ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > “โลกที่ดี” ในมุมมองของคุณคืออะไร

“โลกที่ดี” ในมุมมองของคุณคืออะไร

7 มิถุนายน 2014


บ่อยครั้งที่สื่อถูกตั้งคำถามถึงบทบาทและหน้าที่”สื่อ” ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ วิทยุ โทรทัศน์ รวมไปถึงสื่อละคร ภาพยนตร์ ยิ่งยุคสมัยและเทคโนโลยี่เปลี่ยนแปลง การนำเสนอของสื่อในหลายๆประเภทนำไปสู่การตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นอยู่ในสังคม และฉุดกระชากความคิดของเราให้มองสิ่งต่างๆ ในอีกมุมหนึ่ง

สำหรับสังคมที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางกลไกของแนวคิด หรือสิ่งที่มีอิทธิพลสูงสุดในขณะนั้นจนสามารถกลายเป็น “กระแสหลัก” ที่อยู่ในค่านิยมและบรรทัดฐานของคนในสังคมหนึ่งๆ กลายเป็นสิ่งที่สังคมตีกรอบโดยคำว่า “ดี-ถูกต้อง” เอาไว้ สำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตาม มีความคิด หรือการกระทำเป็นอื่น ก็ถูกมองว่าได้กระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม สังคมจะมอบบทลงโทษให้กับเขา

ขณะที่ย้อนกลับไปเปิดอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องเก่าๆ ทำให้เห็นรูปแบบของสื่อที่ตั้งคำถามกับความดีงามของสังคม และชวนนึกไปถึงภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่มีชุดความคิดใกล้เคียงกัน ในที่นี้ขอยกตัวอย่างภาพยนตร์ 4 เรื่อง 3 ใน 4 ดัดแปลงมาจากงานเขียน ทั้ง 4 เรื่องมาจากต่างวาระ แต่มีมุมมองที่สอดคล้องกันในเรื่องของการตั้งคำถามถึง “สังคมอุดมคติ” (Utopia) ถึงสิ่งที่ถูกกำหนดว่าดี ด้วยการผูกเรื่องที่สร้างความขัดแย้งของประเด็นทางศีลธรรมในใจเรา

งานทั้ง 4 เรื่องได้แก่ Brave New World ผลงานจากปลายปากกาของ อัลดัส ฮักซเลย์ (Aldous Huxley) ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ถึง 2 ครั้ง, เรื่อง Death Note ที่ต้นฉบับเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เนื้อเรื่องโดยสึงุมิ โอบะ วาดภาพโดยทาเคชิ โอบาตะ ซึ่งเมื่อนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ตอนด้วยกัน, เรื่อง IKIGAMI ต้นฉบับมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเช่นกัน เป็นผลงานของ โมโตโร่ มาเสะ และเรื่องสุดท้ายคือ The Purge ที่เพิ่งเข้าฉายในประเทศไทยไปเมื่อปลายปี 2556 เขียนบท และกำกับโดย เจมส์ เดอโมนาโก (James DeMonaco)

ที่มาภาพ : http://destrezadasduvidas.blogspot.com/2013/02/soma.html  Brave New World
ที่มาภาพ : http://destrezadasduvidas.blogspot.com/2013/02/soma.html Brave New World

สำหรับเรื่องแรก Brave New World เป็นเรื่องราวที่พูดถึงสังคมยุคใหม่ที่ปราศจากสงคราม อยู่ภายใต้การปกครองของ “รัฐโลก” (World State) ที่ไม่มีการแบ่งแยกประเทศอีกต่อไป สังคมที่สงบสุข ผู้คนต่างรู้จักหน้าที่ของตน ผู้คนถูกแบ่งลำดับชั้นอย่างเชื่อฟัง รัฐใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เข้ามาควบคุมการใช้ชีวิตของคนในสังคมตั้งแต่แรกเกิด โดยการกำหนดวรรณะ ลักษณะทางกายภาพ และทัศนคติ ให้ดำเนินไปในแนวทางที่รัฐเห็นว่า “ควรจะเป็น” โดยไม่คิดต่อต้าน โลกที่หนังสือ ครอบครัว ความรัก กลายเป็นเรื่องที่สังคมไม่ให้การยอมรับ เพื่อป้องกันความตระหนักรู้ และความทะยานอยาก อันเป็นเหตุให้สังคมเกิดความวุ่นวาย

ที่มาภาพ : http://www.adintrend.com/show_message.php?id=8207 Death Note
ที่มาภาพ : http://www.adintrend.com/show_message.php?id=8207 Death Note

เรื่อง Death Note เป็นเรื่องราวที่บอกเล่าถึงสมุดบันทึกเล่มหนึ่งทีเราสามารถเขียนชื่อใครลงไปก็ได้ สามารถกำหนดเวลา และลักษณะการตายของเป้าหมายได้ สมุดบันทึกของยมทูตที่ตกมาอยู่ในมือมนุษย์อย่างจงใจ ผู้คนส่วนใหญ่ที่เก็บสมุดได้จะนำมันไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง กระทั่งวันหนึ่งผู้ที่เก็บ Death Note ได้คือเด็กหนุ่มหัวกะทิที่กำลังเบื่อหน่ายสังคมที่เน่าเฟะ เขาต้องการชำระล้างโลกให้สะอาด โดยใช้ Death Note สมุดบันทึกของยมทูต กำจัดคนที่ตนว่าเป็นคนเลวร้ายไม่สมควรมีชีวิตอยู่

ที่มาภาพ : http://www.bloggang.com/data/b/born1993/picture/1272029126.jpg IKIGAMI
ที่มาภาพ : http://www.bloggang.com/data/b/born1993/picture/1272029126.jpg IKIGAMI

เรื่อง IKIGAMI เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นที่สังคมมีความอยู่ดีกินดี เนื่องจากรัฐบาลออกกฎหมายที่เรียกว่า “กฎหมายเพื่อผดุงความรุ่งเรืองแห่งชาติ” กฎที่รัฐนั้นปลูกฝังความเชื่อให้ประชาชนปฏิบัติตาม โดยมีการฉีดวัคซีนที่เรียกว่า “วัคซีนเพื่อความรุ่งเรืองแห่งชาติ” ให้กับประชาชนทุกคนตั้งแต่เด็ก จะมีบุคคล 1 ใน 1,000 คนที่ได้รับวัคซีนแต่ละครั้ง ได้รับแจ๊กพอตโดนวัคซีนที่เข้าไปฝังตัวกำหนดอายุขัยของเขาในร่างกาย ก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต จะมีใบแจ้งตายที่เรียกว่า “อิคิงามิ” ส่งถึงให้ผู้ที่สังคมขนานนามว่า “ผู้เสียลสะ” (โดยเจ้าตัวจะยินยอมเสียสละหรือไม่ก็ตาม) ก่อนถึงจุดจบของชีวิตใน 24 ชั่วโมง เวลาเพียงเท่านี้สามารถจะทำอะไรได้บ้าง

เมื่อ “ผู้เสียสละ” เสียชีวิต ครอบครัวจะได้รับเงินชดเชย และการดูและจากรัฐ แต่หากก่อนเสียชีวิตผู้ที่ได้รับอิคิงามิทำเรื่องผิดกฎหมายครอบครัวจะไม่ได้รับเงินชดเชยใดๆ เลย กฎหมายนี้มีเพื่อให้ประชาชนนั้นตั้งใจใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและตระหนักต่อ “คุณค่าของชีวิต” มากขึ้น ทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่มีประโยชน์ให้แก่รัฐ

ที่มาภาพ : http://www.siamdara.com/Entertain.asp?eid=2857  The Purge
ที่มาภาพ : http://www.siamdara.com/Entertain.asp?eid=2857 The Purge

เรื่องสุดท้ายคือ The Purge เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงอเมริกาที่เสื่อมโทรมเต็มไปด้วยอาชญากรรม คุกแน่นไปด้วยนักโทษ ซึ่งหลังจากเกิดความไม่สงบในสังคมหลายปี แต่ตอนนี้ อัตราการว่างงานอยู่ที่หนึ่งเปอร์เซ็นต์และอัตราความยากจนลดลงอย่างต่อเนื่อง

ผู้ปกครองใหม่ที่ถูกขนานนามว่า นิว ฟาวเดอร์ ออฟ อเมริกา (เอ็นเอฟเอ) อยู่ในฐานะรัฐบาลได้การประกาศให้ช่วงเวลา 12 ชั่วโมงในวันหนึ่งของแต่ละปี เป็นเวลาที่อาชญากรรมทุกประเภท รวมถึงฆาตกรรม กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ค่ำคืนที่พลเมืองสามารถปลดปล่อยตัวตนโดยไม่คำนึงถึงบทลงโทษ เป็นมาตรการที่รัฐใช้รับมือกับปัญหาความรุนแรงและใช้ลดจำนวนประชากรยากไร้ในทางอ้อม เนื่องจากผู้รอดชีวิตคือผู้ที่สามารถหาที่หลบภัย หรือป้องกันตัวเองได้ซึ่งส่วนใหญ่คนเหล่านี้เป็นผู้มีฐานะระดับหนึ่งผู้รอดชีวิต

เรื่องราวเหล่านี้เล่นกับสิ่งที่สังคมต่างคาดหวัง อาทิ ความอยู่ดีกินดี ความสงบสุข ปราศจากอาชญากรรม อันเป็นสังคมอุดมคติที่แตกต่างกันไปในแต่ละเรื่อง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นโดยรัฐ ผู้เป็นพลเมืองต้องปฏิบัติตามโดยปราศจากข้อโต้แย้ง แต่สุดท้ายเรื่องราวเหล่านี้ก็นำไปสู่การตั้งคำถามถึงสิ่งที่สังคมมองว่าควรจะเป็น หรือสิ่งที่รัฐบัญญัติว่าดีแล้วนั้น มันชอบธรรมสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมากแค่ไหน เราเห็นแรงกระเพื่อมจากสื่อเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีในโลกออนไลน์

Death Note เป็นอีกหนึ่งการให้เหตุผลที่ดีที่แม้ว่าอาชญากรเองจะเป็นคนที่สมควรถูกลงโทษ แต่การลงโทษนอกกระบวนการก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เช่นกันกับ IKIGAMI กระบวนการที่กำหนดการตายโดยกฎหมาย หรือใน The Purge ที่รัฐปล่อยให้คนใช้สัญชาตญาณดิบพรากชีวิตคนอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องรับโทษ สำหรับผู้บริสุทธิ์แล้วสิ่งเหล่านี้สมควรถูกตั้งคำถาม การมอบความสุขให้กับคนคนหนึ่งโดยเข้าแทรกแซงความคิด และจิตวิญญาณของเขา อย่างใน Brave New World ก็เช่นกัน

แน่นอนว่าเพื่อสังคมที่สงบสุข เราอาจต้องแลก และสละสิทธิ เสรีภาพบางประการของเราไป ทำให้เกิดเป็นกรอบของกฎหมายในการให้ความคุ้มครองเราอีกขั้นหนึ่ง แต่แค่ไหนล่ะที่เรียกว่า “พอดี” รัฐควรมีอำนาจมากแค่ไหนในการควบคุมชีวิตเรา สิ่งที่ทุกคนคิดว่า “ดี” มันดีแล้วจริงๆ หรือ หากเป็นเช่นนั้นแล้วเรามีชีวิตเพื่ออะไร คำถามเหล่านี้เชื่อว่าทุกคนต่างมีคำตอบอยู่ในตัวเอง

เรื่องราวเหล่านี้อาจเป็นเพียงเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น การแก้ปัญหาอาจดูสุดโต่ง แต่ส่วนหนึ่งก็หยิบมาจากประเด็นในโลกความจริง ให้เราได้ฉุกคิด และย้อนมองดูสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยมุมมองที่กว้างขึ้น แล้วคุณล่ะ ถ้าอยู่ในสถานการณ์นี้จะทำอย่างไร