ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: นายกฯ บอกทุกคนมาจากเทือกเขาอัลไต “ระเบียบรัตน์” เจ้าแม่คอนเซอร์เวทีฟหนุนเด็กพกถุงยางติดตัว งานเข้าเบาหวิว ซานริโอ้เตรียมฟ้อง “รีสอร์ทคิตตี้”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: นายกฯ บอกทุกคนมาจากเทือกเขาอัลไต “ระเบียบรัตน์” เจ้าแม่คอนเซอร์เวทีฟหนุนเด็กพกถุงยางติดตัว งานเข้าเบาหวิว ซานริโอ้เตรียมฟ้อง “รีสอร์ทคิตตี้”

21 กุมภาพันธ์ 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 15-21 กุมภาพันธ์ 2558

  • นายกฯ บอกทุกคนมาจาก “เทือกเขาอัลไต”
  • “ระเบียบรัตน์” เจ้าแม่คอนเซอร์เวทีฟหนุนเด็กพกถุงยางติดตัว
  • งานเข้าเบาหวิว ซานริโอ้เตรียมฟ้อง “รีสอร์ทคิตตี้”
  • ศิลปินตัดต้นมะหาดร้อยปีทำงานศิลปะ
  • จบคดีโป๊ะล่มปี 2538 กทม. ต้องชดใช้ราว 30 ล้านบาท

นายกฯ บอกทุกคนมาจาก “เทือกเขาอัลไต”

gen
ที่มาภาพ: http://www.thaigov.go.th/en/photo/180215/180214-54444.html#joomimg

ตกเป็นข่าวให้ประชาชนตั้งคำถามได้ทุกสัปดาห์สำหรับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา เว็บไซต์รัฐบาลไทยรายงานว่า ในการแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า “ซินเจีย ยู้อี่ ซินนี้ ฮวดไช้ ขอให้ร่ำให้รวย มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน” พร้อมกล่าวว่า “เราเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใดเราคือคนไทย ใต้ร่มพระบารมี ขอให้ทุกคนตั้งสติให้ดีๆ ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา และช่วยรัฐบาลทำในสิ่งที่ดี อันไหนไม่ดีก็ติเตือนว่ากันมา บอกๆ มา ให้กำลังใจกันบ้าง ปีใหม่ไม่ขออะไรเลย ผมมีความปรารถนาดีกับคนไทยทุกคน”

นอกจากการอวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลตรุษจีนแล้ว ในเฟซบุ๊กของ วาสนา นาน่วม มีการโพสต์คลิป พล.อ. ประยุทธ์ หันไปทางผู้สื่อข่าวและพูดว่า “ใครเป็นจีนมั่งนะ จีนทุกคนละใช่ไหม จะคล้ำหน่อยก็จีน เดินทางมาจากเทือกเขาอัลไตไม่ใช่หรือ” หลังจากนั้นจึงมีการเผยแพร่คลิปและคำพูดนี้ออกไป กระทั่งนักวิชาการหลายคนออกมาแสดงความเห็นแย้งต่อกรณีนี้

Screen Shot 2558-02-20 at 8.53.25 PM
ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/SarineeA

เช่น สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ แชร์คลิปดังกล่าวพร้อมกล่าวว่า “บิ๊กตู่บอกว่ามีเชื้อจีน เพราะคนไทยทุกคนมาจากเทือกเขาอัลไต …. ประโยคนี้ประโยคเดียวอธิบายอะไรๆ ได้มากมายจริงๆ (เจ๋งกว่าจังหวัดหาดใหญ่ ประเทศซิดนีย์ ฯลฯ ของนายกปูว์อีก 55)”

รวมถึง ผศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็โพสต์เช่นกันว่า “คนไทย ไม่ได้มาจากเทือกเขาอิไต ..เอ้ย..อัลไต” โดยมีรายละเอียดตามรูปด้านล่าง

Screen Shot 2558-02-20 at 8.57.35 PM
ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=595784723885499&set=a.348119915318649.1073741829.100003619303769&type=1

นอกจากนักวิชาการแล้ว ตามเฟซบุ๊กเพจอื่นๆ ก็มีการแชร์ข้อความลักษณะเห็นแย้งกับ พล.อ. ประยุทธ์ ว่าคนไทยไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต เนื่องจากเป็นข้อมูลแต่งจากตำราเก่าล้าสมัยแล้ว

madein
ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/339932452789371/photos/a.339977102784906.76978.339932452789371/747691968680082/?type=1

“ระเบียบรัตน์” เจ้าแม่คอนเซอร์เวทีฟหนุนเด็กพกถุงยางติดตัว

Screen Shot 2558-02-20 at 8.20.39 PM
ที่มาภาพ: https://www.youtube.com/watch?v=jTuhFkT2VEE

เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวความคืบหน้ากรณีการติดตั้งตู้หยอดเหรียญถุงยางอนามัยตามสถานศึกษาว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ยอมติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียนแล้ว เพื่อลดการตั้งครรภ์ในวัยเรียน โดยก่อนหน้านี้ นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ เลขาธิการ กพฐ. ห้ามตั้งตู้ขายถุงยางในโรงเรียนเด็ดขาด แจงเป็นดาบสองคมและชี้โพรงให้กระรอก

ขณะที่ล่าสุด นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ส.ว. จังหวัดขอนแก่น นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ออกมากล่าวสนับสนุนการติดตั้งตู้หยอดเหรียญถุงยางอนามัย ผิดไปจากท่าทีอนุรักษนิยมก่อนหน้านี้ ในรายการ “เถียงให้รู้เรื่อง” ทางช่องไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ตนทำงานด้านเอดส์มาพอสมควร อีกทั้งสังคมยุคปัจจุบันไม่สามารถห้ามเพศเสรีได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อมีลูกควรให้ลูกพกถุงยางอนามัยไปโรงเรียนด้วย ไม่ต้องให้ไปซื้อที่โรงเรียน พ่อซื้อมาใช้ให้หยิบใช้ได้เลย หากภรรยาเห็นสามีพกถุงยางอนามัยก็อย่าโกรธ นั่นแสดงว่าสามีรักภรรยา เป็นการป้องกันโรคที่จะมาติดภรรยา เนื่องจากในสังคมมีสิ่งยั่วยุมาก และผู้ชายที่ไว้ใจได้คือผู้ชายที่ตายแล้ว ดังนั้น เมื่อเห็นสามีพกถุงยางอนามัยอย่าตำหนิ ตนเห็นด้วยตั้งนานแล้วกับการให้สามีและลูกพกถุงยางอนามัยติดตัว จะขายที่ไหนก็ได้ ยิ่งในโรงเรียนยิ่งดี

งานเข้าเบาหวิวซานริโอ้เตรียมฟ้อง “รีสอร์ทคิตตี้”

Screen Shot 2558-02-20 at 8.24.11 PM
ที่มาภาพ: https://www.youtube.com/watch?v=DMBa38lHlkE#t=47

จากครั้งที่เคยตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ในประเด็นดราม่ารีสอร์ทคิตตี้สร้างไม่เสร็จเปิดให้พัก ลูกค้าโวยเจ้าของไม่รับผิดชอบ ของ รีสอร์ทคิตตี้ อ. ภูเรือ จ. เลย ล่าสุดมีกระทู้ “โรงแรมคิตตี้ที่ไทยได้ออกข่าวที่ญี่ปุ่นแล้วค่ะ” ในเว็บไซต์พันทิปออกมาพูดถึงรีสอร์ทคิตตี้เป็นระลอกที่สอง เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมีการรายงานว่า สำนักข่าวอาซาฮี ของประเทศญี่ปุ่น ได้ส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังรีสอร์ทดังกล่าว เพื่อให้เห็นกับตาว่าคิตตี้รีสอร์ทที่ลือกันนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งก็เจอทั้งป้าย KITTY RESORT รูปปั้น รถยนต์ เต็นท์ที่พัก เตียงนอน ห้องอาบน้ำ ไฟ ที่มีรูปคิตตี้อยู่อย่างชัดเจน และที่สำคัญ คิตตี้บางตัวก็ดูไม่ค่อยเหมือนคิตตี้ด้วย

Screen Shot 2558-02-20 at 8.25.32 PM

ขณะที่ผู้สื่อข่าวอีกคนที่รายงานอยู่ใน KITTY THEME PARK ของประเทศจีน ก็รายงานย้ำว่าที่นี่ได้ลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องและเอาคำสัมภาษณ์เจ้าของ THEME PARK แห่งนี้มากระทบกระเทียบว่า ที่สร้างสวนแห่งนี้แบบถูกลิขสิทธิ์ถูกต้องทุกอย่าง ก็เพราะรู้ว่าแฟนๆ ของคิตตี้จะดีใจและมีความสุขมากกว่าถ้าได้ชื่นชมกับของจริง

จากนั้นรายงานข่าวของอาซาฮีก็ตัดกลับมาที่คำให้สัมภาษณ์เจ้าของคิตตี้รีสอร์ท บอกว่า คิตตี้ที่เห็นนี่ตั้งใจเอามาไว้โชว์เฉยๆ ไม่ได้เอามาเป็นเทรดมาร์ก เป็นสัญลักษณ์การค้าเชิงธุรกิจ คนเข้าใจผิดเอง แต่ตอนนี้ก็กำลังทำเรื่องขอลิขสิทธิ์อยู่ ได้ยินแบบนี้ทางอาซาฮีจึงสอบถามไปยังซานริโอ้ทันทีว่า ตกลงเป็นอย่างไร จริงหรือไม่ ซึ่งคำตอบของซานริโอ้ก็คือ เราไม่อนุญาตให้รีสอร์ทแห่งนี้ใช้สัญลักษณ์ใดๆ ที่เป็นลิขสิทธิ์ของซานริโอ้ทั้งนั้น และตอนนี้กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับรีสอร์ทแห่งนี้อยู่

หลังจากมีกระแสรีสอร์ทคิตตี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมว่า นายเบาหวิว มณีแจ่ม เจ้าของคิตตี้ รีสอร์ท ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2558 เพียงสั้นๆ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ดูข่าวหรือตรวจสอบข่าวเลย ยังไม่ทราบประเด็นอะไร ทางเราทำมาหากินอยู่ท้องที่ ซึ่งขณะนี้ทางคิตตี้เองก็ยังไม่ว่าอะไร และยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เลย ทางเราและคิดตี้ก็ยังเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอยู่ และพร้อมที่จะตอบคำถามทุกคำถามจากสื่อ โดยให้ประสานงานมายังที่ทำงานที่คิตตี้ ภูเรือ

สำหรับบรรยากาศการท่องเที่ยวใน อ.ภูเรือ และคิตตี้ รีสอร์ท ภูเรือ ยังเป็นไปตามปกติ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง แต่น้อยกว่าช่วงเทศกาล ฤดูหนาว ก่อนปีใหม่และหลังปีใหม่ที่ผ่านมา ที่มีคนมาท่องเที่ยวจำนวนมาก

ศิลปินตัดต้นมะหาดร้อยปีทำงานศิลปะ

B737EDD87EB345C9A03FA095A60C4300
ที่มาภาพ: http://goo.gl/lRP3Y6

19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตัดต้นไม้เก่าแก่ไปทำงานศิลปะ ในพื้นที่ จ.กระบี่ ว่าเป็นการทำลายธรรมชาติหรือไม่ โดยเหตุเกิดจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ อัครเดช จักจินดา (Akradej Chakjinda) ได้แชร์เรื่องราวของการทำงานศิลปะของศิลปินไทย และศิลปินชาวญี่ปุ่น กำลังตัดต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้น อายุหลายสิบปี เพื่อมาสร้างเป็นงานศิลปะ

เมื่อภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเพราะเป็นการทำลายธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นต้นไม้ที่อยู่ในพื้นที่ของเจ้าของแต่ก็ควรมีจิตสำนึกรักษ์ป่า

ขณะเดียวกัน นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ แชร์ภาพงานดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก และให้ความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า แม้ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของแล้วก็ตาม และยังบอกด้วยว่า “ต้นไม้” ไม่ว่าขนาดใดมีอายุเท่าใด มันควรยืนต้นตายตามอายุขัยของมัน การโค่นมันลงมาด้วยกิจประการใดก็ตาม คือการทำลายธรรมชาติประเภทหนึ่ง

ด้านนายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ ได้เคยโพสต์ข้อมูลทางหน้าเฟซบุ๊ก ส่วนตัวว่า “ไม้มะหาด” ต้นดังกล่าวอยู่ในที่ดินของนายสุวรรณ มุคุระ มอบให้กับเทศบาลเมืองกระบี่เพื่อนำมาแกะสลักเป็นเสาประตูมากรรม และได้เปิดเผยกับผู้จัดการออนไลน์ว่า “ไม้ต้นนี้มันกลวงแล้ว มันพร้อมจะตายอยู่แล้วเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สมมติมันอยู่ได้อีก 50 หรือ 100 ปีแล้วมันก็ตาย แต่วันนี้ไม้นี้มันถูกโค่นและเอาไปใช้ประโยชน์ ไปวางเป็นประติมากรรมหน้าลานเมืองได้อีกเป็นร้อยๆ ปี เพราะมันไม่ผุไม่กร่อน แล้วถามว่ามันอยู่ในป่าอย่างนู้น กับอยู่อย่างนี้และสร้างคุณประโยชน์ทางศิลปะ ดึงดูดใจให้คนมาท่องเที่ยวกระบี่กันมากขึ้น เงินที่ได้จากตรงนี้จะเกิดประโยชน์กว่าไปยืนต้นอยู่ตรงนู้นมั้ย”

ส่วน อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ให้ความเห็นผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า “งานศิลปะชิ้นนี้ ถูกจัดแสดงไว้ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีรสนิยมในการเสพงานศิลปะเยอะแยะมากมาย เพราะฉะนั้น งานชิ้นนี้เขาไม่ได้สร้างให้คนไทยดู แต่เขาสร้างเพื่อให้ฝรั่งที่เข้าใจเป็นผู้ดู ส่วนคนไทยได้ดูบ่อยๆ เข้า ก็พัฒนาเอง ซึ่งรสนิยมคนไทยห่างขั้นกับรสนิยมฝรั่งถึง 50 ขั้น หรือล้าหลังกว่าเขา ถึง 30-50 ปี เพราะคนไทยเราเข้าใจ เพียงแค่วาดดอกบัวสวยๆ แกะสลักพระสวยๆ วาดคนสวยๆ แต่จะไม่เข้าใจศิลปะแบบนามธรรม ซึ่งเป็นศิลปะที่ถือได้ว่า เป็นหน้าเป็นตาของประเทศชาติ และเป็นศิลปะที่ทำให้ฝรั่งมองประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว”

จบคดีโป๊ะล่มปี 2538 กทม. ต้องชดใช้ราว 30 ล้านบาท

Screen Shot 2558-02-20 at 8.33.19 PM
ที่มาภาพ: http://video.postjung.com/18910.html

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่นางไสว ภู่สุวรรณ พร้อมพวกรวม 7 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทสุภัทรา จำกัด บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร และกรมเจ้าท่า เป็นจำเลยที่ 1-4 เรียกค่าเสียหายกรณีละเมิด จากอุบัติเหตุโป๊ะล่มบริเวณท่าเรือพรานนก เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2538 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ทางบริษทสุภัทรา และบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา ได้ชดใช้ให้กับผู้เสียหายเป็นเงินจำนวนหนึ่งจนมีการถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 และ 2 เหลือเพียงกรุงเทพมหานคร ที่ต่อสู้คดีมาจนถึงชั้นศาลฎีกา

โดยศาลพิพากษา สรุปว่า กรุงเทพมหานคร มีหน้าที่ต้องควบคุมดูแลท่าเรือให้เกิดความปลอดภัย แต่ประมาทเลินเล่อไม่ดูแล จนเกิดอุบัติเหตุมีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งเกิดจากการกระทำโดยละเมิดของจำเลย

คำพิพากษาของศาล ได้ให้กรุงเทพมหานครชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายจำนวน 14 ราย มากน้อยกันไปตามลำดับความหนักเบา รายละ 2-3 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท รวมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2538 เป็นต้นมา จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ซึ่งหากคิดดอกเบี้ยที่ทบต้นทบดอกมาเกือบ 20 ปี จะเป็นเงินที่ต้องจ่ายนับร้อยล้านบาทเลยทีเดียว

สำหรับเหตุการณ์โป๊ะล่มที่พรานนก เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันที่ 14 มิถุนายน 2538 ขณะเรือด่วนเข้าเทียบท่าที่ท่าน้ำพรานนก โป๊ะได้เกิดล่ม ทำให้ผู้โดยสารที่ยืนรออยู่ร่วม 100 ชีวิตตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ว่าส่วนใหญ่จะถูกช่วยขึ้นมาได้ แต่ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 29 ศพ นำมาสู่การฟ้องร้องทางแพ่งดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังฟังคำพิพากษา ญาติของผู้เสียชีวิตที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง รวมทั้งนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ซึ่งขณะนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ได้ร้องไห้กอดกันกลมด้วยความดีใจ หลังจากร่วมต่อสู้คดีกันมาเกือบ 20 ปี

ชมคลิปข่าวเหตุการณ์โป๊ะล่มที่พรานนก เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันที่ 14 มิถุนายน 2538