ThaiPublica > เกาะกระแส > สะท้อนสังคมจาก OnlyFans

สะท้อนสังคมจาก OnlyFans

6 ตุลาคม 2021


รายงานโดย ทินารมย์ เสือแก้ว สาขา วารสารศาสตร์คอนเวอร์เจ้นท์ คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

เมื่อถึงยุคที่อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ทุกคน ด้านมืดของอินเทอร์เน็ตก็เริ่มเปิดเผยสู่เด็กมากขึ้น เด็กที่ไม่รู้ว่าอะไรคือ sex ต้องป้องกันอย่างไร สะท้อนออกมาผ่านโลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น การปลูกฝังการพูดคุยเรื่องเพศศึกษาว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย กลายเป็นการทำให้เด็กอยากรู้อยากลองด้วยตัวเอง

เว็บไซต์ OnlyFans กำลังเป็นประเด็นใหญ่ อยู่ในความสนใจและเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น จากการผิดศีลธรรมอันดีงามของไทย กรณี sexual content ของไทยอย่าง “น้องไข่เน่า” ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 กันยายน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 “ร่วมกันทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า หรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณาเครื่องหมาย รูปถ่ายภาพยนตร์แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งใดอันลามก เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน” และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4) “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ซึ่งทางตำรวจแจ้งว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะยังมีผู้กระทำผิดกรณี sexual content ในประเทศไทยอีกหลายคน

OnlyFans เป็นเว็บไซต์สำหรับแฟนตัวยงที่อยากชมคอนเทนต์สุดพิเศษและพูดคุยกับเหล่า “ครีเอเตอร์ (creator)” ที่ชื่นชอบแบบตัวต่อตัว โดยจะต้องจ่ายเงินเพื่อปลดล็อกให้สามารถดูภาพ คลิป และส่งข้อความไปหาพวกเขาได้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับสอนออกกำลังกาย ทำอาหาร เล่นดนตรี ซึ่งอาจมีไม่มากเท่าเนื้อหาวาบหวิว 18+ หรือที่ครีเอเตอร์มักระบุในข้อมูลส่วนตัวว่า NSFW (no safe for work) คือเนื้อหาที่อนาจารและสุ่มเสี่ยงเกินกว่าจะเปิดดูในที่ทำงานได้ และฐานแฟนบางส่วนมาจาก Twitter ที่เป็นแอปพลิเคชันที่กำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นในปัจจุบัน ที่สามารถลงอะไรตามใจชอบ ติดตามสิ่งที่ตนเองสนใจ หรือแม้แค่การดูเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ที่เด็กไม่เห็น หรือเรียนรู้ได้จากห้องเรียน และครอบครัว

แต่การเข้าชม OnlyFans ไม่ได้เข้าชมได้ง่ายอย่างที่คิด ต้องมีการยืนยันตัวตน เพื่อยืนยันอายุว่าเกิน 18 ปีจริงๆ โดยต้องมีการยืนยันบัตรประชาชน หรือเอกสารที่ออกโดยรัฐบาลเท่านั้น เพื่อเป็นการช่วยปกป้องไม่ให้เนื้อหาออกไปสู่แพลตฟอร์มต่างๆ เพราะเนื้อหาบน OnlyFans มีลิขสิทธิ์ในการเข้าชม อีกทั้งยังต้องมีเงินในการเข้ารับชม การจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนที่ไว้สนับสนุนครีเอเตอร์ และการเข้าชม
ครีเอเตอร์ต้องเป็นแฟนตัวยงของครีเอเตอร์เท่านั้น เพราะไม่สามารถพิมพ์ค้นหาชื่อใน OnlyFans ได้ ต้องมีลิงก์เพื่อเข้าหน้าโปรไฟล์โดยเฉพาะ ซึ่งจากข้อบังคับของ OnlyFans ทำให้เห็นว่าคนที่เข้าชมส่วนใหญ่จะเป็นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งบางคนยังอยู่ในวัยเรียน หรือวัยทำงาน เพราะต้องมีการจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนเพื่อรับชมเนื้อหาต่อ

แม้การเข้าชมไม่ง่าย เพราะต้องต้องมีการยืนยันตัวตนเพื่อยืนยันอายุว่าเกิน 18 ปี แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ก็มีอิสระในการการเลือกรับชมเนื้อหาด้วยตนเอง ผู้ปกครองคุมไม่ได้

เด็กจะเริ่มเรียนรู้ การใช้ชีวิต การเข้าสังคม การปลูกฝังค่านิยมเริ่มต้นจากครอบครัว ถือเป็นที่แรกที่เด็กถูกปลูกฝัง และสั่งสอนในหลายๆ เรื่อง จนอาจทำให้ติดเป็นภาพจำว่าการทำอะไรที่ไม่ดี นอกลู่นอกทางถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด เหมือนการที่ดูหนังที่มีฉาก sex ก็จะมีการปิดตา หรือหันหน้าหลบ

แต่ไม่มีการสอนให้เข้าใจสิ่งที่ทำในหนังคืออะไร ทำไมต้องทำแบบนั้น มักจะสอนว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม ยังไม่ถึงวัยที่ควรรู้ และมักจะบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ โตแล้วจะรู้เอง อาจทำให้เด็กไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด ยิ่งทำให้เด็กสงสัย อยากรู้ อยากลองด้วยตัวเอง ซึ่งอาจเกิดเป็นปัญหาในอนาคตได้

พอโตขึ้นเด็กส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในสถานศึกษา จากผลสำรวจขององค์การยูนิเซฟ เรื่อง ความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศของเด็กนักเรียน และบุคลากรด้านการศึกษาทั่วประเทศไทยได้สำรวจข้อมูลจากเด็กนักเรียนมัธยมศึกษา (ม.1-6) และอาชีวศึกษา (ปวช. ปี 1-3) อายุ 13-19 ปี จำนวน 8,837 คน และครูจำนวน 692 คนจากโรงเรียนมัธยม 398 แห่งทั่วประเทศไทย ตั้งแต่เดือนกันยายน 2015 จนถึงเดือนมีนาคม 2016 ที่สะท้อนถึงความรู้ ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาของวัยรุ่น ทำให้เห็นถึงปัญหาเรื่องการสอนเพศศึกษาในสถานศึกษา เนื้อหาที่ถูกสอนไม่ครอบคลุม ตัวผู้เรียนยังไม่เข้าใจเรื่องของเพศศึกษาอย่างถูกต้อง เช่น เรื่องสิทธิทางเพศ ความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศยังถูกละเลย

การขาดมุมมองเรื่องเพศวิถีในเชิงบวกที่อาจส่งผลกระทบต่อทัศนคติและการรับรู้เรื่องเพศของเด็กในอนาคตได้ การที่สถานศึกษาสอนเพียงเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และยังขาดการสอนการประเด็นสุขภาพที่ละเอียดอ่อนอย่าง การทำแท้งปลอดภัย หรือการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยระหว่างคู่ที่เป็นเพศเดียวกัน เป็นต้น

ด้านผู้สอนได้ให้ความเห็นเรื่องของการให้คำตอบ หากกลับมาดูข้อมูลจะพบว่า เมื่อผู้สอนไม่คิดว่าการตั้งคำถามในลักษณะดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องให้คำตอบที่ชัดเจน ครูมีวิธีมักตอบโต้การอธิบาย โดยใช้วิธีโยนคำถามกลับไปให้นักเรียนอื่นๆ ตอบ หรือประเด็นการทำแท้ง ผู้สอนมักย้ำถึงผลกระทบด้านลบที่ตามมาจากการทำแท้ง ทัศนะเชิงศีลธรรม ทำให้ผู้สอนละเลยที่จะอธิบายข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำแท้งที่ปลอดภัย ผู้สอนบางส่วนอาจให้ความรู้ทางกฎหมายที่ไม่ชัดเจน เช่น มีครูส่วนหนึ่งบอกว่าการทำแท้งถือว่าผิดกฎหมายเสมอ ทั้งที่ในประเทศไทย การยุติการตั้งครรภ์สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายในหลายกรณี

โดยประเด็นเหล่านี้อาจทำให้นักเรียนไม่กล้าถามเรื่องเพศศึกษาจากครูผู้สอนโดยตรง มักทำให้เด็กต้องหาความรู้เอง แต่อาจได้ข้อมูลที่ผิด หรือการทดลองด้วยตัวเองที่เด็กอาจได้รับอันตรายจากการทดลองเพราะความไม่รู้ อีกทั้งการขีดเส้นใต้ของศีลธรรมของไทย การถามเรื่องเพศศึกษาถือว่าเป็นบาป อาจทำให้ตกนรกได้ และวัฒนธรรมไทยที่ปลูกฝังให้อายในเพศ ไม่ควรพูดคุยเรื่องเพศอย่างเปิดเผย หรืออาจทำให้สังคมตีตราคนที่พูดว่าเป็นคนไม่ดีเพราะเพียงพูดเรื่องเพศศึกษาอย่างเปิดเผย

การสอนจากครอบครัวและสถานศึกษาส่งผลให้เด็กไม่กล้าแสดงความคิดเห็น สอบถาม หรือแม้แต่จะตั้งข้อสงสัยในเรื่องเพศศึกษา เด็กอาจไม่มีความรู้ในเรื่องเพศศึกษาทั้งที่เป็นเรื่องปกติ ทำให้ต้องหาคำตอบด้วยตัวเองไม่ว่าจะผิดหรือถูก ต้องการลองเพื่อให้ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ เด็กอาจเกิดการต่อต้าน และไม่เชื่อฟังผู้ปกครอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาได้อนาคต

การสอนให้เด็กเข้าใจเรื่องเพศศึกษาตั้งแต่ที่ครอบครัว และเปิดเผยเพื่อให้เข้าใจในเพศของตัวเองมากขึ้น อาจจะไม่ใช่เรื่องลามก แต่เป็นเรื่องง่ายๆ อย่างการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น การสอนใช้ถุงยางอนามัยเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์

แต่สังคมพร้อมหรือไม่ ที่จะสอนเด็กเรื่องเพศศึกษามากยิ่งขึ้น

ข้อมูลจาก
https://www.shorturl.asia/AeO4a
https://becommon.co/life/onlyfans-porn-creator/