
ปัจจุบันพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้ากลายเป็นเทรนด์โลก จักรยานไฟฟ้าเป็นหนึ่งในตัวเลือก นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงาน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ยังช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง มีการนำจักรยานไฟฟ้ามาใช้งานในชีวิตประจำวันและยังมีการนำไปใช้ออกทริปเพื่อความสนุกสนานและการพักผ่อนอีกด้วย
Rydekart (ร้ายกาจ) จักรยานไฟฟ้าแบรนด์ไทย
นายพีระ จันจิราวุฒิกุล หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Rydekart (ร้ายกาจ) ผู้ผลิตและจำหน่ายจักรยานไฟฟ้า (e-Bike) แบรนด์ไทยแท้ เปิดเผยจุดเริ่มต้นของ Rydekart ว่า มาจากการที่เขาได้มีโอกาสเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก และสังเกตเห็นว่าผู้คนตามเมืองหลวงและเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรป อย่าง อัมสเตอร์ดัม แฟรงค์เฟิร์ต มิวนิค โคเปนเฮเกน นิยมใช้จักรยานในการเดินทางกันอย่างแพร่หลาย แต่ที่ทำให้เขาสนใจเป็นพิเศษและเกิดคำถามขึ้นมาในใจคือ ทำไมคนที่นี่ปั่นจักรยานกันเร็วมาก จนได้คำตอบว่า ความเร็วของจักรยานมาจากมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ที่ติดเข้าไป หรือที่เรียกกันว่า “จักรยานไฟฟ้า หรือ อีไบค์ (e-Bike)” นั่นเอง
เมื่อกลับมาเมืองไทย เขาก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับจักรยานไฟฟ้าอย่างจริงจัง และมองเห็นลู่ทางว่าเมืองไทยก็สามารถผลิตจักรยานไฟฟ้าได้ เพราะฝั่งเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น จีน ไต้หวัน รวมถึงประเทศไทยเอง เป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนจักรยานของโลกอยู่แล้ว จึงได้เริ่มลงมือดีไซน์จักรยานไฟฟ้าออกมา พร้อมตั้งชื่อว่า รุ่น Rydekart และยังเป็นชื่อแบรนด์ด้วย ซึ่งหากออกเสียงแบบไทย ๆ จะออกเสียงว่า “ร้ายกาจ” นับเป็นจักรยานไฟฟ้าแบรนด์ไทยแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่มีการทำตลาดและส่งออกอย่างจริงจัง
“Rydekart ผลิตและประกอบในไทยทั้งหมด ส่วนมอเตอร์กับแบตเตอรี่นำเข้ายี่ห้อคุณภาพจากประเทศจีน โดยจักรยานไฟฟ้าคันแรกผลิตออกมาเมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีโควิดพอดี จนปี 2565 Rydekart ได้มีโอกาสไปอวดโฉมในงาน ยูโรไบค์ (EUROBIKE) งานจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่แฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยเราเป็นแบรนด์จักรยานไฟฟ้าแบรนด์ไทยแบรนด์เดียวท่ามกลางแบรนด์ดังๆ จากฝั่งยุโรปและอเมริกา”
แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ แต่ Rydekart กลับได้รับความสนใจและการตอบรับอย่างดีจากคนรักจักรยานไฟฟ้าทั่วโลก เนื่องจากดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ดูเท่ โดดเด่นและแตกต่างจากจักรยานไฟฟ้าจากฝั่งยุโรป ที่นิยมรูปลักษณ์แบบซิตี้ไบค์ (City Bike) สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน
“จุดเด่นของ Rydekart คือ 1. การออกแบบ (Design) เรามีทีมออกแบบของเราเอง และมีที่ปรึกษาเรื่องสเปคต่าง ๆ 2. คุณภาพสินค้า (Quality) เนื่องจากเรามีการส่งออกไปจำหน่ายที่ยุโรป จึงต้องผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยของยุโรป 3. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน (Flexibility) เราให้ความสำคัญเรื่องอุปกรณ์เสริมที่สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ เช่น เรามี Cargo Rack ที่ติดแล้วสามารถบรรทุกของได้ เวลาไปซื้อของ มี Frame Back ที่ดีไซน์มาเฉพาะรุ่น สามารถเก็บสายชาร์จ เก็บคอมพิวเตอร์ เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ และกันน้ำได้ มีที่นั่งเด็ก สามารถตอบสนองได้ทุกไลฟ์สไตล์ สามารถใช้นั่งคนเดียว หรือซ้อนก็ได้ การชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งได้ 60 กิโลเมตร คิดเป็นค่าไฟเพียง 5 บาท/ครั้ง สามารถทำความเร็วได้ถึง 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง” พีระกล่าว
ปัจจุบัน Rydekart มี 2 รุ่น คือ รุ่น Rydekart และ รุ่น Rydemark ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2567 เป็นรุ่นพับได้ สำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการขนย้าย และยังคงความเท่ตามเอกลักษณ์ของ Rydekart
“ลูกค้าของ Rydekart มีทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างละครึ่ง ลูกค้าในประเทศ จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มใช้งานในบ้าน หรือใช้งานระยะใกล้ เช่น ขี่ไปซื้อของใกล้บ้าน ขี่ไปออกกำลังกาย 2.กลุ่มที่ชอบดีไซน์ ซื้อไปเก็บสะสม และ 3. กลุ่มใช้งาน ใช้เดินทาง ระยะไกล 60 – 70 กม. ส่วนลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝั่งยุโรป ได้แก่ เยอรมัน อิตาลี ฟินแลนด์ เนเธอร์เลนด์ ซื้อเพราะดีไซน์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มองหาจักรยานคันที่ 2 – 3 ซึ่งเป็นปกติของคนยุโรปที่จะมีจักรยานอย่างน้อย 2 – 3 คัน”
นายพีระ กล่าวต่อว่า ข้อดีของจักรยานไฟฟ้าคือ สะดวก คล่องตัวเหมือนจักรยาน ไม่ปล่อยมลพิษ ปัจจุบันยุโรป มีการใช้อย่างแพร่หลาย อัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ส่วนในประเทศไทย กระแสจักรยานไฟฟ้า แม้จะยังไม่เป็นที่นิยม แต่ก็เริ่มเป็นที่ยอมรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีศิลปิน นักแสดง เซเลบริตี้หลายท่านให้ความสนใจจักรยานไฟฟ้า ซึ่งเป็นคนที่ชอบกิจกรรมเอ้าท์ดอร์อยู่แล้ว อย่าง โดม-ปกรณ์ ลัม นิยมขี่จากคอนโดฯ แถวทองหล่อไปวิ่งที่สวนเบญจกิติ เพราะคล่องตัวกว่าการขับรถ ส่วน ภูริ หิรัญพฤกษ์ ซื้อไปติดรถเวลาไปแคมปิ้ง ขี่ไปซื้อของจากจุดที่ไปแคมปิ้ง หรือขี่ไปเที่ยวในจุดที่รถเข้าไปไม่ถึง
“ลูกค้าหลายคนเป็นแนวแคมปิ้ง ซื้อรถของเราไปไว้ในรถบ้าน เอาไว้ใช้ไปซื้อของ ใช้ขี่ไปเที่ยวในจุดที่รถเข้าไปไม่ถึง เพราะเวลาที่เขาเซ็ทรถบ้านแล้ว เขาก็ไม่อยากขับออกไปอีก แล้วรถของเราถูกออกแบบให้มีหน้ายางกว้าง สามารถวิ่งได้ดีบนถนนลูกรัง ถนนขรุขระ”
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ สายแอดเวนเจอร์ สายแคมปิ้ง รวมถึงสายรักษ์โลก ที่กำลังมองหาพาหนะคู่ใจที่จะพาลุยไปทุกที่ด้วยความคล่องตัว รวดเร็ว สะดวกสบาย จักรยานไฟฟ้านับเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ผู้ที่สนใจจักรยานไฟฟ้า ของ Rydekart สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://rydekartbike.com/ สามารถแวะชมความเท่ห์แบบร้ายกาจในงาน Outdoor Fest 2025 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 25 พฤษภาคม 2568 ณ ฮอลล์ 5 – 6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนายพีระกล่าวว่า จะมีการเปิดตัว Rydekart รุ่นใหม่ในงาน และจัดโปรโมชั่นพิเศษอย่างจุใจให้กับสายเอ้าท์ดอร์ภายในงานอีกด้วย