ThaiPublica > คอลัมน์ > What Happened, Miss Simone? ดีวาและนักปฏิวัติผิวสี นีนา ซีโมน

What Happened, Miss Simone? ดีวาและนักปฏิวัติผิวสี นีนา ซีโมน

29 กุมภาพันธ์ 2016


1721955

1 getmovieposter_what_happened_miss_simone_2

บนเวทีเธอคือนางพญาดีวาผู้ร่ายคาถาสะกดผู้ชมด้วยเสียงเพลง นอกเวทีเธอคือนักประท้วงหัวกบฏ เป็นไอดอลผู้ร่วมต่อสู้เคียงข้างเหล่าคนผิวสี แต่สำหรับบรรดาพวกผู้ปกครองแผ่นดิน เธอคือนังตัวแสบปากกล้าเหิมเกริมท้าทายอำนาจ และสำหรับพวกขวาจัดในสังคมอเมริกันเวลานั้น เธอคือนังคนบ้าสติวิปลาสผู้ดูหมิ่นพระเจ้า และริอ่านเผยอขึ้นมาฟาดฟันกับคนขาว

นกโบยบินสูงลิบ คุณรู้ไหมฉันรู้สึกอย่างไร?
อาทิตย์บนท้องฟ้า คุณรู้ไหมฉันรู้สึกอย่างไร?
…นี่คือรุ่งสาง นี่คือวันใหม่ นี่คือชีวิตใหม่สำหรับฉัน และฉันรู้สึกดี
แมลงปอบินท่ามกลางดวงอาทิตย์ คุณรู้ใช่ไหมฉันหมายถึงอะไร?
ผีเสื้อทั้งหลายเริงร่า คุณรู้ใช่ไหมฉันหมายถึงอะไร?
หลับใหลในสันติภาพเมื่อวันผันผ่าน นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึง
โลกใบเก่านี้คือโลกใบใหม่ มันคือโลกใบใหญ่สำหรับฉัน
…และฉันรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร

บทเพลง Feeling Good ถูกใช้เป็นเพลงเปิดตัวเธอในเทรลเลอร์สำหรับ What Happened, Miss Simone? (2015) หนึ่งในสารคดีชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุด เกี่ยวกับนักร้องผิวสีผู้เป็นตำนาน นีนา ซีโมน

หนังเปิดฉากด้วยภาพคอนเสิร์ตที่คนดูไม่รู้เลยว่านั่นอาจเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของเธอในสหรัฐฯ เธอเฉยเมย ไม่แยแส แต่แววตาอาดูร ตรึงคนดูในทุกท่วงท่า ก่อนจะนั่งลงทักทายผู้ชม “ฮัลโล!” มีใครบางคนทักเธอกลับมาจากที่นั่งคนดู เธอยิ้มกลั้นขำไม่อยู่ แต่นัยตายังคงฉายแววเศร้า เสียงเป่าปากทักเธออีกครั้ง เธอเบะปาก ก่อนจะเริ่มประโยคว่า “เรารู้จักกันมานานตั้งแต่ปี 1968…เรามาเริ่มต้นกันแต่แรก เกี่ยวกับสาวน้อยคนหนึ่งชื่อ บลู…” แล้วก่อนเธอจะเริ่มร่ายลีลาบรรเลง หนังก็พาย้อนกลับไป 8 ปีก่อนหน้านั้น

2 whatever-happened-nina-simone

ในปี 1968 ที่นิวยอร์ก เธอเล่าชีวิตส่วนตัวให้ฟังในบทสัมภาษณ์เทปหนึ่ง ตอนนั้นเธอยังหัวเราะได้อย่างดูเป็นธรรมชาติที่สุด เธอพูดอย่างจริงจังว่า “บอกให้ก็ได้ว่าสำหรับฉันแล้วอิสรภาพคืออะไร? คือไม่มีความกลัว ไม่กลัวอะไรเลยจริงๆ ครึ่งหนึ่งของชีวิตฉันคือ ไม่กลัว!”

ฉันหวังว่าฉันรู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้รู้สึกเป็นอิสระ
ฉันหวังว่าฉันจะทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการฉันออกได้
ฉันหวังว่าฉันสามารถจะพูดทุกๆ สิ่งที่ฉันควรจะพูดได้
พูดมันออกมาดังๆ อย่างชัดเจน เพื่อให้โลกทั้งใบได้ยิน

ฉันหวังว่าฉันจะสามารถแบ่งปันความรักทั้งหมดจากใจฉัน
ขจัดกรงขังกั้นที่แยกเราออกจากกัน
ฉันหวังว่าถ้าสักวันหนึ่งคุณรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร
เมื่อนั้นคุณจะเข้าใจแล้วเห็นด้วยว่า
ทุกคนควรมีอิสรภาพ

บทเพลง I Wish I Knew How It Would Feel To Be Free ดังขึ้นก่อนที่สารคดีจะพาย้อนไปสู่วัยเด็ก ชื่อเดิมของเธอคือ ยูนิซ เวมอน พื้นเพเป็นคนแถบนอร์ทแคโรไลนา แม่เธอพาไปโบสถ์ ที่นั่นเธอได้เรียนเปียโนตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ พอจบไฮสคูลเธอก็มุ่งสู่นิวยอร์คเพื่อไปสอบแข่งขันชิงทุน เธอเสียเวลาอยู่ปีครึ่งเพื่อจะพบว่า สุดท้ายแล้ว มหาวิทยาลัยดนตรีไม่รับเธอเข้าเรียน เธอบอกว่า “ฉันใช้เวลาอยู่ครึ่งปีถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เพราะความสามารถทางดนตรีของฉันห่วย แต่เพราะว่าฉันเป็นคนดำ…”

3 what-happened-miss-simone-570x317

ครอบครัวเธอทั้งหมดย้ายมาสู่เมืองใหญ่เพื่อมาดูแลเธอใกล้ๆ แต่ครอบครัวเธอยากจน เธอเลยต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักร้องตามคลับบาร์ เปลี่ยนชื่อตัวเองใหม่ นีนาเป็นชื่อที่แฟนเก่าใช้เรียกเธอ ส่วนซีโมนเป็นชื่อของดาราชาวฝรั่งเศส ‘ซีโมน ซิกโนเรต์’ เพื่อนของเธอ โรเจอร์ นูปี บอกว่า “เธอต้องเล่นเพลงปีศาจ ในที่ที่พระเจ้าไม่พอพระทัย” (ในความหมายของชาวคริสต์ คลับบาร์เป็นแหล่งอบายมุข และเพลงที่ไม่ได้ใช้สรรเสริญพระเจ้าคือเพลงของซาตาน) แต่เธอไปไกลกว่านั้นเมื่อเธอถูกเลือกให้ร้องเพลงในรายการทีวี Playboy’s Penthouse ที่จัดโดยนิตยสารเพลย์บอย เพลง I Loves You Porgy ที่เธอร้องในคืนนั้นทำให้เธอโด่งดังชั่วข้ามคืน และทำให้เธอได้พบกับ แอนดรูว์ สตรูด อดีตนายตำรวจผู้ที่ต่อมาผันตัวไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เธอ และกลายมาเป็นสามีของเธอ เธอเดินทางไปทั่วโลก เพลงของเธอเป็นที่จดจำ และโด่งดังเป็นพลุแตก อาทิ If You Knew, I put a Spell on You

ซึ่งตามมาด้วยเหตุการณ์ดราม่ากับสามีเธอ แต่สิ่งที่ผลิกผันชีวิตเธอไปตลอดกาล คือรุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 1963 ณ โบสถ์แบปติสต์ บนถนนสาย16 ในเบอร์มิงแฮม แอละบามา เมื่อกลุ่มคนขาวเหยียดผิว “คลูคลักซ์แคลน” เข้าไปถล่มบอมบ์จนมีคนตายเป็นเด็กผู้หญิง 4 ศพ และบาดเจ็บอีก 22 ราย นีนา ซีโมน ก็ตอบโต้สังคมอเมริกันด้วยความเดือดดาลเป็นครั้งแรกในเพลง Mississippi Goddam

เหตุการณ์ที่แอละบามาทำให้ฉันโคตรหัวเสีย
เทนเนสซีทำให้ฉันเสียเซลฟ์
แล้วทุกๆ คนแม่งก็รู้ว่าเกิดเชี่ยไรขึ้นที่มิสซิสซิปปี

ทุกๆ คนรู้ สื่อต่างประโคมข่าว แต่ทุกคนต่างหุบปาก ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นร่ำร้องแสดงความโกรธแค้น “เราทุกคนต่างอยากจะพูด แต่เธอเป็นคนเดียวที่พูดมันออกมา” ดิก เกรกอรี นักแสดงตลกและแอกติวิสต์บอก แต่แม้สถานีวิทยุจะแสดงความไม่พอใจ และส่งแผ่นตีกลับไปไม่ยอมเปิดเพลงของเธอ เพลงของเธอก็ยังส่งเสียงทะลุจนคนทั่วบ้านทั่วเมืองได้ยินและร้องได้ติดหู กระทั่งเมื่อมีการเดินขบวนตบเท้าประท้วง ในวันที่ 25 มีนาคม 1965 ที่แอละบามา เธอซึ่งร่วมอยู่ในขบวนก็ถูกตำรวจกวาดล้าง หลังจากนั้น ในปี1968 เธอตีแสกหน้าสังคมอีกระลอกด้วยเพลง Ain’t Got No, I Got Life

4

ไม่เหลือแม่ ไม่เหลือวัฒนธรรม ไม่เหลือเพื่อน ไม่เหลือโรงเรียน ไม่เหลือความรัก ไม่เหลือชื่อเสียง ไม่เหลือตั๋วเดินทาง ไม่เหลือเงิน ไม่เหลือแม้แต่พระเจ้า

เมื่อนั้นฉันเหลืออะไร ฉันจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร? ใช่แล้ว ฉันยังเหลือ และไม่มีใครจะพรากไปจากฉันได้
ฉันยังเหลือเส้นผม ยังเหลือหัว ยังเหลือสมอง ยังเหลือหู เหลือตา เหลือจมูก เหลือปาก เหลือรอยยิ้ม เหลือลิ้น เหลือคาง เหลือคอ เหลือเต้านม เหลือหัวใจ เหลือวิญญาณ…เหลือเลือด เหลือชีวิต เหลือเสรีภาพ

แต่แล้วจู่ๆ ในช่วงกลางยุค 70 เธอก็สละทิ้งทุกสิ่ง ครอบครัว ชื่อเสียง แม้แต่การประท้วงต่อสู้ เธอบินไปไลบีเรีย ก่อนจะดอดไปเปิดคอนเสิร์ตเล็กๆ เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพในฝรั่งเศส แต่ที่นั่นไม่มีใครจำเธอได้ และนี่คือที่มาของชื่อเรื่อง อันเป็นฉากเปิดในหนังเรื่องนี้ เกิดอะไรขึ้นกับ นีนา ซีโมน? เป็นความลี้ลับที่ต้องไปค้นหาในสารคดีเรื่องนี้ที่รวบรวมจากฟุตเตจต่างๆ คำบอกเล่าของสามี, ลูกสาว และบรรดาเพื่อนๆ ของเธอ สลับกับบทเพลงที่เธอแต่งเองด้วยฝีมือเปียโนขั้นเทพ และร้องมันอย่างมีมนต์เสน่ห์

5

นี่คือผลงานของผู้กำกับหญิง ลิซ การ์บัส ที่คว้าสารคดียอดเยี่ยมมาได้จาก Black Film Critics Circle Awards, Black Reel Awards และ Women Film Critics Circle Awards และนับเป็นครั้งที่สองของเธอที่ได้เข้าชิงออสการ์ หลังจาก The Farm: Angola, USA (1998) ของเธอเคยเข้าชิงมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่แม้จะชวดออสการ์ในครั้นนั้นเธอก็คว้ารางวัล Grand Jury Prize จากเทศกาลหนังซันแดนซ์มาได้, รวมถึงต่อมา Girlhood (2003) ของเธอก็คว้า Audience Award จากเทศกาลหนัง SXSW และรางวัล Jury Award จากเทศกาลหนัง แอตแลนตา

นอกจากสารคดีเรื่องนี้ ปีนี้ชีวิตของ นีนา ซีโมน ยังจะถูกทำเป็นหนังอีกเรื่องในชื่อ Nina แสดงโดย โซเอ ซัลดานา (Avatar, Guardians of the Galaxy) -นีนา ซีโมน จากไปด้วยวัย 70 เมื่อวันที่ 21 เมษายน ปี 2003 ที่ฝรั่งเศส ครั้งหนึ่งเธอเคยเอ่ยวรรคทองอันเป็นแรงบันดาลใจให้กับบรรดาศิลปินนักปฏิวัติรุ่นหลังอีกมากมายว่า “คุณกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นศิลปินได้อย่างไร? ถ้าหากคุณไม่สร้างสรรค์ผลงานสะท้อนสังคมที่คุณอยู่”

6