ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ — หนังภาคต่อคลิปเสียงธัญญ่า และ “เป็นเอก” อดชิงเหรียญเทควันโด เพราะนอนไม่พอ??

ประเด็นฮอตในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ — หนังภาคต่อคลิปเสียงธัญญ่า และ “เป็นเอก” อดชิงเหรียญเทควันโด เพราะนอนไม่พอ??

11 สิงหาคม 2012


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 5-11 ส.ค. 2555

ต้อนรับสัปดาห์แห่ง “วันแม่” วันคล้ายวันพระราชสมภพเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 สิงหาคม อีกทั้งยังเป็นวันหยุดยาว 3 วัน ให้ชาวไทยได้มีโอกาสในการแสดงความรักกับ “แม่” อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หรือจะพาคุณแม่ไปเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู ทำหน้าที่ลูก ให้ผู้เป็นแม่ได้ชื่นใจ มีความสุข หลังจากที่ท่านเลี้ยงดูเรามาเป็นอย่างดีตลอดทั้งชีวิต

นับได้ว่าสุดสัปดาห์นี้ คงเป็นวันหยุดที่หลายท่านได้เก็บแต่ภาพรอยยิ้มและความประทับใจของครอบครัวอย่างมากมายเลยทีเดียว ซึ่งไม่เพียงการได้อยู่กับครอบครัวเท่านั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราชาวไทยก็ยังคงมีความสนุกและรอยยิ้มกับการเชียร์นักกีฬาไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค 2012 กันอย่างต่อเนื่อง โดยงานนี้ก็มีแต่รอยยิ้ม ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “กำลังใจ” ที่คนไทยมีให้กันอยู่เสมอมา

มาที่เรื่องฮอต เรื่องแรก เพราะการแข่งขันก็ต้องมีแพ้ มีชนะ อย่างเรื่องของการแข่งขันกีฬาเทควันโด ที่เป็นกระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์กันอยู่นั้นก็คือ แมตซ์การแข่งขันของ “ไอ” เป็นเอก การะเกตุ ในการชิงเหรียญทองแดงกับ ออสการ์ มูนญอซ โอวีโด จากโคลอมเบีย ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สร้างความลุ้นระทึก และเสียดายเป็นอย่างมาก กับผลการแข่งขัน โดยเกมยกแรก เรียกว่าเป็นการดูชั้นเชิง ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ทำให้เสมอกันที่ 0-0 ต่อมายกที่ 2 และ 3 เป็นเอกออกอาวุธมากกว่าแต่ก็ไม่เข้าเป้า โดนนำเป็น 4-6 ซึ่งช่วง 6 วินาทีสุดท้ายของยก 3 นั้นเอง เป็นเอกเตะขาสูงถึงหัว ทำให้กรรมการให้คะแนนไทยขึ้นนำ 7-6 แต่ทางฝ่ายโคลอมเบียขอประท้วง และเมื่อมาดูภาพช้า ผลการตัดสินออกมาในช่วงวินาทีหมดเวลาพอดี ให้การประท้วงสำเร็จเพราะปลายเท้ายังไม่ถึง ส่งผลให้ออสการ์ มูนญอซ โอวีโด เอาชนะไป 6-4 คว้าเหรียญทองแดงไปครอง

ส่วนเป็นเอกก็ต้องพลาดเหรียญทองแดงไปแบบน่าเสียดายเป็นอย่างมาก และเมื่อจบเกม เป็นเอกก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการแข่งขันในครั้งนี้ว่า ตนพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยความสูงของคู่ต่อสู้ที่สูงกว่ามาก ก็ทำให้ตนถึงกับต้องพิจารณาตนเองอีกครั้ง โอกาสหน้าถ้ามีน้องหน้าใหม่ไฟแรงที่โดดเด่นและมีคุณสมบัติพร้อมกว่า ตนก็ยินดีหลีกทางให้

ที่มาภาพ: httpsport.sanook.comgallerygallery1135193298520
ที่มาภาพ: httpsport.sanook.comgallerygallery1135193298520

ทั้งนี้นายกสมาคมเทควันโด ให้สัมภาษณ์กับสื่อ “ก่อน” การแข่งขันว่า โค้ชเช โค้ชชาวเกาหลีที่เป็นครูฝึกสอนให้กับทีมเทควันโดโอลิมปิคของไทย มาเล่าให้นายกสมาคมฟังเช้าวันนั้นว่า “ตีโต้” นักกีฬากระโดดไกลคนที่อยู่ห้องข้างๆ คุยโทรศัพท์ดึก จนนักกีฬาเทควันโดที่ต้องแข่งขันในวันรุ่งขึ้นนอนไม่หลับ

หลังจากนั้น “โค้ชเช” ก็ออกมาให้ข่าวกับ “สื่อ” ว่าคืนก่อนการแข่งขัน เขานอนไม่หลับเลย เพราะตีโต้คุยโทรศัพท์เสียงดังทั้งคืน แถมยังเปิดสปีคโฟนจนเสียงดังมาถึงห้องที่โค้ชเชกับเป็นเอก นักกีฬาเทควันโดนอนพักอยู่

ขณะที่ ตีโต้ ศุภนร ชี้แจงว่า ตนคุยโทรศัพท์เสียงดังจริง โดยคุยกับแม่ผ่านอินเทอร์เน็ต และเปิดลำโพงไปด้วย เพราะกำลังเก็บสัมภาระเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่เมื่อโค้ชเชมาว่ากล่าวตักเตือน ตนก็หยุดทันที ไม่ได้มีปากเสียงอะไร และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะรู้ดีว่าได้ส่งเสียงรบกวนเพื่อนนักกีฬาด้วยกัน อีกทั้งตีโต้ยังโพสต์ข้อความขอโทษโค้ชเชและเป็นเอก ในเฟซบุ๊กของตนเองที่ใช้ชื่อว่า Supanara Sukhasvasti Na Ayudhaya ที่รวบกวนการพักผ่อนก่อนลงแข่งดังนี้

“มีคำขอโทษของตีโต้ ถึงโค้ชเช เป็นเอก และสมาคมเทควันโด อย่างลูกผู้ชาย หัวใจนักกีฬา… โต้ขอระบายหน่อยนะครับ โต้เครียดมาก กับข่าวที่ออกมาว่า โต้รบกวนการพักผ่อนของโค้ชเชกับเป็นเอก ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้มีเจตนาจริงๆ ครับ เมื่อคืนผมเริ่มคุย skype กับแม่ เวลา 00.21 [เวลาไทย 6.21 ] ตามปกติแต่ผมไม่ได้ใส่หูฟัง ทำให้เสียงดัง ซึ่งโต้ไม่รู้จริงๆ ครับว่ามันจะดังไปถึงห้องข้างๆ ซึ่งโค้ชเชห้องห่างกันไม่มาก และเมื่อโค้ชเชมาเคาะห้องโต้ เวลาประมาณตี 1.27 [นับเวลาไทยก็7.27] ซึ่งโค้ชบอกให้โต้เบาเสียงหน่อย ซึ่งโต้บอกโอเคครับและ ปิดคอมพ์นอนทันที ครับ วันรุ่งขึ้น ข่าวออกมา ทำให้โต้ตกใจ งง และเสียใจมากๆๆๆๆ ที่รู้ว่าโค้ชเชและเป็นเอกนอนไม่หลับทั้งคืน แต่ผมก็ได้ปิดคอมพ์เวลาตี1.20 และก็หลับเลยนะครับ และรู้สึกไม่ดีเพราะวันนี้เป็นวันแข่งด้วย ยิ่งเสียใจหนักเข้าไปอีก ผมเสียใจมากๆ ครับ และอยากจะกราบขอโทษโค้ชเชรวมถึงเป็นเอกและทีมเทควันโดด้วยครับ ผมไม่ได้มีเจตนาใดที่จะทำให้ใครต้องแพ้ เพราะผมก็เป็นนักกีฬาคนหนึ่งเหมือนกัน ผมรู้ดีว่าทุกคนหรือแม้แต่ตัวผมเองเหนื่อยขนาดไหนกว่าจะมาถึงวันนี้ ไม่มีนักกีฬาคนไหนซ้อมมาแข่งเพื่อแพ้ ผมนักกีฬาไทยนะครับ ใครจะอยากให้เพื่อนนักกีฬาไทยที่มาด้วยกันแพ้ล่ะครับ ผมมีสปีริตนักกีฬาพออยู่แล้วครับ ผิดเราก็ยอมรับ อะไรไม่ถูกก็แก้ไขไม่ใช่แก้ตัวครับ และจะได้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผมครับ ที่ผมควรจะระวังให้มากกว่านี้ ผมยอมรับว่าผมผิดและขอโทษทุกๆ คนในทีมเทควันโดจริงๆ ครับ แต่ในข่าวที่ออกมาว่า โต้เถียงและพูดจาไม่สุภาพกับโค้ชเชไปนั้น โต้ไม่ได้ทำ100%เลยครับ เพราะโต้ก็เป็นนักกีฬา ย่อมรู้ว่าการพักผ่อนสำคัญมากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นโค้ชหรือนักกีฬา และอีกอย่างคือผมก็เป็นคนมีพ่อ แม่ และโค้ชคอยอบรมสั่งสอน ผมโดนแม่ตำหนิหลังจากคุยกับโค้ชเช ณ เวลานั้นเลย และบอกให้ผมเลิก skype แล้วปิดคอมนอนซะ ผมก็นอนเลย ทำไมต้องไปด่าโค้ชเชล่ะครับ ผมอาจจะทำให้โค้ชเชพักผ่อนไม่พอทำให้คำแนะนำนักกีฬาได้ไม่เต็มที่ หรือมีผลกับการแข่งขันของ เป็นเอก
สุดท้ายนี้ผม…ตีโต้ ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา นักกรีฑาทีมชาติไทย ขอกราบขอโทษ โค้ชเช เป็นเอก ทุกคนในทีมเทควันโดทีมชาติไทย และแฟนกีฬาชาวไทยครับ หวังว่าคงจะเข้าใจผมนะครับ”

เรื่องนี้ชาวโซเชียลจะเลือกเชื่อคำพูดของฝ่ายใด ก็ขอให้พิจารณากันอย่างถี่ถ้วน แต่ถึงอย่างไรเรื่องการโต้ตอบของทั้งสองฝ่ายนี้ได้กลายเป็นที่กล่าวขานของชาวโซเชียลไปแล้ว

“พี่ไอสุดยอดไปเลยคะ อย่าท้อแท้นะคะพี่ พี่เป็นที่ 1 ของคนไทยเสมอคะ สู่ๆ คะ หนูเชื่อว่าสักวันต้องได้เหรียญทอง เพราะพี่เก่งสุดยอดไปเลยคะ”

“เข้าใจนะครับว่าเป็นนักกีฬาการได้พักผ่อนสำคัญมาก แต่การที่โดนรบกวนจากเสียงคนอื่นแค่เสียงแว่วเข้ามาในหูแค่ไม่กี่นาที มันคงไม่ทำให้ใครหลายๆ คนถึงขั้นนอนไม่หลับไปทั้งคืนนะ นึกถึงตัวนักกีฬาของเราดีกว่า ว่ามีความสามารถมากพอที่จะเอาชนะต่างชาติได้หรือยัง อย่ามัวแต่ไปโทษคนอื่นเลย แล้วตีโต้ก็ไม่จำเป็นต้องออกมาขอโทษผ่านสื่อออนไลน์ด้วย”

“ก็ยังเชียร์อยู่นะ คนไทยด้วยกัน ทุกคนสุดยอดอยู่แล้ว แต่เราคนไทย ต้องรู้จักเกรงใจกันทำไมต้องนอนดึกขนาดนั้น อะไรที่เงียบ ๆ ก็เหมือนการทำสมาธินั่นแหละครับ”

“ขอโทษอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะการแข่งโอลิมปิคไม่ใช่รายการแข่งเล็กๆ ที่คุณจะไปทำลายอนาคตของผู้อื่นได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เจตนาก็ตาม อยากให้ผู้ใหญ่ของสมาคมกรีฑาออกมาช่วยรับผิดชอบด้วย น่าจะดีกว่า และที่สำคัญการที่คุณนอนดึก คุณจะมีแรงไปแข่งได้เต็มทีหรือ โค้ชหรือผู้ใหญ่ของคุณควรจะมาดูแลหรือกล่าวตักเตือนคุณ เสียหายทั่งสมาคมเทควันโดและสมาคมกรีฑา”

“ก็ไม่ได้อยากจะโทษว่าใครถูกใครผิดหรอกนะเพราะเราก็ไม่ได้เป็นคนวงในรู้เรื่องอะไรมาก และก็ไม่ได้คิดจะเข้าข้างอะไรใครด้วย แต่การที่แข่งกีฬาแล้วตัวเองแพ้ ทำไมต้องโทษนั่นโทษนี่ ไม่คิดบ้างล่ะว่า ตัวเองอาจจะเก่งไม่เท่าคู่ต่อสู้ หรืออาจจะยังไม่ใช่วันของเราก็ได้ แต่ทางที่ดีนะ ถ้าเป็นเรา เราจะโทษตัวเองมากกว่าที่แข่งแพ้ ยอมรับที่ตัวเอง แบบนี้สิถึงเรียกว่ามีหัวใจเป็นนักกีฬา”

เรื่องที่สอง ยังคงเป็นเรื่องของการอยู่กับคนหมู่มากและการแข่งขัน แต่เรื่องนี้เป็นการแข่งขันของสาวงามกันบ้าง กับการประกวดประกวดมิสเวิลด์ 2012 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคม 2555 ณ เมืองออโดส อินเนอร์มองโกเลีย ในเขตปกครองประเทศจีน โดย “น.ส.ณฉัตร วัลเณซ่า เมืองโคตร” มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012 ตัวแทนจากประเทศไทย ที่เข้าร่วมในครั้งนี้ อีกทั้งยังมีคะแนนโหวตผ่านช่องทางเฟซบุ๊กสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของสาวงามทั้งหมด ก็มีอันให้ต้องชอค เมื่อพบว่าชุดราตรีสีเหลืองมะนาวที่จะใส่เข้าร่วมประกวด และข้าวของเครื่องใช้ของตนเอง หายไปขณะเข้าพักเก็บตัวที่โรงแรมคราวน์พลาซ่า เมืองออโดส อินเนอร์มองโกเลีย ในเขตปกครองของประเทศจีน

โดยช่วงวันดังกล่าว สาวงามต้องเดินทางไปทำกิจกรรมยังเมืองต่างๆ ในประเทศจีน และให้นำกระเป๋าเดินทางไปเพียง 1 ใบ นางงามจึงต้องเลือกนำไปเฉพาะของที่จำเป็นจริงๆ แต่เมื่อเสร็จสิ้นการทำกิจกรรมและกลับมาที่โรงแรมเดิม ปรากฏว่าห้องอยู่ในสภาพไม่เป็นระเบียบ ครีมขัดผิว เครื่องสำอางบางส่วน ชุดกีฬาที่จะใช้แข่งขันรางวัลพิเศษ “มิสสปอร์ต” และชุดราตรีที่จะใส่สำหรับงานกลางคืน รวมถึงชุดราตรีหลัก ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมแก้วสีเหลืองมะนาว ซึ่งจะใส่ขึ้นประกวดในรอบตัดสิน ได้หายไป จึงรีบสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่โรงแรม ทำให้ทราบว่าระหว่างที่กองประกวดไม่อยู่ โรงแรมได้ให้แขกคนอื่นเข้ามา และได้เคลื่อนย้ายสิ่งของในห้องออกไป และทางโรงแรมจะรีบตามของพร้อมชุดราตรีที่หายไปให้

น.ส.ณฉัตร วัลเณซ่า เมืองโคตร ในชุดราตรี สีเหลืองมะนาว ที่มาภาพ : httpwww.matichon.co.thnews_detail.phpnewsid
น.ส.ณฉัตร วัลเณซ่า เมืองโคตร ในชุดราตรี สีเหลืองมะนาว ที่มาภาพ: httpwww.matichon.co.thnews_detail.phpnewsid

ช่วงระหว่างที่รอของที่หายไปกลับคืนมา ประเด็นนี้ ก็เป็นที่กล่าวถึงกระหึ่มโลกออนไลน์ บ้างก็มองว่าอาจจะมีการกลั่นแกล้งกันเหมือนในละครทีวีหรือเปล่า หรือไม่ก็การประกวดระดับโลกขนาดนี้ ไม่น่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้เลย แต่หลังจากนั้นไม่นานทาง Miss Thailand World ได้มีการประกาศข้อความผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Miss Thailand World BEC-TERO ได้โพสต์มีการข้อความแจ้งข่าวดีว่า พบชุดราตรีหลัก รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ ของ ณฉัตร แล้ว โดยระบุข้อความว่า

“ข่าวดีค่ะ คุณณวัฒน์แจ้งมาว่า ทางโรงแรมได้ติดตามชุดราตรีหลักและของอื่นๆ ของณฉัตรจนเจอแล้ว ซึ่งบังเอิญได้สลับไปอยู่ที่ห้องอื่น และนำมาคืนน้องณฉัตรเรียบร้อยแล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ณฉัตรฝากขอบคุณทุกท่านที่คอยให้กำลังใจด้วยนะคะ”

บทสรุปของเรื่องเกิดจากความเข้าใจผิด แต่นางงามของไทยใจหายวูบตามไปด้วยอย่างแรง อีกทั้งคนไทยที่ส่งกำลังใจแรงเชียร์ อยากเห็นสาวไทยยืนสวยอยู่บนเวทีระดับโลก ก็พลอยหดหู่ไปด้วยเสียจริงๆ

“แขกเดิมยังไม่เช็คเอ๊า แขกใหม่เช็คอิน เก้าอี้ดนตรี น่าไปนะประเทศเนี๊ยะ เอาไว้ถ้าแขกมันเยอะ ๆ คงต้องผลัดกันนอน ผลัดกันออกไปกินข้าว เข้าคิวกันใช้ห้องน้ำ”

“ขนาดเป็นงานระดับชาติ ห้องพักของผู้เข้าประกวด ยังจะเปิดให้แขกคนอื้นเปิดห้องที่มีเจ้าของได้ บอกคำเดียวกากมาก แล้วกองประกวดไม่ได้เหมาห้องไว้ให้หรอ ที่หลังก็ไม่ต้องเปิดห้องให้ เอาของไปเก็บไว้ของเก็บของยังจะปลอดภัยกว่า”

“ประเทศที่จัดการประกวดต้องขอโทษคนไทยด้วย ทำไมไม่ให้เกียรติผู้เข้าประกวดเลย ถ้าเราไปพักที่โรงแรมประเทศนี้ เกิดออกไปเที่ยวข้างนอก เขาจะทำกับข้าวของ ของเรายังไง ไม่น่าทำให้คนไทยเสียความรู้สึกแบบนี้เลย แกล้งกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังไงก็เป็นกำลังให้น้องนะคะ อย่าท้อค่ะ นี่แค่ด่านเล็กๆเท่านั้นค่ะ”

“ต้องร้องเรียนและเอาเรื่องกับกองประกวดให้ถึงที่สุด ยอมไม่ได้ ให้ประเทศผู้จัดรับผิดชอบ และออกมาขอโทษคนไทยด้วย”

“งง นะคะ เพราะ ถ้าที่น้องพูดมาจริง ก็แปลว่าทีมงานกับโรงแรมพลาดมาก เพราะน้องบอกว่า ของหายไปบางส่วน ทั้งชุดและเครื่องประทินผิว เครื่องสำอาง แต่โรงแรมบอก ว่าเก็บผิดห้อง มันจะเก็บผิดห้องแค่บางส่วนถ้าเป็นกระเป๋าทั้งใบก็เข้าใจนะ แต่ แค่ของส่วนตัวบางส่วน บาุงชุด นี่สิแปลก ไม่ใครก็ใครสักฝ่ายต้องมั่วแน่นอนครับ เหอะ ๆ”

เรื่องที่สาม เป็นที่ฮือฮา แปลกแต่จริง และยังหาข้อสรุปไม่ได้ เมื่อมีการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพ ที่ทุกคนที่ไปร่วมงานต่างใส่เสื้อสีม่วงและเต้นกันอย่างคึกครื้น โดยงานนี้ นายสุจินต์ แก้วเพ็งกรอ อายุ 48 ปี ผู้เป็นสามีของ นางสาวระรวย บำเมโค หรือ “ภา” อายุ 37 ปี ผู้เสียชีวิตด้วยโรคลมปัจจุบัน ขณะนอนอยู่ที่บ้านพัก ได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่นางสาวระรวยจะเสียชีวิตนั้น เธอและเพื่อนๆ ได้เดินทางมายังงานเลี้ยงงานบวชลูกชายของเพื่อนในหมู่บ้าน ซึ่งคืนนั้นเธอได้บอกว่าคงจะไม่ได้ไปงานบวชในตอนเช้า และอยากให้เพื่อนซื้อโลงศพให้ เพราะเธอจะตายพรุ่งนี้ อีกทั้งยังกำชับให้เพื่อนๆ ทุกคนไปเต้นหน้าศพให้เธอดูด้วย พร้อมกับให้ใส่เสื้อสีม่วง ซึ่งเป็นสีโปรดที่เธอชอบ ด้านเพื่อนๆ ก็รับปาก เพราะคิดว่านางสาวระรวยพูดเล่น

ทางด้านนางยินดี ภีระโคตร อายุ 49 ปี เพื่อนสนิทของผู้ตาย ได้เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า ตอนนั้นตนคิดว่านางสาวระรวยพูดเล่น เพราะกำลังเต้นกันอย่างสนุกในงานทำขวัญนาค แต่พอมาตอนเช้า ตนก็ทราบข่าวว่านางสาวระรวยเสียชีวิตแล้ว เพื่อนๆ ทุกคนรู้สึกตกใจมากกับการจากไปอย่างกะทันหันของเพื่อน อีกทั้งในช่วงการจัดงานศพที่ผ่านมา ตนและเพื่อนๆ ได้รวมตัวกันนำเครื่องเสียงมาติดตั้งพร้อมกับเต้นรำหน้าศพตามที่นางสาวระรวยได้บอก แต่เมื่อเต้นไปได้สักพัก จู่ๆ นางวิภาพร คุ้มเขต อายุ 37 ปี เพื่อนสนิทของนางสาวระรวย ก็ได้วิ่งออกไปจากงานศพประมาณ 200 เมตร ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนๆ และแขกเหรื่อทั้งหลาย เนื่องจากนางวิภาพรวิ่งไปร้องไห้ไป และบอกกับเพื่อนๆ เป็นภาษาใต้ว่า ภาไม่อยากกลับไป… เป็นห่วงลูกเต้ ทั้งนี้ เมื่อได้ยินดังนั้น นายสุจินต์ สามีของนางสาวระรวย จึงได้พาน้องเต้ อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ตายมาพบ เมื่อน้องเต้มาถึง นางวิภาพรก็โผเข้าไปกอดและเรียกลูกอยู่ตลอดเวลา ขณะที่เพื่อนๆ ที่มุงดูถึงกลับน้ำตาคลอ จนพี่สาวของนางสาวระรวยเดินมาบอกว่า น้องไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วง เพราะจะช่วยดูแลหลานให้ หลังจากนั้นสักพักวิญญาณของนางสาวระรวยก็หลุดออกจากร่างนางวิภาพรไป

บรรยากาศภายในงาน บำเพ็ญกุศลศพ นางสาวระรวย ที่มาภาพ: httpiam.hunsa.comhappysungarticle104162
บรรยากาศภายในงาน บำเพ็ญกุศลศพ นางสาวระรวย ที่มาภาพ: httpiam.hunsa.comhappysungarticle104162

นอกจากนี้ นางยินดียังกล่าวอีกว่า น้องเต้ ลูกชายของนางสาวระรวย ได้เปิดเผยว่า หลังจากแม่ตายไปแล้ว ได้ยินแม่มากระซิบบอกให้ซื้อหวยเลข 590 ถ้าซื้อแล้วจะได้เงินเป็นล้าน ซึ่งเมื่อเพื่อนและคนจัดงานศพได้ยินดังนั้นก็พากันไปซื้อ และก็ถูกหวยได้รับเงินเป็นแสนเป็นล้านกันจริงๆ

“เรื่องแบบนี้มีจริงๆ เคยเจอมาแล้ว ตราบใดที่คนยังมีจิตมีวิญญาณ เหมือนตอนที่เรานอนแล้วฝันก็เช่นกัน ใครที่ไม่เชื่อลองสังเกตตัวเองดูนะ อย่าพูดคำว่างมงาย มันอยู่ที่มุมมองและองค์ประกอบอีกมากมาย เชื่อค่ะ”

“เป็นเรื่องของความเชื่อ สิ่งลี้ลับที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่จะดีกว่านะ”

“เรื่องงมงายมามอมเมาคนไทยอีกแล้ว และก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ถ้าเป็นจริง คนเค้าก็ถูกหวยกันทั่วประเทศแล้วสิ”

“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ แต่งวดหน้ามาบอกนู๋ด้วยพี่ นู๋จะได้มีเงินซื้อนมให้ลูกบ้าง”

“จะไม่เชื่อก็ตอนถูกหวยเป็นล้านนี่แหละ แน่จริงทำไมไม่ออกข่าวก่อนหวยออกล่ะ”

“ใครเชื่อก็รีบจัดการกับทางของชีวิตใหม่ หากยังไม่เชื่อ ก็อยู่ในวัฎฎสังสารนี้ต่อไป ดีใจ เสียใจ โศกเศร้า เวียนว่ายตายเกิด ไม่สิ้นสุด แล้วคิดหรือว่า จะได้พบพระพุทธศาสนาที่สอนให้หลุดพ้นได้ ”

เรื่องที่สี่ กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์กันเลยทีเดียว สำหรับกรณีสาวประเภทสองที่ใช้ชื่อในอินสตาแกรมว่า Nongploy 1910 ที่ออกมาเผยว่า ตนเองเคยแชตสนทนาพูดคุยกับนักแสดงหนุ่มของช่อง 3 “อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม” ถึงขนาดฝ่ายชายมาหาที่คอนโดกลางดึก จนเป็นเหตุให้ฝ่ายชายมีอันต้องมีปัญหากับแฟนสาว “น้ำฝน” พัชรินทร์ จัดกระบวนพล นางเอกค่ายเดียวกัน จนถึงขั้นพิจารณาว่าจะเลิกหรือไม่เลิกกันเลยทีเดียว

ขณะที่นักแสดงหนุ่มได้ออกมาปฏิเสธ และยืนยันว่าไม่เคยไปที่คอนโดของอีกฝ่าย ก่อนที่ในเวลาต่อมาจึงได้ออกมายอมรับว่าเคยไปหาอีกฝ่ายที่คอนโดจริง แต่ไม่ได้ขึ้นไปที่ห้อง และไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวเลย รวมถึงระยะเวลาที่พูดคุยกันก็เพียงสั้นๆ ราวๆ 15 นาที เท่านั้น อีกทั้งอาร์ตเองก็รู้มาก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นสาวประเภทสอง แต่การที่ตนไม่อยากจะพูดอะไรในตอนแรก เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายเสียหายนั่นเอง

จากคำตอบนี้เอง ทำให้น้องพลอย สาวประเภทสองคนสวย ทนไม่ได้ที่มาปฏิเสธกันเช่นนี้ จึงออกมาให้ข่าวอีกครั้งด้วยการย้ำว่า ทางนักแสดงหนุ่มอาร์ตเป็นฝ่ายทักเข้ามาหาตนเองก่อนจะขอเจอตัวที่คอนโดหลังได้แชตสนทนากันเพียง 4 วัน ซึ่งการเจอกันครั้งแรกและเป็นการเจอกันครั้งเดียวนั้น ก็ยังมาขอให้ตนเองมีอะไรกันในรถ แต่ตนไม่ยอม และยังมาบอกให้ตนรู้สึกเจ็บใจว่า ไม่ชอบกะเทย ทั้งๆ ที่ก็รู้ตั้งแต่ 2 วันแรก ที่ได้มีโอกาสคุยกันแล้วว่าตนไม่ใช่ผู้หญิง พร้อมยืนยันที่ทำไปทั้งหมดนั้นไม่ได้เพราะต้องการให้เป็นข่าว และได้มีการลบข้อความที่มีการสนทนาแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีข่าวออกมาได้อย่างไร

แต่ล่าสุด ในโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ภาพที่อ้างว่าเป็นภาพการสนทนากันระหว่าง unknoweiei กับ Nongploy 1910 ที่นำมาจากโทรศัพท์ เนื้อหาระบุว่า ทาง Nongploy 1910 นั้นได้ถามไปยัง unknoweiei ว่า รู้จักดาราช่องสามที่ชื่ออาร์ต หรือไม่

พร้อมบอกว่า ฝ่ายชายจะมาหาตนที่คอนโด และตนจะหลอกให้อีกฝ่ายมีอะไรด้วย เพราะฝ่ายชายไม่รู้ว่าตนเป็นสาวประเภทสอง ก่อนขอให้ทาง unknoweiei ช่วยเซฟรูป และข้อความที่ตนจะลงในอินสตาแกรมไว้เพื่อแบล็กเมล์ โดยให้ค่าจ้างเป็นจำนวน 2 หมื่นบาท ก่อนวานให้อีกฝ่ายไปช่วยบอกนักข่าวให้มารอดักถ่ายภาพ โดยมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องเป็นข่าวแน่นอน

นอกจากนี้ ก็ยังมีข้อความที่ unknoweiei กับ Nongploy 1910 ได้เกิดการโต้เถียงกัน โดยทางฝ่าย unknoweiei ได้ต่อว่าไปยัง Nongploy 1910 ว่าไม่น่าจะทำเรื่องนี้ ขณะที่ทาง Nongploy 1910 ก็ขู่ไปยัง unknoweiei ว่า ห้ามนำเรื่องนี้ไปแฉ พร้อมมีการด่าทอกันไปมา

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีรายงานว่า ทางฟากของน้องพลอยนั้นได้ไปโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม Nongploy 1910 ปฏิเสธถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยยืนยันว่า หากสิ่งที่ตนเองพูดไปไม่เป็นความจริง ก็ขอให้มีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ความจริงจะเป็นเช่นไร ก็มีเพียงคน 2 คนเท่านั้นที่รู้ แต่ว่าเรื่องราวฉาวๆ แบบนี้ก็คงจะห้ามไม่ได้ ที่ชาวโซเชียลมีเดียต้องนำไปเมาท์และออกความเห็นกันไปต่างๆ นานา ว่าแต่ชาวโซเชียลเขาจะอยู่ข้างใครหรือเชื่อคำพูดไหนกันแน่ ลองไปดูกัน

“มันไม่ได้สำคัญหรอกว่าจ้างหรือไม่จ้าง ถ้าอาร์ตไม่ได้ยุ่งกับเค้าจริงมันก็ไม่มีอะไร นี่อะไรกันพยายามจะดิสต์เครดิตต่างๆนานา กระเทยก็คนนะคะ อาร์ตควรจะอยู่นิ่งๆ และทบทวนตัวเองมากกว่า พวกกองเชียร์ก็เชียร์กันอย่างใช้วิจารณญาณบ้าง”

“ไม่เนียนอย่างแรง เพราะถ้าพลอยมีรูปและต้องการจะแบล็คเมลอาร์ทจริงๆ ก็ไปคุยกับอาร์ทเลยไม่ดีกว่าเหรอ จะเอามาลงในอินสตาแกรมแล้วต้องมาวุ่นวายเสียเงินจ้างให้คนอื่นมาเซฟทำไม พวกคนที่คิดจะดิสเครดิตพลอยเนี่ยท่าจะดูแต่ละครหลังข่าวมาก เลยคิดได้แต่พลอตอะไรแบบนี้”

“ผมว่าน้องเขาสวยนะ ถ้าเขาอยากจะดัง เขามีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ ไม่ใช้วิธีนี้หรอก ประเด็นคืออาร์ต พศุตม์เป็นดารา แต่คิดจะมาเล่นสาวฟรีๆ (คิดว่าเป็นสาว) แอบมาหาเขาตี 4 ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมมาก แถมขอเขามีอะไรด้วย ถ้าจะเอานิชคุณเป็นตัวอย่าง อาร์ต พศุตม์ ควรจะพิจารณาตัวเองและพักงานไปซักระยะ ถ้ามีสามัญสำนึกและหน้าไม่ด้านพอ”

“ผู้ชาย ทำอะไร ต้องยอมรับความจริงซิคะ เห็นมั๊ยพอเรื่องบานปลายขึ้นมา ก็ค่อยสารภาพมาทีละนิดๆ ทำไมเป็นแบบนี้กันนะ ผู้ชายสมัยนี้”

“สังคมสมัยนี้ ไม่ไหวจริงๆ แต่น้องพลอยก็สวยซะกว่าผู้หญิงจริงๆ ซะอีกนะ”

เรื่องที่ห้า ละครภาคต่อ “สามีข้า ใครอย่าแตะ” โดยเรื่องราวของภาคที่แล้ว มีคลิปเสียงที่ฝ่ายภรรยาหลวงอย่าง “ธัญญ่า” ธัญญาเรศ เองตระกูล มีปากเสียงกันกับผู้เป็นแม่ของคู่กรณีอย่างนางเอกสาว “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ว่านางเอกตาคมไปมีความสัมพันธ์อย่างลับๆ กับ “เป๊ก” สัณชัย เองตระกูล สามีของตน หลังจากที่มีโซ่ทองคล้องใจอย่าง “น้องลียา” ได้เพียงไม่นาน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้ธัญญ่าตัดสินใจห่างจากเป๊กเป็นเวลานาน และพาน้องลียาไปเลี้ยงเพียงลำพัง ไม่ให้ฝ่ายชายพบหน้า จนผู้เป็นพ่ออดรนทนคิดถึงลูกสาวที่น่ารักไม่ไหว ต้องคิดปฏิบัติทำตัวดีเสียใหม่ และตามขอคืนดี จนธัญญ่าใจอ่อนในที่สุด

แต่ก็ดูเหมือนครอบครัวจะกลับมาแฮปปี้ พร้อมหน้ากันได้ไม่นานนัก ล่าสุดก็มีคลิปเสียงการมีปากเสียงหลุดมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นคลิปเสียงที่ธัญญ่าเป็นผู้อัดไว้เอง แต่ไม่ได้ตั้งใจให้หลุดไป แค่อยากเป็นหลักฐานให้สามีของตนฟัง ว่าอีกฝ่ายก็แรงเช่นกัน สืบเนื่องมาจากธัญญ่าได้เห็นข้อความในโทรศัพท์มือถือของเป๊ก ที่พิ้งกี้ส่งมาว่า “I miss you , Goodnight” ธัญญ่าจึงโทรไปบอกแม่ของพิ้งกี้ เพื่อไม่อยากให้ทางนางเอกสาวเข้ามายุ่งกับสามีของตนอีกต่อไป แต่ต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์โมโห และพูดจารุนแรงใส่กันในที่สุด

ที่มาภาพ: httpgossipstar.mthai.comgossip-content29024
ที่มาภาพ: httpgossipstar.mthai.comgossip-content29024

โดยเรื่องนี้จะมีการแถลงข่าวโดยเป๊กและธัญญ่าอีกครั้งพร้อมกัน ในวันที่ 15 สิงหาคม 2555

“พิ้งค์กี้ สวยนะ ไม่มีคนโสดๆ มาชอบบ้างเหรอ ทำไมถึงยุ่งแต่กับผู้ชายของคนอื่นแบบนี้นะ”

“ผู้ชายนะตัวดี ควรปล่อยให้อยู่คนเดียว ไม่มีใครซักคน จะได้รู้สึกตัว”

“เมื่อก่อนสงสารธัญญ่า ตอนนี้รำคาญ คิดถึงมันไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องชู้สาวเสมอไป ปากบอกว่าไม่ยุ่งแต่ก็ยังเที่ยวเช็คโทรศัพท์เค้าอยู่ ปลงบ้างอะไรบ้าง ดูอย่างคุณตุ๊ก นั่นเค้าอยู่เพื่อลูกจริง นับถือ ไม่ชอบเลยที่บอกว่าไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิป น่าหัวเราะ แล้วมันหลุดมาให้ฟังได้ยังไงนะ”

“แม่พิ้งกี้จะปกป้องลูกจริงก็ฟังสิว่าลูกเราไปทำอะไรมา ถ้าคิดว่าเมียหลวงเขาใส่ความก็ขอหลักฐานเขาสิ แล้วถ้าลูกทำจริงก็ไปด่าลูกให้หยุดทำ นั่นน่ะเขาเรียกปกป้องลูกไม่ให้ทำผิดอีก ไม่ใช่ไปว่าเมียหลวงเขาเหมือนเขาทำผิดอะไร คนผิดน่ะลูกคุณแม่นะคะ ลืมไปหรือเปล่า”

“ผมว่าคนที่น่าแปลกใจที่สุดคือธัญญ่า ทำไมถึงยังยอมกลับไปหาเป๊กอีก วันวันไม่ต้องทำอะไรแล้ว คอยแต่จะมานั่งจับผิดสามีตัวเอง ถ้ามีชีวิตคู่กันไปแบบนี้ ผมว่าเลิกกันยังดีกว่า ต่างคนต่างอยู่ ต่างมีชีวิตในแบบของตัวเอง”

“กฎแห่งกรรม การจองเวรหากไม่ระงับด้วยการไม่จองเวร ก็จะวนเวียน ไม่มีความสุข ใครเคยเข้าวัดฟังเทศน์จะรู้ เช่น พิ้งกี้อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของธัญญ่าชาติที่แล้ว เรื่องการแย่งคู่ครองกัน ทำให้ชาตินี้ธัญญ่าจึุงต้องโดนเอาคืนแบบนี้ จึงไม่มีความสุข ต้องระแวงเพราะความรักของคู่ครองเป็นทุกข์ เวรย่อมระงับด้วยความไม่จองเวร การอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย มีความสุข จิตใจไม่มีอคติต่อกัน ส่วนคนอื่น ที่ไม่ชอบการกระทำของเขา ควรจะอุเบกขา หรือวางเฉย จิตใจจะไม่ขุ่นมัว บาป บุญ คุณ โทษ”