ThaiPublica > เกาะกระแส > แถลงการณ์ บริษัท ศิริชัยมารีนฟิชเชอร์รี่ จำกัด กรณี “เรือ อ.ศิริชัยนาวา 15”

แถลงการณ์ บริษัท ศิริชัยมารีนฟิชเชอร์รี่ จำกัด กรณี “เรือ อ.ศิริชัยนาวา 15”

23 มกราคม 2019


เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2562 บริษัท ศิริชัยมารีนฟิชเชอร์รี่ จำกัด ออกแถลงการณ์ กรณี “เรือ อ.ศิริชัยนาวา 15” เนื่องจากอธิบดีกรมประมงและประธานอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 ว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้แจ้งข้อมูลไปยัง “ตำรวจสากล (Interpol)” และเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ตำรวจสากลได้ออกหนังสือแจ้งจับเรือประมง ชื่อ “O.SIRICHAINAWA 15” หรือ “OR.SIRICHAINAWA 15” แก่หน่วยงานในประเทศสมาชิกของ “ตำรวจสากล (Interpol)” ว่าหากหน่วยงานใดพบเรือลำดังกล่าวเข้าทำการประมงในน่านน้ำ หรือนำสัตว์น้ำขึ้นท่า สามารถเข้าจับกุมพร้อมตรวจค้นได้ทันที” โดยอ้างว่าได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า “เรือประมงไทยชื่อ “อ.ศิริชัยนาวา 15” มีผู้ครอบครองเป็นคนไทย และเคยยื่นแจ้งเรื่องต่อกรมเจ้าท่าว่าเรือประมงลำดังกล่าวได้จมลงในท้องที่จังหวัดสมุทรสาคร และไม่สามารถหาซากเรือมายืนยันได้” นั้น

บริษัท ศิริชัยมารีนฟิชเชอร์รี่ จำกัด ในฐานะที่เคยครอบครองเรือประมงชื่อ “อ.ศิริชัยนาวา 15” ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

1.บริษัท ศิริชัยมารีนฟิชเชอร์รี่ จำกัด เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการประมงนอกน่านน้ำไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งของไทยและของต่างประเทศมาตั้งแต่จัดตั้งบริษัทในปี 2532 จนถึงปัจจุบัน และอยู่ในกลุ่มที่ทำกิจการประมงนอกน่านน้ำที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายมากประเทศที่สุดในประเทศไทย บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ไม่เคยทำการประมง “โดยไม่มีใบอนุญาต” หรือ “ใช้เรือไร้สัญชาติ” ทำการประมงในน่านน้ำใดๆทั้งสิ้น

2.บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า เรือ “อ.ศิริชัยนาวา15” ซึ่งเคยเป็นของบริษัทฯได้ถูกรัฐบาลไทยในฐานะของรัฐเจ้าของธง (Flag state) ยกเลิกทะเบียนเรือไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ตามคำสั่ง คสช.ที่ 42/2558 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) เนื่องจากทางบริษัทฯมิได้แจ้งการครอบครองเรือในระหว่างที่มีการสำรวจ และต่อมาทางบริษัทฯ ได้คืนทะเบียนเรือต่อกรมเจ้าท่าเพื่อสละกรรมสิทธิ์และความเป็นเจ้าของทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยแล้ว

นอกจากนี้ เรือที่สหภาพยุโรป (EU) หรือ “กองกำลัง NATO” ตรวจพบและมีการพ่นข้อความด้านข้างเรือว่า “OR.SIRICHAINAWA 15” ลำนี้ แม้จะเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านเป็นชื่อเรือไทย แต่ก็ไม่มีการชักธงไทย จึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายไทย อีกทั้งเรือลำนี้ก็มิได้ทำการประมงในประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงไม่สามารถดำเนินการใดๆ ในฐานะรัฐชายฝั่ง (Coastal state) ได้ และเหตุที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้อยู่ในน่านน้ำไทย รัฐบาลไทยก็ไม่สามารถดำเนินการในฐานะรัฐเจ้าของท่า (Port state) ได้เช่นกัน

ดังนั้น ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) หรือ “กองกำลัง NATO” ตรวจพบ เรือ“OR.SIRICHAINAWA 15” ในน่านน้ำโซมาเลียเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 เรือลำดังกล่าว จึงมิใช่เรือไทย ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับบริษัทฯ

นอกจากนี้ เรือลำดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลไทยไม่ว่าจะในสถานะใด ทั้งรัฐเจ้าของธง (Flag state) รัฐชายฝั่ง (Coastal state) หรือรัฐเจ้าของท่า (Port state) อีกทั้งเรือที่สหภาพยุโรป (EU) ตรวจพบและมีการพ่นข้อความด้านข้างเรือว่า “OR.SIRICHAINAWA 15” จากภาพถ่ายก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรือลำเดียวกันกับเรือ “อ.ศิริชัยนาวา 15” ที่เคยเป็นของบริษัทฯ เนื่องจากมีความแตกต่างทั้งสี ความลาดชันของหัวเรือ และความยาวเรือที่มองจากภาพถ่าย

เรือ “อ.ศิริชัยนาวา 15” ของบริษัทฯ
เรือ “OR.SIRICHAINAWA 15” ที่ส่วนราชการอ้างถึง

3.บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯหรือตัวแทน “ไม่เคยไปให้การหรือให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการใดว่า “เรือ “อ.ศิริชัยนาวา 15” ของบริษัทฯจมลงในจังหวัดสมุทรสาครโดยไม่สามารถหาซากเรือได้” อย่างที่มีการกล่าวอ้างจากการแถลงการณ์หรือการแถลงข่าวของหน่วยงานราชการ

4.ตามที่กรมเจ้าท่าได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้แทนบริษัทฯ โดยกล่าวหาว่า “ได้แจ้งความเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่มีการแจ้งเรือเข้าออกจากท่า” นั้น นับถึงปัจจุบัน

พนักงานสอบสวนยังมิได้ดำเนินการออกหมายแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบ ยังไม่มีการฟ้องคดีในศาล และศาลยังมิได้พิพากษาว่าเป็นความผิดแต่ประการใด ดังนั้น บริษัทฯและผู้แทนจึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สิทธิของผู้ถูกกล่าวโทษย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

5.บริษัทฯ เชื่อมั่นในความสุจริตของบริษัทฯ และเห็นว่า การที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับ เรือ “OR.SIRICHAINAWA 15” ให้กับ “ตำรวจสากล (Interpol)” โดยระบุข้อความว่า “หน่วยงานราชการกำลังตรวจสอบผู้ประกอบการซึ่งเป็นคนสัญชาติไทยที่ใช้เรือลำดังกล่าวในการทำประมงและมีการกระทำผิดกฎหมายอื่น รวมทั้งบริษัทฯ หรือตัวแทนได้มีการให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงานว่าเรือดังกล่าวได้ล่มและจมลงในจังหวัดสมุทรสาครโดยไม่สามารถหาซากเรือได้” นั้น เป็นการใช้เอกสารและข้อมูลที่เป็นเท็จในการดำเนินการทั้งสิ้น

นอกจากนี้ หน่วยราชการต่างๆยังไม่เคยขอข้อมูลหรือเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ชี้แจงในเรื่องดังกล่าวมาก่อน แต่กลับเร่งรัดแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ดำเนินการต่างๆและเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในวันที่ 15 มกราคม 2562 รวมทั้งได้มีการแจกและเผยแพร่เอกสารของ “ตำรวจสากล (Interpol)” แก่ผู้สื่อข่าวและบุคคลทั่วไป ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย ซึ่งบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกกรณีต่อไป และหากมีบุคคลใดกระทำการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อความหรือเอกสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่บริษัทไม่ว่าทางใด บริษัทฯ จะใช้สิทธิดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวด้วยเช่นกัน

6.ท้ายที่สุดนี้ ทางบริษัทฯ ขอความกรุณาจากสื่อมวลชนในทุกสาขาได้ให้ความเป็นธรรมกับทางบริษัทฯและผู้เกี่ยวข้อง “ที่ถูกกล่าวหาด้วยข้อความอันเป็นเท็จอย่างไม่เป็นธรรมข้างต้นจากรัฐ” ในการเสนอข่าวให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง