ThaiPublica > คนในข่าว > โบโก ฮาราม: จากเหยื่ออธรรมสู่กลุ่มก่อการร้ายชื่อก้องโลก

โบโก ฮาราม: จากเหยื่ออธรรมสู่กลุ่มก่อการร้ายชื่อก้องโลก

27 พฤษภาคม 2014


รายงานโดย…อิสรนันท์

เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น ชื่อของ “โบโก ฮาราม”(ฺBoko Haram)กลุ่มก่อการร้ายในไนจีเรียพลันดังกระฉ่อนไปทั่วโลก เมื่อก่อคดีสุดแสนอุกอาจและโหดร้ายป่าเถื่อนที่สุดด้วยการบุกไปลักพาตัวเด็กนักเรียนมัธยมหญิงชาวไนจีเรียอายุระหว่าง 16-18 ปีร่วม 300 คนขณะกำลังสอบปลายภาคที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐบอร์โน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นกวาดต้อนขึ้นรถยนต์และรถจักรยานยนต์หลบหนีอย่างลอยนวล อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีกู๊ดลัค โจนาธาน หรือนายโชคดีของไนจีเรียกลับปิดข่าวนี้จนเงียบเชียบถึง 3 สัปดาห์ โดยสื่อในประเทศหรือต่างประเทศไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อยว่าเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น

แต่ความลับย่อมไม่มีในโลก ในที่สุดความก็แตกจนกลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ทั่วโลกติดต่อเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ ผู้ที่ป่าวร้องให้โลกรู้ด้วยวิธีอันแยบยลก็คือกลุ่มโบโก ฮารามเอง เมื่อประกาศว่าจะนำเด็กสาวเกือบ 300 คนที่ถูกลักพาตัว ถูกแยกเป็นกลุ่มเล็กๆ และถูกต้อนข้ามประเทศเพื่อนบ้าน อาทิชาดและแคเมอรูน ไปขายให้เป็นเจ้าสาวของสมาชิกกลุ่มมุสลิมสุดโต่งในราคาแค่ 2,000 ไนรา (ราว 360 บาท) เพื่อลงโทษที่พวกเธอบังอาจไปเรียนหนังสือ ซึ่งถือเป็นบาปมหันต์ในสายตาของมุสลิมสุดโต่ง

ความลับนี้แตกซ้ำสองเมื่อบรรดาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ของเด็กสาวเหล่านั้นได้เดินขบวนไปปักหลักชุมนุมประท้วงที่หน้าทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงอาบูจา เพื่อกดดันนายกู๊ดลัคให้เร่งช่วยเหลือนักเรียนเหล่านั้นโดยเร็ว ไม่ใช่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบที่ทำมาแต่ต้น ทันทีที่ข่าวนี้เผยแพร่ไปทั่วโลกท่ามกลางเสียงก่นประณามของนานาประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอังกฤษ ที่เสนอตัวจะช่วยกันค้นหาเด็กสาวเหล่านั้น ขณะที่สังคมชาวเน็ตได้ร่วมรณรงค์ให้นานาประเทศเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาด้วยการติดแฮชแทก #BringBackOurGirls ในทวีตเตอร์และเฟซบุ๊ก ด้านคนดังและทนายความอีกกว่า 450,000 คน ได้ร่วมลงชื่อในเว็บไซต์ เรียกร้องให้รัฐบาลไนจีเรียทำทุกวิถีทางเพื่อนำตัวเด็กหญิงกลับมาโดยปลอดภัย

ที่มาภาพ : http://www.bbc.com/news/world-africa-18020349
ที่มาภาพ : http://www.bbc.com/news/world-africa-18020349

นายกู๊ดลัคจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเปลี่ยนท่าทีใหม่ทันทีว่าเป็นรัฐบาลที่ห่วงใยในชะตากรรมของเด็กสาว พร้อมกับประกาศกร้าวปฏิเสธเงื่อนไขของกลุ่มโบโก ฮาราม ที่ขอให้ปล่อยตัวพลพรรคของกลุ่มที่ถูกจับกุมคุมขังแลกกับอิสรภาพของนักเรียนหญิง พร้อมกันนั้นก็ยังทำสงครามจิตวิทยาด้วยการเผยแพร่วิดีโอเทปความยาว 27 นาที เป็นภาพของเด็กหญิงราว 130 คน ในชุดคลุมยาวสีดำตามแบบสตรีชาวมุสลิมกำลังสวดมนต์ จากสถานที่ลับแห่งหนึ่ง ในคลิปนี้มีบทสัมภาษณ์เด็กหญิง 3 คน ในจำนวนนี้ 2 คนกล่าวว่าพวกเธอได้เปลี่ยนศาสนาแล้วจากเดิมที่เคยนับถือศาสนาคริสต์แต่ขณะนี้ได้หันมานับถือศาสนาอิสลาม ส่วนอีกรายกล่าวว่าเธอนับถืออิสลามอยู่แล้ว ขณะที่เด็กสาวส่วนใหญ่นั่งนิ่งๆ อยู่กับพื้น เด็กหญิงคนหนึ่งกล่าวว่าตั้งแต่ถูกลักพาตัว พวกเธอยังไม่เคยได้รับอันตรายใดๆ

คงเป็นเพราะถือดีว่าได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจตะวันตก นายกู๊ดลัคนอกจากยืนกรานเสียงแข็งไม่ยอมแลกตัวนักโทษกับนักเรียนหญิงตามข้อเรียกร้อง ยังได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติขึ้นบัญชีดำกลุ่มโบโก ฮาราม ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับกลุ่มอัล ไกดา ซึ่งสหประชาชาติได้ลงมติตามคำขอนี้เมื่อต้นเดือน พ.ค. พร้อมกับบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร ครอบคลุมไปถึงการอายัดทรัพย์ ห้ามเดินทาง และห้ามซื้อ-ขายอาวุธ ในส่วนของสหรัฐฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ 80 คนพร้อมเครื่องบินตรวจการบินเหนือน่านฟ้าไนจีเรีย เพื่อตรวจสอบแหล่งกบดานของกลุ่มโบโก ฮาราม และที่ซุกซ่อนตัวเด็กนักเรียนหญิงเหล่านั้น แต่ยังไม่พบสิ่งใด

นอกจากนี้ยังเกิดเหตุระเบิดรถยนต์ที่ชานชานกรุงอาบูจา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ซ้ำจุดเดิมที่เคยเกิดเหตุระเบิดก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 75 คน ตามด้วยการบุกโจมตีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านถูกฆ่าตายอย่างน้อย 150-300 ศพ บางคนถูกเผาทั้งเป็นอย่างน่าอนาถ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของปฏิบัติการช็อกโลกหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการบุกสังหารหมู่เด็กนักเรียนชายถึงกว่า 40 คน ขณะนอนหลับสนิท เจ้าหน้าที่ไนจีเรียยังเชื่อว่ากลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในเมืองจอสที่อยู่ตอนกลางของประเทศทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 118 ราย รวมถึงเหตุโจมตี 3 หมู่บ้านในรัฐบอร์โน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 48 รายด้วย คาดว่าระหว่างปี 2545-2556 มีผู้เสียชีวิตมากถึง 10,000 ราย หรือถ้าคิดตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงถึง 1,500 คน ไร้ที่อยู่อีกราวครึ่งล้าน ทั้งโบสถ์คริสต์ โรงเรียนที่สอนแบบตะวันตก สถานีตำรวจและสถานที่ราชการหลายร้อยแห่งถูกทำลาย เช่นเดียวกับเศรษฐกิจทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

ที่มาภาพ : http://www.bbc.com/news/world-africa-13809501
ที่มาภาพ : http://www.bbc.com/news/world-africa-13809501

ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ชื่อของกลุ่มติดอาวุธโบโก ฮาราม ยิ่งขจรขจายไปทั่วในฐานะเป็นกลุ่มมุสลิมสุดโต่งที่ใช้ความรุนแรง ทั้งๆ ที่สมาชิกส่วนใหญ่เป็นเยาวชนจากเผ่าฮัวซาในรัฐบอร์โนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย มีเป้าหมายหลักมุ่งต่อต้านชาวคริสต์และอารยธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลอย่างแพร่หลายในประเทศ ตลอดจนปฏิเสธระบอบประชาธิปไตย โดยในตอนแรกโมฮัมเหม็ด ยูซุฟ ครูสอนศาสนาชื่อดัง เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม “แนวร่วมประชาชนเพื่อแบบแผนแห่งการเป็นสาวกทางวัฒนธรรมและจีฮัด” เมื่อปี 2545 แต่ชาวบ้านที่เป็นเผ่าฮัวซาเรียกขานกลุ่มนี้อย่างสั้นๆ ว่าโบโก ฮาราม อันมีความหมายว่า “การศึกษาแบบตะวันตกเป็นของต้องห้าม หรือเป็นบาป” ได้เดินแนวทางต่อสู้ด้วยสันติวิธีเพื่อตั้งรัฐอิสลามแท้จริงภายใต้การบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ และเพื่อหยุดยั้งขบวนการเผยแพร่วัฒนธรรมตะวันตกขึ้นในรัฐนี้ ซึ่งต่างไปจากขบวนการชารีอะห์อื่นๆ ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ใช้กฎหมายอิสลามโดยสันติ และมีความอดทนอดกลั้นต่อกลุ่มคนศาสนาและชาติพันธุ์อื่น

ตั้งแต่แรก “โบโก ฮาราม” ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวบ้านยากจน แต่เมื่อรัฐบาลที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้และส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ได้ส่งทหารไปกวาดล้างอย่างหนัก ถึงขนาดจะฆ่าล่างเผ่าพันธุ์เผ่าฮัวซาและฟูลนี ทำให้ความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นการลุกฮือต่อต้านด้วยกำลังอาวุธนับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา โบโก ฮาราม ก็ได้พัฒนาจากชน กลุ่มน้อยมาเป็นกลุ่มนักรบศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายยูซุฟถูกจับกุมและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ตั้งแต่แรกกลุ่มนี้ไม่มีโครงสร้างการบังคับบัญชาที่ชัดเจน หลังการตายของยูซุฟ โบโก ฮาราม ก็แตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่าอย่างน้อย 3 กลุ่ม แต่สุดท้ายก็ได้ผู้นำคนใหม่คืออาบูบาการ์ เชคอ หรือชื่อจัดตั้งว่า “ดารุล ตอว์ฮีด” แปลว่า “ผู้เชี่ยวชาญในตอว์ฮีด” หรือหัวใจของการศรัทธาในผู้เป็นเจ้าหนึ่งเดียว หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มนี้และรั้งตำแหน่งมือสองรองจากยูซุฟ ก่อนนั้นทางการเชื่อว่าเชคอถูกฆ่าตายระหว่างการปะทะ แต่เชคอได้ปรากฏตัวผ่านวิดีโอออนไลน์เมื่อกลางปี 2553 เผยว่าตัวเองแค่เจ็บหนักและหนีไปรักษาตัวในประเทศเพื่อนบ้าน และขณะนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มคนใหม่แล้ว นับแต่นั้นเป็นต้นมา โบโก ฮาราม ก็ก้าวสู่เส้นทางการก่อการร้ายเต็มตัว โดยใช้วิธีรุนแรงโจมตีเป้าหมายได้แก่ชาวคริสต์และรัฐบาล วางระเบิดโบสถ์คริสต์ โรงเรียน สถานีตำรวจ แหล่งอบายมุข สถานที่ราชการกลางและท้องถิ่น และทหาร รวมทั้งลักพาตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกเหนือจากลอบสังหารอิสลามนอกรีต ในช่วงหลัง กลุ่มโบโกฮารามได้ขยายเป้าหมายออกไป จนประทั่งประชาชนธรรมดาและตลาดก็เป็นเป้าหมายในการโจมตีไปด้วย

ตอนแรกโบโก ฮาราม ได้ขยายฐานปฏิบัติการจากไนจีเรีย สู่แคเมอรูน ชาด ไนเจอร์ มาลี และโซมาเลีย โดยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายอัล ไกดา และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในแอฟริกาตะวันตก นักรบโบโก ฮาราม มักจะเดินทางไปฝึกอาวุธที่ฐานที่มั่นทางตอนใต้ของโซมาเลีย ขณะที่ สหรัฐฯ ได้กล่าวหากลุ่มนี้ว่าได้รับการสนับสนุนด้านการเงินและอาวุธจากกลุ่มมาเกร็บ ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มอัล ไกดา แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันเนื่องจากการโจมตีเป้าหมายนั้นอยู่ในวงจำกัด กระนั้น สหรัฐฯ ก็ขึ้นบัญชีดำกลุ่มโบโก ฮาราม ให้เป็นกลุ่มก่อการร้ายเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ส่วนกลุ่มฮิวแมนไรท์ วอทช์ ได้กล่าวหากลุ่มนี้ว่าใช้ทหารเด็ก รวมไปถึงเด็กอายุแค่ 12 ปี ตรงกันข้ามกับรายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากลที่ได้กล่าวหารัฐบาลไนจีเรียว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อผู้ต้องสัยว่าเป็นพลพรรคโบโก ฮาราม ถูกจับกุมและเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวในค่ายทหารแห่งหนึ่งถึง 950 รายเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว บีบให้กลุ่มนี้ต้องวางแผนตอบโต้ด้วยการจับนักเรียนหญิงเพื่อแลกตัวกับนักโทษเหล่านั้น

อาบูบาการ์ เชคอ หรือชื่อจัดตั้งว่า "ดารุล ตอว์ฮีด" แปลว่า "ผู้เชี่ยวชาญในตอว์ฮีด" หรือหัวใจของการศรัทธาในผู้เป็นเจ้าหนึ่งเดียว ที่มาภาพ : http://news.bbcimg.co.uk/media/images/74753000/jpg/_74753713_74752619.jpg
อาบูบาการ์ เชคอ หรือชื่อจัดตั้งว่า “ดารุล ตอว์ฮีด” แปลว่า “ผู้เชี่ยวชาญในตอว์ฮีด” หรือหัวใจของการศรัทธาในผู้เป็นเจ้าหนึ่งเดียว
ที่มาภาพ : http://news.bbcimg.co.uk/media/images/74753000/jpg/_74753713_74752619.jpg

ในส่วนประวัติของเชคอนั้นไม่มีอะไรชัดเจน บ้างก็ว่าเกิดที่หมูบ้านเชคอ ในไนจีเรีย บ้างก็ว่าเกิดที่สาธารณรัฐไนเจอร์ ไม่มีใครรู้อายุแท้จริง แต่คาดว่าอยู่ราว 34-35 ปี บ้างก็ว่า 43 ปี บีบีซีปล่อยข่าวว่าเป็นคนลึกลับและมีความขัดแย้งในตัวเอง ด้านหนึ่งเป็นปัญญาชน อีกด้านเป็นนักเลงที่กล้าบ้าบิ่น และไม่ชัดเจนว่าในทางปฏิบัติแล้วสามารถคุมสมาชิกได้ทั้งหมดหรือไม่

อย่างไรก็ดี นักข่าวคนหนึ่งที่สามารถเข้าถึงโบโก ฮาราม เผยว่าเชคอเป็นผู้ใฝ่รู้และนักเทววิทยาโดยศึกษาศาสนาอิสลามจากครูสอนศาสนา และเนื่องจากมีความทรงจำเป็นเลิศจึงแม่นในคัมภีร์กุรอาน จนนำมาเป็นชื่อจัดตั้ง นอกจากพูดภาษาพื้นเมืองคานูรีแล้ว ยังสามารถพูดภาษาอาหรับและฮอซา หนึ่งในภาษาท้องถิ่นที่ใช้สื่อสารกันในทวีปแอฟริกา เนื้อแท้เป็นคนเครียด ขรึม และเป็นหนอนหนังสือ ใช้ชีวิตอย่างสมถะ แต่กลับชอบเผยแพร่วิดีโอออนไลน์อวดอ้างตัวเองว่าหายตัวได้ หรือโอ้อวดว่ายึดรถถังและรถหุ้มเกราะของทหาร อีกทั้งชอบเย้ยหยันทหาร ก่อนจะย้ำว่าตัวเองจะไม่ยอมหยุดการต่อสู้และจะไม่ยอมตายยกเว้นเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า

เมื่อกลางปี 2555 สหรัฐฯ ได้ตราหน้าเชคอว่าเป็นผู้ก่อการร้าย มีผลให้สามารถยึดทรัพย์สินทุกอย่างที่อยู่ในสหรัฐฯ ได้ พอกลางปีที่แล้ว ได้ตั้งค่าหัว 7 ล้านดอลลาร์ (ราว 210 ล้านบาท) ไม่นับรวมค่าหัวที่ทางการไนจีเรียตั้งไว้ 50 ล้านไนรา (ราว 9 ล้านบาท)