่างรวดเร็ว” นอกจากนี้ยังสนับสนุนเสียงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบประวัติผู้ซื้ออาวุธปืนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    “เราจะแข็งขันอย่างมากในการตรวจสอบประวัติ โดยต้องเน้นอย่างมากในส่วนของสุขภาพจิต” นายทรัมป์กล่าวกับนักเรียนและย้ำว่า “มันจะไม่เป็นเพียงการพูดคุยอย่างที่เป็นมาในอดีต”

    ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้สนับสนุนข้อเสนอที่สมาคมปืนยาวแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นอาร์เอ) เคยเสนอก่อนหน้านี้ โดยสัญญาว่าจะพิจารณาข้อเรียกร้องให้ครูอาจารย์มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพื่อป้องกันเหตุ

    “หากคุณมีครูที่เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืน พวกเขาจะสามารถหยุดเหตุโจมตีได้อย่างรวดเร็ว” นายทรัมป์กล่าว

    “โดยที่ครูจะพกพาปืนติดตัวแบบปกปิด พวกเขาจะได้รับการฝึกพิเศษ และพวกเขาจะอยู่ในพื้นที่โรงเรียน และคุณก็จะไม่มีเขตปลอดอาวุธอีกต่อไป” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว พร้อมให้เหตุผลว่า “สำหรับคนบ้า เพราะพวกเขาเป็นพวกขี้ขลาด” เขตปลอดอาวุธปืนเป็นเหมือนชี้ช่องให้เข้าไปโจมตี

    หลายรัฐในสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้พกปืนแบบปกปิดเข้าไปยังพื้นที่โรงเรียนได้ ขณะที่นายทรัมป์เคยปฏิเสธช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2016 ว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการอนุญาตให้มีการพกอาวุธปืนในสถานศึกษา