ThaiPublica > เกาะกระแส > 1 เดือนครึ่งหลังเลือกตั้ง รัฐบาลคสช.อนุมัติเงินกว่า 100,000 ล้านบาท 64% “พัฒนาบุคลากร – โครงสร้างพื้นฐาน”

1 เดือนครึ่งหลังเลือกตั้ง รัฐบาลคสช.อนุมัติเงินกว่า 100,000 ล้านบาท 64% “พัฒนาบุคลากร – โครงสร้างพื้นฐาน”

3 พฤษภาคม 2019


แม้ว่าจะผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ซึ่งตามปกติจากรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 169 ที่ระบุเฉพาะกรณีเมื่อคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตําแหน่งตามมาตรา 167 (2) หรือพ้นจากตำเหนื่องเมื่ออายุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปกำหนดข้อห้ามว่าด้วยเรื่องสำคัญๆ หรือเป็นรัฐบาลรักษาการ ได้แก่ ห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายและถอดถอนบุคลากรของรัฐ ห้ามการใช้จ่ายงบประมาณสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ห้ามก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป และห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐให้เกิดผลในการเลือกตั้ง โดยบางเรื่องสามารถกระทำได้หากเป็นไปตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรัฐบาลรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับรัฐบาลพลเรือนจากระบบประชาธิปไตยครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 167 (2) ของรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายระบุว่า ส่วนการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ตามกฎหมายแล้ว รัฐบาลนี้จะไม่อยู่ในสถานะรัฐบาลรักษาการ แต่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญในอดีต ที่กำหนดให้มีรัฐบาลรักษาการก่อนมีรัฐบาลชุดใหม่ ดังนั้นรัฐบาลนี้จึงมีอำนาจเต็มต่อไป ส่วนจะทำเรื่องใดมากหรือน้อยนั้น ก็อยู่ที่ความเหมาะสม

ในห้วงเวลาดังกล่าวกว่า 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือวันที่ 30 เมษายน 2562 ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว 104,048.03 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 17 โครงการ โดยแบ่งเป็น

  • โครงการเกี่ยวกับพัฒนาบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยี คิดเป็น 64% ของวงเงินทั้งหมด เช่น อุดหนุนการผลิตแพทย์ การสร้างรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ การพัฒนาระบบคลองเปรมประชากร การผลักดันอุตสาหกรรมจีโนมิกส์ เป็นต้น
  • โครงการสวัสดิการสังคม คิดเป็น 23% เช่น มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการขยายระยะเวลาและขยายฐานรายได้ของกลุ่มเป้าหมายการรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด (เฉพาะปี 2562)
  • โครงการที่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษี หรือค่าธรรมเนียม หรือค่าผ่านทาง คิดเป็น 11% เช่น การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษช่วงสงกรานต์ การยกเว้นอากรขาเข้ายาในกลุ่มยากำพร้า 47 รายการ มาตรการพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ส่วนของมาตรการภาษี เป็นต้น
  • โครงการอื่นๆ เช่น การชดเชยค่าเสียหายต่างๆ การเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของประเทศไทย โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร เป็นต้น