ThaiPublica > คอลัมน์ > “ทางออกที่มองไม่เห็น”

“ทางออกที่มองไม่เห็น”

1 ธันวาคม 2013


มน อิสระ

ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นมนุษย์ ก็เป็นมนุษย์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แต่ทำไมวันนี้จึงปล่อยให้เหตุการณ์เป็นฉะนี้ได้ ถ้าจะสรุปว่าประเทศไทยตกอยู่ในภาวะ“ติดกับดักแห่งอารมณ์”ก็ไม่น่าจะผิดนัก ที่พูดเช่นนี้เพราะกลุ่มเสื้อทั้งสองสีที่กำลังตะโกนด่าทอกันอยู่นั้นมิได้ฟังเหตุผลชึ่งกันและกันเลย แต่ละคนมีชุดความเชื่อของตนเองและมองคนที่มีความคิดไม่เหมือนตนว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้ามแถมยังบังคับให้คนที่เป็นกลางเลือกข้างอีกด้วย

มันน่าแปลกนัก ทั้งๆที่ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารในประเทศสุดแสนทันสมัย แต่คนไทยทั้งสองกลุ่มนี้กลับไม่พูดกัน ไม่ฟังกัน โกรธแล้วโกรธเลยเกลียดแล้วเกลียดเลยเช่นนั้นหรือ..น่าอนิจจัง..ธรรมชาติของคนเราเวลาอารมณ์โกรธเข้าครอบงำ สติปัญญาจะเสื่อมและมองทางแก้ปัญหาไม่เจอ ทั้งๆที่เราก็รู้ แต่เราก็ยังโกรธกันจนได้ ด้วยเหตุนี้จึงเปรียบเสมือนเป็น“ทางออกที่มองไม่เห็น”

ใจสงบ สติมา ปัญญาเฉียบ
หาทางออก ตอนสงบเงียบ จึงมองเห็น
จิตฟุ้งซ่าน โกรธแค้น แสนลำเค็ญ
สิ่งเคยเห็น กลับสลาย ไม่เห็นทาง

โลภ โกรธ หลง ครองใจ ไร้สติ
ปัญญามี กลับมั่ว หัวเป็นหาง
ภาพที่เห็นชัดลึกกลับเลือนราง
แม้หนทางดีและชั่วก็มัวไป

หันกลับมามีสติเถิดพี่น้อง
เราทั้งผองเลือดไทยมิใช่หรือ
ยอมให้โกรธสนตะพายคล้ายกระบือ
จนสิ้นชื่อประเทศไทยใช่ไหมเอย

สิ่งแรกที่ต้องทำในการหาทางออก คือ set zero ทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงนั่นแหละ..ละจากความโกรธเข้าสู่โหมดของความเป็นมนุษย์

สองคือข้อยุติแห่งการตกลงต้องไม่ทิ้งแก่นหรือหลักการคือ ประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ถ้าเห็นด้วยกันแล้วจึงเริ่มข้อสาม คือ หาเป้าหมายที่ตรงกัน เช่น อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน รัฐธรรมนูญต้องได้รับแก้ไขโดยกลุ่มคนเป็นกลางที่สังคมยอมรับได้ เป็นต้น เมื่อได้เป้าหมายที่ตรงกันแล้ว ทำสัญญาประชาคมด้วยการออกแถลงการณ์ร่วมกัน

เมื่อเห็นพ้องต้องกันอย่างนี้เข้าสู่ ข้อสี่ คือ ตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งนี้เพื่อมิให้มีปัญหาตามมาในอนาคต”สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ควรมีสมาชิกมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ จะมากจะน้อยพี่น้องไปคิดกันเอาเอง อยากให้ประเทศไทยเป็นเช่นไรก็ตามใจพี่น้องไม่ต้องไปลอกของคนอื่นเขา เพื่อเราจะได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นไทยแท้เสียที

ข้อที่ห้านี้สำคัญนัก นายกฯยุบสภาคืนการตัดสินใจสู่ประชาชน นักการเมืองทั้งหลายกลับไปหาเสียงบอกชาวประชาว่าถ้าได้รับเลือกเข้ามาในสภาแล้วจะทำอะไรให้เขาบ้าง

ข้อหก ทั้งอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทั้งคู่ต้องปฎิบัติตามคำตัดสินของศาลและกระบวนการของกฏหมาย

ข้อเจ็ดข้อสุดท้าย ทีวีทุกช่อง วิทยุทุกสถานี สื่อทุกสื่อ ช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยรักษาสัญญาเหล่านี้เพื่อให้ประเทศไทยได้พักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมานานแสนนาน

รักเธอ”ประเทศไทย”ด้วยใจมั่น
ขออภัยที่ใจฉันร้ายเธอก่อน
ต่อแต่นี้มิปล่อยรักเป็นเพียงกลอน
ทุกอักษรฉันจะนำมาทำจริง

เราทุกคนรักเมืองไทยมิใช่หรือ
ไฉนมือกลับไม่พายคล้ายผีสิง
เท้าราน้ำลดแรงเรือเป็นเหยื่อปลิง
ร้ายเสียจริงทิ้งเมืองไทยไร้เรือนรัง

รักไทยจริงสักทีไม่ดีหรือ
คนละมือกอบกู้ไทยให้มีหวัง
รักกันเถิดเกิดทั้งทีมีพลัง
เศรษฐกิจพังกลับกลายดีมิมีจน

ที่ผ่านมาฉันทำเธอลื่นไถล
ทำให้เธอทุกข์ใจและสับสน
ขออภัยจากจิตใจประชาชน
เราจะค้นหาทางใหม่ให้เธอเดิน

พี่น้องครับ ประเทศไทยมิใช่ของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นของเราทุกคน หากเราไม่จับเข่าคุยกันมัวแต่ด่าทอใส่กันจนวันหนึ่งกลายเป็นความโกรธเกลียด เมื่อเผชิญหน้ากันเมืองไทยจะเกิดกลียุคและวันนั้นความเศร้าก็จะเข้าครอบงำประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง เรายังโศกเศร้ากับสิ่งที่สูญเสียไปไม่พอหรือครับ สำหรับผมรู้สึกเกินพอแล้วครับและไม่อยากเห็นความเสียหายอีกแล้ว

การฟื้นฟูประเทศต้องใช้เวลานานจากนั้นจึงพัฒนาต่อไปได้ มนุษย์เรามีสมองที่ชาญฉลาด สิ่งที่ไม่ดีเกิดแล้วเราไม่ควรให้เกิดอีก ถ้าเราใช้สมองในการหาทางออกใช้หนทางที่ดีโดยมิต้องใช้กำลัง ไม่ต้องสูญเสีย ไม่ต้องฟื้นฟู พัฒนาประเทศไทยได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าหรือ..

ผมขอภาวนาให้ผู้นำทั้งหลายของไทยเห็นหนทางแห่งปัญญาเหล่านี้แล้วก้าวข้ามกลียุคไปสู่ยุคแห่งการพัฒนา

ทั้งนี้เพราะผมรักเธอ”ประเทศไทย”สุดหัวใจ อยากให้เธอสดใสเป็น”สยามเมืองยิ้ม”ที่คนทั้งโลกอยากมาเยือนก่อนตาย..ก็แค่นั้นเอง