ThaiPublica > เกาะกระแส > สื่อต่างประเทศรายงานข่าวพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

สื่อต่างประเทศรายงานข่าวพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

27 ตุลาคม 2017


ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีฯ ได้จัดตั้งศูนย์สื่อมวลชน ประกอบด้วย ศูนย์สื่อมวลชน ศูนย์ถ่ายทอด วิทยุกระจายเสียง โดยกรมประชาสัมพันธ์เป็นแม่ข่ายในการถ่ายทอดเสียงไปยังสถานีวิทยุ 5,000 สถานี ทั่วประเทศ และศูนย์ถ่ายทอดวิทยุโทรทัศน์ โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) เป็นแม่ข่ายในการถ่ายทอดสดไปยังสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง รวมถึงสถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ NBT World และ Thai TV TGN Global Network ส่งสัญญาณเผยแพร่ภาพและเสียงไปยัง 177 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งถ่ายทอดสดผ่านทางเว็บไซต์ www.kingrama9.th และเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพฯ เพื่อให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รับชมงานพระราชพิธีครั้งนี้ได้ทุกแห่งในโลก และได้รับความร่วมมือจากบริษัท ห้าง ร้านเจ้าของจอ LED รับสัญญาณถ่ายทอดสด เสมือนหนึ่งประชาชนได้อยู่ร่วมในพิธีจริงด้วย และพื้นที่แห่งนี้สามารถรองรับสื่อมวลชนได้ 1,500 คน

โดยการตั้งศูนย์สื่อมวลชนครั้งนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อสถานที่จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ภายในศูนย์สื่อมวลชนติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานได้แก่ คอมพิวเตอร์ จุดเชื่อมอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงรองรับผู้ใช้ได้กว่า 1,500 คน พื้นที่แถลงข่าวพร้อมให้บริการอาหารว่าง เครื่องดื่ม สำหรับผู้ปฏิบัติงานถ่ายทอดสด และสื่อมวลชน ข้อมูลจากกรมประชาสัมพันธ์ระบุตามยอดสื่อมวลชนที่ลงทะเบียนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในงานพระราชพิธีฯ จำนวน 1,687 คน เป็นสื่อไทย 1,372 คน และสื่อต่างประเทศ 318 คน จาก 86 สำนักข่าวทั่วโลก

ทั้งนี้สื่อมวลชนต่างประเทศทุกแขนง ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ เว็บไซต์ ต่างพร้อมใจรายงานการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระเมรุมาศ ภายในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมไปจนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2560

สำนักข่าวบีบีซีจากอังกฤษ ได้เกาะติดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯต่อเนื่องมาเป็นวันที่สอง ซึ่งในวันแรกได้มีหัวข้อข่าว “พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ชาวไทยรวมตัวจับจองพื้นถนน” โดยรายงานว่า พระราชพิธีพระบรมศพฯซึ่งจัดให้มีขึ้นเป็นเวลา 5 วัน ได้เริ่มขึ้นแล้วด้วยพิธีทางศาสนาในพระบรมมหาราชวังเมื่อวันพุธ(25 ตุลาคม 2560)พร้อมๆกับการเข้ามาจับจองพื้นที่ในบริเวณใกล้ๆมณฑลพิธีท้องสนามหลวงของประชาชนเพื่อให้ได้มุมที่ดีที่สุดในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สวรรคตขณะที่มีพระชนมพรรษา 88 ปี

ที่มาภาพ : http://www.bbc.com/news/world-asia-41748220

ในวันที่ 26 ตุลาคม สำนักข่าวบีบีซี ได้รายงานต่อในหัวข้อข่าว”ประเทศไทยเริ่มพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ว่า วันนี้ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประชาชนคนไทยนับแสนแต่งกายในชุดสีดำได้เฝ้าส่งเสด็จเต็มพื้นที่ เพื่อแสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้เป็นครั้งสุดท้าย

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่อัญเชิญพระบรมโกศซึ่งประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถไปยังพระเมรุมาศ ที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประโคม ทั้ง กลองชนะ สังข์แตร ปี่ รวมทั้งการยิงสลุต ถวายพระเกียรติ ถือเป็นพิธีสำคัญของพระราชพิธีในวันนี้ ทั้งนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จขึ้นพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ

บีบีซียังระบุว่า พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯเป็นช่วงเวลาสำคัญของคนไทย ที่นั่งนิ่งบนพื้นถนนไม่สามารถขยับเขยื้อนเข้าใกล้พระเมรุมาศได้ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่แบ่งปันความทรงจำเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมทั้งมีน้ำใจให้กันและกันบรรยากาศเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและเฝ้ารอด้วยสงบ

ในหลวง รัชกาล ที่ 9 ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและทรงสร้างความมั่นคงให้กับประเทศไทย โดยที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับความยุ่งยากทางการเมืองและรัฐประหารหลายครั้งตาม

บีบีซียังได้ประมวลภาพพระราชพิธีและริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่อัญเชิญพระบรมโกศไว้ด้วยในหัวข้อข่าว ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเพื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ทางด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า คนไทยร่วมอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยประชาชนคนไทยแต่งกายในเสื้อผ้าสีดำต่างหลั่งไหลรวมตัวมาอย่างไม่ขาดสายในเมืองหลวง เพื่อถวายอาลัยพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่ง และเพื่อมีส่วนร่วมในวันสำคัญวันที่สองของพระราชพิธีที่จัดขึ้น 5 วัน เพื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ครองราชย์ยาวนานถึง 70 ปี

ที่มาภาพ : http://edition.cnn.com/2017/10/26/asia/thailand-king-bhumibol-adulyadej-cremation/index.html

ซีเอ็นเอ็นรายงานต่อว่า ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจากพระบรมมหาราชวังไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงอันเป็นที่ตั้งพระเมรุมาศ ที่จัดสร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้สำหรับงานถวายพระเพลิงพระบรมศพโดยเฉพาะ

ขณะเดียวกันประชาชนซึ่งอยู่ในความโศกเศร้าสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ ตัดกับพระบรมโกศสีทองซึ่งประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถของริ้วขบวนและกองทหารที่เครื่องแต่งกายมีทั้งสีแดงและสีขาว

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงครองราชย์นานที่สุดในโลก จัดขึ้นหลังจากการเสด็จสวรรคตครบรอบ 1 ปีทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เป็นพระมหากษัตริย์ที่คนไทยทั่วประเทศรักและภักดี

ประชาชนนับพันคนเดินทางเข้าร่วมเพื่อหวังว่ามีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ที่ทรงนำพาประเทศชาติผ่านอุปสรรคและรอดพ้นภัย และแม้ว่าจะมีคนจำนวนมากแต่ทุกคนให้ความร่วมมือและอยู่ในความสงบเรียบร้อย

ประชาชนหลายคนบอกว่า พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ต้องเข้าร่วม นับเป็นวันสำคัญ เพื่อส่งเสด็จรัชกาลที่ 9 สู่สวรรคาลัย โดย ญานิสา สนใจ อายุ 24 ปีกล่าวกับ ซีเอ็นเอ็น ขณะเฝ้ารอริ้วขบวนพระพบรมราชอิสสริยยศว่า

“เชื่อว่าทุกคนไม่อยากให้มีวันนี้ แต่เราก็ต้องยอมรับว่า ถึงเวลาแล้วที่กษัตริย์เราต้องเสด็จกลับสู่สวรรค์ พระองค์ท่านทำงานหนักเพื่อพวกเรา พระองค์ยังสถิตอยู่ในใจของพวกเรา”

ซีเอ็นเอ็นรายงานอีกด้วยว่า รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 26 ตุลาคม เป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ในพระราชพิธีที่ตราตรึงใจ ยิ่งใหญ่ที่สุดและยาวนานที่สุดในชีวิตนี้ ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาทหรือประมาณ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ

ธนาคารพาณิชย์ ห้างร้านทั่วประเทศต่างปิดทำการเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอย่างเต็มที่ โดยมีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 230,000 นาย เพื่อดูแลความเรียบร้อย ขณะที่ประชาชนซึ่งเฝ้ารอริ้วขบวนตั้งแต่ 7.00 น. หวังเพียงที่จะได้เห็นพระมหากษัตริย์ที่จากไปเป็นครั้งสุดท้าย

ที่มาภาพ : https://www.reuters.com/news/picture/royal-cremation-for-thai-king-idUSRTX3IAG9

สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ประมวลภาพพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชภายใต้หัวข้อข่าว “พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์ไทย” เว็บไซต์ถึง 33 ภาพด้วยกันพร้อมบรรยายว่า พิธีส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสู่สวรรคาลัยที่ยิ่งใหญ่เริ่มด้วยพิธีการทางศาสนาและพระราชพิธีก่อนการถวายพระเพลิงที่พระเมรุมาศบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ของประเทศ

ส่วนสำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสรายงานว่า “ชาวไทยร่วมถวายอาลัยในหลวง รัชกาลที่ 9 อันทรงเป็นที่รักยิ่งเป็นครั้งสุดท้าย” โดยมีข้อเนื้อความว่า “ริ้วขบวนพระบรมราชอิสสริยยศที่สีสันสวยงามสมพระเกียรติเคลื่อนตัวไปอย่างเคร่งขรึมบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ใจกลางกรุงเทพมหานครเมื่อวันพฤหัสบดี เป็นการถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครั้งสุดท้ายของประเทศไทยที่ได้จัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯที่นำความเศร้าสลดเสียใจต่อการสูญเสียศูนย์รวมดวงใจของชาติ

คลื่นฝูงชนกว่า 300,000 คนสวมเสื้อผ้าสีดำ เดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีฯ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันพฤหัสบดี เมื่อริ้วขบวนพระบรมราชอิสสริยยศที่อัญเชิญพระบรมโกศเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ ท่ามกลางความร้อนจ้า ต่างพากันหมอบกราบด้วยน้ำตา เช่นเดียวกับทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่

ที่มาภาพ : https://www.afp.com/en/news/15/thais-bid-final-goodbye-beloved-king-bhumibol

ริ้วขบวนพระบรมราชอิสสริยยศ ที่มีสมเด็จประเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเสด็จด้วยนั้น ประกอบด้วยกองทหารเกียรติยศในเครื่องแต่งกายที่สง่างาม พราหมณ์ พร้อมด้วยขบวน สังข์แตร ปี่ กลอง

ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ สมเด็จประเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเสด็จนำ ผู้นำรัฐบาลและแขกต่างประเทศขึ้นสู่พระเมรุมาศ เพื่อวางดอกไม้จันทน์ ก่อนที่พระราชพิธีถวายพระเพลิงจริงจะเริ่มขึ้นในเวลา 22.00 น.

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ในบรรดาแขกต่างประเทศที่เข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ประกอบด้วย เจ้าชายแอนดรูว์ แห่งราชอาณาจักร เจ้าชายอากิชิโนะและพระชายา แห่งญี่ปุ่น

สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ถวายอาลัยต่อ “พ่อของแผ่นดินเป็นครั้งสุดท้าย”

สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์ รายงานว่า คนไทยน้อมใจส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสู่สวรรคาลัย พร้อมระบุว่า วันเวลาที่คนไทยหวั่นเกรงก็มาถึง ประชาชนต่างพากันแต่งกายในชุดสีดำ เพื่อร่วมแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์ รายงานว่า พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดอย่างสมพระเกียรติทั้งพิธีทางพุทธและพิธีทางพราหมณ์ ผสมผสานกับบทเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งเพลงแจ๊ส เพลงคลาสสิก

ประชาชนนับหมื่นคนรวมตัวบนท้องถนนรอบๆมณฑลพิธี ที่ผ่านการออกแบบในช่วง 10 เดือนควบคู่กับการปรับพื้นที่ท้องสนามหลวงที่ เพื่อก่อสร้างพระเมรุมาศที่สูง 50 เมตร พร้อมด้วยหมู่พระที่นั่งและพลับพลาที่ประทับ รายล้อมด้วยการจัดแสดงโครงการพระราชดำริ

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ประชาชนคนไทยได้เข้ากราบถวายความเคารพพระบรมศพถึง 12 ล้านคน และสำนักพระราชวังคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯราว 250,000 คนแต่จำนวนคนที่เข้าถึงบริเวณแห่ริ้วขบวนต้องจำกัด จึงได้ติดตั้งจอขนาดใหญ่สำหรับผู้ที่เข้ามาไม่ถึงบริเวณพระราชพิธีเพื่อชมการถ่ายทอดสดและมีพระเมรุสำหรับวางดอกไม้จันทน์

ที่มาภาพ : http://www.channelnewsasia.com/news/asiapacific/sea-of-black-as-thousands-gather-in-thailand-for-late-king-s-9345078?view=DEFAULT

สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ประชาชนนับแสนคนแต่งกายด้วยชุดสีดำรวมตัวกันในย่านประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร เมื่อพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เริ่มขึ้นด้วยพิธีทางพุทธศาสนาชาวไทยต่างพากันจับจองพื้นที่บนถนนและฟุตบาท เพื่อเข้าใกล้บริเวณมณฑลพิธีให้ใกล้มากที่สุดและชมริ้วชบวนได้อยางชัดเจน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ในเดือนตุลาคม 2559(วันที่ 13 ตุลาคม 2560) ขณะมีพระชนมพรรษา 88 ปี เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ตลอดระยะเวลาการครองราชย์ และเป็นผู้รักษาความมั่นคงของประเทศที่ผ่านรัฐประหารและสถานการณ์ทางการเมืองมาเป็นระยะ

ที่มาภาพ : http://www.straitstimes.com/asia/se-asia/200000-thais-gather-around-grand-palace-as-funeral-rites-for-king-bhumibol-begin

หนังสือพิมพ์ สเตรทไทม์ สิงคโปร์ รายงานในหัวข้อข่าวว่า “ชาวไทยถวายอาลัยในไหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย” โดยในรายงานระบุว่า เมื่อริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ ตามจังหวะกลอง ด้วยแถวเจ้าพนักงานฉุดพระมหาพิชัยราชรถ บนถนนจากพระบรมมหาราชวัง ประชาชนที่เฝ้าคุกเข่าและ หมอบรอบด้านตกอยู่ในความเงียบสงัด แม้ความโศกเศร้าเสียใจปรากฏอยู่ในบนใบหน้า เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่อ “กษัตริย์แห่งกษัตริย์” “king of kings”.

กัญญา บุษยาภา อายุ 68 ปี บอกกับสเตรทไทม์ ว่า “พระองค์ทำงานหนักมาตลอด อันที่จริงพระมหากษัตรย์อย่างพระองค์ไม่จำเป็นต้องทำ หัวใจของพวกเราติดตามพระองค์ท่านไปไม่ว่าพระองค์จะสถิตอยู่ณ แห่งใด”

เช่นเดียวกับ กัญญา ชาวไทยคนอื่นต่างเดินทางมาล่วงหน้าถึง 2 วันค้างคืนบนถนน และฟุตบาท นอกจุดคัดกรอง เพื่อรอเข้าสู่บริเวณมณฑลพิธี บนพื้นที่ประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร

งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ทำให้ประชาชนตระหนักและยอมรับ การจากไปของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเพชรไพลิน ใจดี จิตอาสาวัย 60 ปี บอกว่า “พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ทำให้เรายอมรับความจริง ฉันรู้สึกว่า พระองค์จากไปแล้วอย่างแท้จริง และรูสึกเหมือนกับว่าฟ้ากำลังถล่ม”

รัฐบาลจะเปิดให้เข้าชมพระเมรุมาศและนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพตั้งแต่วันที่ 2-30 พฤศจิกายนนี้