ThaiPublica > จับเท็จ: ประเด็น > ยิ่งลักษณ์แจงอุดหนุนราคาแบนซินมากแล้ว

ยิ่งลักษณ์แจงอุดหนุนราคาแบนซินมากแล้ว

18 กันยายน 2014


บริบท

กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ตามเจตนารมย์ของพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 คือ ใช้เป็นกลไกของรัฐในการป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง และใช้ในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ จากกรณีที่ราคาในตลาดโลกสูงขึ้น เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชนให้น้อยที่สุด

 

ในปี 2534 รัฐบาลได้ยกเลิกการควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา โดยเหลือเพียงก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ) ที่ยังคงมีการควบคุมราคาอยู่ ปัจจุบันจึงใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการรักษาระดับราคาของก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นหลัก

 

กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ทำหน้าที่ในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการคำนวณราคา และกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร กำหนดค่าการตลาดสำหรับการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิง

 

กำหนดค่าขนส่งไปยังคลังก๊าซและค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาก๊าซ ณ คลังก๊าซ ตลอดจนกำหนดราคาขายก๊าซ ณ คลังก๊าซเป็นราคาเดียวกันทุกแห่งทั่วราชอาณาจักร กำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนหรืออัตราเงินชดเชยสำหรับก๊าซที่ซื้อหรือได้มาจากผู้รับสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม ซึ่งเป็นผู้ผลิตได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติในราชอาณาจักร น้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำในราชอาณาจักร น้ำมันเชื้อเพลิงที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในราชอาณาจักร น้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งออก น้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายให้แก่เรือเพื่อใช้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร  และก๊าซหุงต้มที่จำหน่ายให้แก่ประชาชน

 

กำหนดชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน หรือไม่ให้ได้รับเงินชดเชย กำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นและคำนวณราคาขายปลีก พิจารณากำหนดอัตราภาษีให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่าอัตราภาษีต่ำสุดและไม่สูงกว่าอัตราภาษีสูงสุด กำหนดให้โรงกลั่นแจ้งราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นต่อคณะกรรมการ

 

ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามคำสั่งนี้ และปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

 

โดยปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้จัดการกองทุนฯ มีอำนาจหน้าที่จ่ายเงินกองทุนตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 2/2546 โดยได้มีการออกระเบียบกระทรวงพลังงาน ว่าด้วยการฝากและการเบิกจ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2546

 

รายรับที่เป็นรายได้หลักของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาจากภาษีสรรพสามิตที่กรมสรรพสามิตเรียกเก็บจากผู้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ และมาจากภาษีศุลกากรที่กรมศุลกากรเรียกเก็บจากผู้นำเข้าน้ำมัน โดยทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวจะนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากของกองทุนเชื้อเพลิง ขณะที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมีหน้าที่เก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับผู้ที่ได้รับสัมปทานก๊าซ แต่เนื่องจากราคาที่แท้จริงของก๊าซหุงต้มสูงกว่าที่รัฐกำหนดมาเป็นเวลานาน ทำให้ไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากผู้รับสัมปทาน

 

ทั้งนี้ สถาบันบริหารกองทุนพลังงานจะนำรายได้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาจ่ายชําระดอกเบี้ยและไถ่ถอนพันธบัตร ซึ่งรายได้ของกองทุนจะขึ้นอยู่กับอัตราเงินส่ง เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กําหนดโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน และ ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนมีการกำหนดอัตราสูงสุดที่สามารถเรียกเก็บได้ไว้ที่ 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนจะขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐและสถานการณ์ราคาน้ำมันในแต่ละช่วงเวลาเป็นหลัก

 

วิเคราะห์ข้อมูล

ในสมัยรัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นโยบายลดราคาน้ำมันโดยการหยุดส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบให้มุ่งสู่การสะท้อนราคาต้นทุนพลังงาน ถือเป็นนโยบายแรกๆ ที่รัฐบาลนี้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม แต่เดิมนั้นผู้ซื้อน้ำมันเบนซินจะต้องจ่ายค่าน้ำมันสูงกว่าความเป็นจริง เพื่อหักส่วนเกินนั้นส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและนำไปอุดหนุนให้ราคาขายก๊าซ LPG ถูกกว่าความเป็นจริง

 

ดังนั้น เมื่อรัฐบาลสั่งให้หยุดส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาขายน้ำมันเบนซินจึงลดลงทันทีเพราะไม่ต้องบวกส่วนเกิน แต่ก็ทำให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลงมาเหลือใกล้เคียงกับราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ จนทำให้ปริมาณผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ลดลงอย่างมาก จึงมีคำถามถึงมาตรการในการรักษาช่องว่างระหว่างราคาน้ำมันทั้งสองชนิดต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ทำการชี้แจดังข้างต้น

 

สรุป

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ในความเป็นจริงแล้วกองทุนน้ำมันมีขึ้นเพื่อหักส่วนเกินนั้นส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และนำไปอุดหนุนให้ราคาขายก๊าซ LPG ถูกกว่าความเป็นจริง ไม่ใช่นำไปอุดหนุนน้ำมันเบนซิน จึงเป็นการให้ข้อมูลที่ขัดกับข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน

 

ดังนั้นคำกล่าวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ว่า "…ที่ผ่านมาเบนซินนั้นรัฐบาลได้มีการให้เงินอุดหนุนไปเยอะมากแล้ว ซึ่งทำให้อัตราการใช้เบนซินค่อนข้างสูง ซึ่งรัฐบาลคงต้องมาปรับการบริหารให้สมดุลก่อนจึงจะมาดูในส่วนของโครงสร้าง ความแตกต่างของราคา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะติดตามผลเกี่ยวกับพลังงานทดแทนอยู่แล้ว" จึงอยู่ในเกณฑ์ "เป็นเท็จ"

ป้ายคำ :