กสิกรไทยดันแผนยุทธศาสตร์หลัก เตรียมขยายและต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 พร้อมรุกหนักในลาวทั้งด้านการให้บริการและการเป็นพันธมิตร ตั้งเป้าในปี 2562 ขยายยอดสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท เงินฝากเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท และธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศเป็น 18,000 ล้านบาท โชว์ผลงานดี 4 ปี ไม่มีลูกค้าเป็น NPL เล็งขยายฐานลูกค้าในท้องถิ่นเพิ่ม
นายพัฒนพงศ์ ตัณฑ์สมบุญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงผลดำเนินงานของบริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สปป.ลาว ว่า จากการที่ธนาคารกสิกรไทยมีแผนจะขยายและต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 โดยมีแผนยุทธศาสตร์ 3 ด้านหลักๆ คือ 1.การเปิดสาขาหรือสำนักงานที่เป็น Physical Footprint ในภูมิภาค AEC+3 โดยมีรูปแบบธนาคารท้องถิ่นจดทะเบียน (LII – Locally Incorporated Institution) สาขาธนาคารต่างประเทศ (FBB- Foreign Bank Branch) สำนักงานผู้แทนต่างประเทศ (Representative Office) ซึ่งขณะนี้ธนาคารกสิกรไทยมีสาขา ลาว กัมพูชา จีน และมีการลงทุนในธนาคารแมสเปี้ยน (Maspian) ในอินโดนีเซีย รวมถึงมีสำนักงานผู้แทนในเมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น 2.การขยายบริการด้านดิจิทัล (Digital Platform) มุ่งให้บริการทางการเงินโดยผ่าน Digital Channel และ3.การเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินท้องถิ่น(Partnership) ดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาค
สปป.ลาว นับเป็นเป้าหมายสำคัญอีกประเทศหนึ่งที่จะเชื่อมการให้บริการตามยุทธศาสตร์การสร้างเครือข่ายการให้บริการภูมิภาคนี้ของธนาคาร ธนาคารกสิกรไทยใน สปป.ลาว จึงได้จดทะเบียนมีสถานะเป็นธนาคารท้องถิ่นของลาว ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 4 ปี เปิดสาขาแรกคือ สาขาโพนสีนวนในปี 2557 ด้วยพนักงาน 13 คน และสำนักงานใหญ่ที่ถนนล้านช้างในปี 2560 ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 60 คน มีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง ในปี 2561 มีเป้าหมายสินเชื่อ 2,400 ล้านบาท เงินฝาก 1,600 ล้านบาท มีธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ประมาณ 13,000 ล้านบาทต่อปี โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา การให้สินเชื่อมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 73% เงินฝากเติบโตเฉลี่ยปีละ 29% และธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านธนาคารกสิกรไทยเติบโตเฉลี่ยปีละ 17% และที่น่าสนใจก็คือ จากการควบคุมและจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ยังไม่มีลูกค้าเป็น NPLs แม้แต่รายเดียว
“ถ้าดูโอกาสใน สปป.ลาว เราจะเห็นว่าอัตราการเข้าถึงธนาคาร หรือ Banking Penetration ประมาณ 26% ขณะที่อัตราการใช้มือถือ หรือ Mobile penetration สูงถึง 91% คือคนมีมือถือแต่อาจจะยังไม่ได้มีบัญชีธนาคาร และ 90% ยังใช้เงินสดอยู่ ตรงนี้ก็เป็นโอกาสที่ธนาคารจะให้บริการอื่นๆ ที่ขาดหายไปใน สปป.ลาว
“ถ้าให้ไปเพิ่มจาก 26% มันก็อาจจะยาก แต่ถ้าเรามองว่าให้บริการทางการเงินโดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคารก็อาจจะง่ายกว่า ส่วนเศรษฐกิจลาวปัจจุบัน คาดว่าจะเติบโตได้ 7% โดยมีภาคเศรษฐกิจหลักอย่างเหมืองแร่ พลังงาน และช่วงหลังก็มีเรื่องภาคท่องเที่ยวหรือบริการที่ขยายตัวขึ้นมามาก และในอนาคตที่ สปป.ลาว กำลังจะมีโครงสร้างพื้นฐานอย่างรถไฟความเร็วสูงจากจีนที่จะเชื่อมโยงไทย ลาว จีน ลงไปถึงสิงคโปร์ด้วย ก็น่าจะทำให้ สปป.ลาว มีโอกาสที่จะเติบโตได้มากกว่า 7%” นายพัฒนพงศ์กล่าว
นายพัฒนพงศ์กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลของ สปป.ลาว ได้เปิดกว้างให้ภาคเอกชนทั้งของลาวและต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการลงทุนสำคัญๆ หลายโครงการ ได้ส่งผลดีให้ภาคเศรษฐกิจของลาวมีการขยายตัวและกระจายตัวมากขึ้น โดยภายในปี 2562 จากการที่เห็นศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ธนาคารได้ตั้งเป้าเงินให้สินเชื่อ 3,000 ล้านบาท เงินฝากเติบโตเป็น 2,000 ล้านบาท และธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศเป็น 18,000 ล้านบาท
โดยโครงสร้างการปล่อยกู้ของธนาคารกสิกรไทย สปป.ลาว แบ่งเป็นการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ประกอบไปด้วย ภาครัฐของ สปป.ลาว 33% ภาคเกษตร 19% ภาคก่อสร้าง 15% ภาคการพาณิชย์ 10% ภาคการขนส่ง 10% ภาคสินเชื่อเช่าซื้อ 8% ภาคอาหารและเครื่องดื่ม 6% ทั้งนี้เป็นการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มลูกค้าท้องถิ่น สปป.ลาว (Local) 38% กลุ่มรัฐบาล สปป.ลาว (Government) 33% กลุ่มลูกค้าคนไทยที่มาลงทุนใน สปป.ลาว (TDI) 29%
นอกจากนั้นแล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังได้ขยายการให้บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าวิสดอม (Wisdom) มีเงินฝากประจำ 6 เดือนขึ้นไปกับธนาคารตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปใน สปป.ลาว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากเป็นธนาคารแรกและธนาคารเดียวที่ให้บริการ โดยมีลูกค้ากลุ่มบุคคลสำคัญใน สปป.ลาว ให้ความไว้วางใจใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายพัฒนพงศ์กล่าวต่อว่า ธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว เนื่องจากเป็นประเทศที่มีโอกาสทางธุรกิจทั้งภาคการเงินและภาคอื่นๆ อีกมาก และเป็นประเทศที่ใกล้ชิดและคุ้นเคยกับประเทศไทยมากที่สุด นอกจากนั้นธนาคารกสิกรไทยยังมีนโยบายที่จะชักชวนลูกค้าในประเทศไทยให้เข้ามาลงทุนใน สปป.ลาว โดยการจัดบริการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เพื่อการค้าการลงทุนระหว่างกัน และจะช่วยให้ธนาคารกสิกรไทย สปป.ลาว ได้ขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มาลงทุนใน สปป.ลาว เป็นฐานลูกค้าที่สำคัญของธนาคารอีกกลุ่มหนึ่ง