ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 22-28 กรกฎาคม 2555
เรื่องแรก เป็นประเด็นทางการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับกรณี “หนีทหาร” ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอีกครั้งในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งๆ ที่เคยถูกหยิบยกมาโจมตีหลายต่อหลายครั้ง เรื่องก็เงียบหายไป และก็ถูกหยิบยกกลับมาใหม่
โดยการโจมตีและกล่าวหาก็ยังคงเป็นประเด็นเดิมจากคู่กรณี คือ นายกมล บันไดเพชร แต่จะเป็นการเล่นเกมทางการเมืองอย่างไรก็ตาม คดีนี้ได้หมดอายุความ อีกทั้งการสร้างกระแสโต้ตอบและตอกย้ำของ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “รู้สึกโชคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณเลี้ยงดูแบบลูกชาวบ้านทั่วไป รวมถึงไม่เคยสอนให้มักใหญ่ใฝ่สูง และยังสอนให้รับใช้ชาติด้วยการเกณฑ์ทหารและเรียน รด.” พร้อมเปิดเผยด้วยว่า “เรียน รด. 3 ปี ได้ยศสิบตรีพานทองแท้ พ่อแม่ยังภาคภูมิใจกว่าที่จะถูกคนตราหน้าว่าหนีทหาร”
หลายต่อหลายครั้ง ที่นายพานทองแท้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่หลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ตอบโต้ แต่ครั้งนี้จำเป็นต้องชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ โดยมีข้อสังเกต 2 ประการ 1. นายพานทองแท้โพสต์ข้อความเองหรือไม่ หรือมีใครคอยโพสต์ให้อยู่เบื้องหลัง 2. นายพานทองแท้โพสต์ในฐานะอะไร เพราะถ้าอยากมาเล่นการเมือง ก็ควรจะขออนุญาตจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อ ลงมาเล่นการเมืองไปเลย อีกทั้งถ้าจะมัวขุดคุ้ยเรื่องราวที่แล้วมาในอดีต แล้วทำให้หมดอนาคตในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคม หรือจะทำให้ประชาชนหมดศรัทธาในตัวนายอภิสิทธิ์แล้ว นายพานทองแท้จะมีความน่าเชื่ออะไรในคำพูด เพราะที่ผ่านมาก็เคยขึ้นหน้าหนึ่ง ในกรณีถูกจับได้ว่าลอกข้อสอบที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะที่พ่อของตนเองดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอยู่ เช่นกัน
ทั้งนี้ เหตุผลที่ทำให้กรณีนายอภิสิทธิ์หนีทหารถูกขุดให้เป็นประเด็นทางการเมืองอยู่เป็นระยะๆ มาจากการที่นายอภิสิทธิ์ไม่สามารถนำเอกสารสำคัญคือ “ใบ สด.41” หรือหนังสืออนุญาตได้รับการผ่อนผันมาแสดงยืนยันได้ ทำให้กลายเป็นจุดอ่อนที่ยังคงถูกโจมตีในเรื่องนี้ โดยนายอภิสิทธิ์มีหลักฐานสำคัญคือ สด.20 หรือบัญชีแสดงรายชื่อผู้ได้รับการผ่อนผันเป็นเกราะสำคัญในการต่อสู้ และในครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะนายอภิสิทธิ์ก็กล่าวด้วยความมั่นใจว่า เอกสารทั้งหมดได้ยื่นให้กับศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เอกสารที่เคยนำมาแสดง คือ ทะเบียนบัญชียกเว้นหรือผ่อนผันกรณีไปศึกษาต่างประเทศ (สด.20) ที่มีชื่อนายอภิสิทธิ์ในลำดับ 3 ได้รับการผ่อนผันตามใบ สด.41 เลขที่ 4892/29 ลงวันที่ 4 พ.ย. 2529 โดยสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทยในประเทศอังกฤษ ภายใต้ดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ผ่อนผันให้ตั้งแต่ ปี 2530 ถึง 2532 ทำให้นายอภิสิทธิ์ไม่ต้องไปตรวจเลือกในเดือนเมษายน ปี 2530 ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 21(2) อีกทั้งนายอภิสิทธิ์อายุเกิน 21 ปี แต่ยังมิได้ตรวจเลือกเนื่องจากได้รับการยกเว้น จึงเข้าเกณฑ์ใช้ สด.9 และ สด.41 ไม่จำเป็นต้องใช้ใบ สด.43
และทุกอย่างก็น่าจะยุติไปแล้ว เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “เรื่องนี้จบไปนานแล้วตั้งแต่ปี 2542 กองทัพบกได้รายงานเรื่องนี้ให้กระทรวงกลาโหมรับทราบแล้ว เนื่องจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ปี 2542 สรุปว่าไม่มีมูล แต่ถ้าครั้งนี้จะมีมูลก็ว่ากันไป หากเป็นนโยบายที่จะให้รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ กองทัพบกก็พร้อมให้ความร่วมมือ ซึ่งเอกสารทั้งหมด จเรกองทัพบกได้ส่งให้กระทรวงกลาโหมทั้งหมดแล้ว”
ก็คงต้องติดตามต่อไป ว่ารัฐบาลจะสรุป หรืออยากให้เรื่องเก่านี้จบลงอย่างไรจึงจะเป็นที่น่าพอใจ
“หนีทหารหรือไม่หนีทหารมันทำให้ประเทศเจริญขึ้นหรือก็เปล่าครับ ช่วยแก้ปัญหารปากท้องของประชาชนก่อนเถอะ โรคระบาดก็มาก ค่าครองชีพก็สูง อื่นๆ อีกมากมาย”
“ผมล่ะภูมิใจกับครอบครัวคุณจริง ๆ คุณโอ๊คครับ ลูกชายโกงข้อสอบรามคำแหง ก็ถูกจับได้ ลูกสาวคนรองเอ็นทรานซ์ไม่ติดเรียนภาคพิเศษ ม.เกษตร พอคนเผลอย้ายคณะ ย้ายมาเรียนภาคปกติเหมือนพวกเอ็นทรานซ์ติดซะงั้น ส่วนลูกสาวคนเล็กยิ่งหนักใหญ่ด้วยเกรงว่าลอกข้อสอบจะถูกจับได้เหมือนพี่ เลยเอาข้อสอบออกมาให้ท่องที่บ้านเลยจะดีกว่า เพราะตระกูลนี้ชอบท่องจำอยู่แล้ว แต่อาสาวก็ยังชอบพลาดอยู่บ่อย ๆ ตอนออกทีวีอยู่นั่น!!”
“ครู ซึ่งประจำทำการสอน ถึงได้ว่า จบมาแล้ว ต้องมาคัดเลือกทหาร แต่ถ้าไม่เป็นทหาร ต้อง เป็นอาจารย์ ตามข้อ 5 จะได้ไม่ต้องเป็นทหาร แต่ตอนไปสมัครเป็นอาจารย์ที่ จปร ต้องใช้เอกสาร ใบผ่อนผัน การเป็นทหาร ตรงนี้ละ เป็นประเด็น ที่ว่า ใช้เอกสารปลอมหรือเปล่า เหลือแต่หลักฐาน เดี๋ยวก็รู้กันครับ ประกอบกับ เจ้าหน้าที่ทหาร ที่รับสมัคร และตรวจสอบเอกสาร การสมัคร โดนลงโทษ ด้วยสาเหตุอะไร ถ้า ละเลยการตรวจสอบ เอกสาร การรับสมัคร อันเป็นเท็จ หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ดีไป”
“คนหนึ่งหนีทหาร คนหนึ่งหนีคดี ไม่กล้ากลับมาต่อสู้ความจริง ส่งพวกพ้องมาต่อสู้แทน จนมีคนตายแทนเป็นจำนวนมากเพราะอำนาจเงิน อีกคนก็ขยันขุดคุ้ยหาเรื่องมาหาเรื่องคนอื่น เหมือนเป็นการประจานตนเอง เพราะสุดท้ายแล้วตัวเองก็ลอกข้อสอบ สงสารนายกต้องเหมือนอยู่คนเดียวเพราะต้องขยันท่องจำสคริปในการตอบปัญหาสารพัดของบ้านเมืองต่อหน้าสาธารณชน”
“เราไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทั้งนั้น เราเป็นคนของพ่อหลวง แค่อยากจะบอกว่าการเมืองนี้น่าเบื่อมาก และคุณโอ๊ค รู้ว่าเป็นหลานของท่านนายก และเป็นลูกที่หนี้กฎหมายบ้านเมืองอยู่ อยากจะบอกว่าคุณไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ รู้ว่ามีสิทธิ์คิด แต่อย่าแสดงออกให้มันมากไปกว่านี้เลย อยู่เฉยๆๆดีกว่านะ แค่นี้บ้านเมืองก็ไม่สงบสุขอยู่แล้ว”
เรื่องที่สอง เพราะช่วงเบญจเพสหรือเปล่าไม่รู้ ทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้ สำหรับนักร้องขวัญใจวัยรุ่นทั้งเมืองไทยและเกาหลี อย่าง นิชคุณ หรเวชกุล ที่กำลังมีผลงานภาพยนนต์เรื่องแรกกับค่ายจีทีเอช เรื่อง “รัก 7 ปี ดี 7 หน” หลังเปิดตัวและได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากแฟนๆ ในประเทศไทย แต่ไม่ทันข้ามอาทิตย์ เมื่อนิชคุณกลับไปที่ประเทศเกาหลี ก็มีข่าวที่สร้างความตกใจให้บรรดาแฟนคลับชาวไทย นิชคุณเป็นศิลปินที่มีภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอด อีกทั้งการเป็นศิลปินที่เกาหลี ก็เป็นการรับประกันเรื่องพฤติกรรมได้เป็นอย่างดี ทางค่ายจะมีการเข้มงวดทุกเรื่องของศิลปินไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์และเรื่องส่วนตัว
แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ นิชคุณเจอกระแสข่าวขับรถยนต์ในขณะมึนเมา จนเกิดอุบัติเหตุชนรถจักรยานยนต์และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งข่าวนิชคุณเมาแล้วขับสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ ที่ชื่นชอบและชื่นชมในผลงานของเขาไม่น้อย หลายคนที่รู้จักนิชคุณเพียงผิวเผินถึงกับแสดงความผิดหวังที่ไอดอลของพวกเขาดื่มเบียร์ แต่หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนิชคุณก็จะรู้ว่า แม้หน้าของนิชคุณจะดูแบ๊วๆ ใสๆ แต่เขาก็ไม่เคยปกปิดว่าตัวเองดื่มแอลกอฮอล์ โดยตัวเขาและวง 2 PM ก็เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเบียร์ยี่ห้อหนึ่งในเกาหลีด้วย
ล่าสุด นิชคุณได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว “นิชคุณ Buck หรเวชกุล (@Khunnie0624)” โดยโพสต์ข้อความแสดงความเสียใจ และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า… “ผมอยากจะเขียนจดหมายฉบับนี้ เพื่อขออภัยกับการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบนี้ ถึงผู้บาดเจ็บ ครอบครัวของเขา ชาวเกาหลี แฟนๆ ของผม ครอบครัวเจวายพี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ทีมงาน และเพื่อนๆ สมาชิกในวง 2PM รวมถึงทุกๆ คนที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมทำให้คนที่มอบความรักและให้การสนับสนุนตัวผมผิดหวัง ความรักและกำลังใจที่ผมได้รับมันไม่สมควรกับพฤติกรรมที่ผมก่ออย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ผมรู้สึกว่าต้องการเวลานอกที่จะคิดทบทวนตัวเองและสิ่งที่ทำไป เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นและไม่สร้างปัญหาผิดซ้ำอีกครั้ง ผมรู้สึกละอายกับการกระทำที่น่าผิดหวังนี้และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง”
สำหรับการดำเนินคดี แม้ว่านิชคุณจะมีสัญชาติไทย แต่ก็จะไม่ได้รับการยกเว้นจากกฎหมายเกาหลี ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านที่อยู่อาศัย ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคู่กรณีของนิชคุณไม่น่าจะผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น นิชคุณอาจต้องถูกดำเนินคดีทั้งข้อหาเมาแล้วขับ และข้อหาทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โดยต้องโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20 ล้านวอน หรือ 5.5 แสนบาท และเนื่องจากนิชคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่าที่กำหนด ดังนั้น ใบอนุญาตขับขี่ของนิชคุณจะต้องถูกยกเลิก และอาจจะต้องรออีก 1 ปี เพื่อขอใบอนุญาตใหม่ได้
“เราไม่ใช่แฟนคลับเกาหลี แต่เราชื่นชมคนไทยทุกคน ทุกสาขาอาชีพที่ไปสร้างชื่อเสียงให้ต่างชาติรู้จัก ตลอดเวลา นิชคุณ เค้าก็สร้่างชื่อเสียงให้ประเทศไทยให้คนไทย(ทางตรงเเละทางอ้อม) และก็ออกตัวเสมอว่าตนเป็นคนไทย (ดูเค้าภูมิใจนำเสนอชาติกำเนิดของเค้ามากๆด้วย)เเละ เค้าก็ดังมาก มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย ไม่ว่าจะมองไปด้านไหน ชาติกำเนิด การศีกษา ครอบครัว สังคม หน้าที่การงาน จนมาเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ใช่ เค้าผิดผิดเพราะ “กฎหมายเกาหลีเค้าเข้ม” ผิดเพราะ สำนึกสาธารณะเค้าเป็นเลิศ หากเหตุเกิดในเมืองไทย ตอนนิชคุณคุกเข่าสลดต่อหน้าผู้เสียหาย
ณ.ประเทศเกาหลี ในตอนนี้ เรื่องก็ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเรื่องก็ยังไม่จบ (ขนาดไม่มีคนตายนะเนี่ย บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นนะ สอบกันยาวเรยยยย)ด้าน นิชคุณ เอง เค้าก็ลงโทษตัวเองไปเเล้ว นี่เค้าเเค่ ทำผิดส่วนตัวๆ หากอยากจะเทียบกับดาราดังในบ้านเรา เรื่องของเค้า จิ๊บๆชิลๆเบามว๊ากกกกก เหอๆๆ เเละ สำคัญคือ เค้าไม่ได้ทำผิดอะไรที่กระทบต่อชื่อเสียงประเทศไทยเลยนะ เรื่องส่วนตัวล้วนเลย พวกเราคนไทย เราควรอ้าเเขนเปิดสองมืออุ้มโอบกอดปลอบโยนให้อภัย ให้กำลังใจคนไทยคนนี้สิ ถึงจะถูกนะ”
“น้องเป็นคนดี และเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเลยทีเดียว จากการปฏิบัติตัวตลอดมา เป็นกำลังใจให้น้องนิชคุณนะคะ ผิดพลาดยอมรับ ขอโทษ และพยายามรับผิดชอบ น้องต้องเข้มแข็ง และต่อสู้กับแรงกดดันครั้งนี้นะคะ”
“จะผิดหรือถูกยังไง ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองกระทำไป ยังไงสังคมต้องยอมรับอยู่แล้ว พึ่งอยู่ในความยุติธรรม และความเป็นจริง พระเจ้าจะคุ้มครอง”
“ผมคิดว่าพี่เค้าก็ผิดตั้งแต่เริ่มสตาร์ทรถทั้งๆ ที่เมาแล้ว แต่การจะไปตัดงานเค้าที่ทำเสร็จไว้แล้วมันก็เกินไป ส่วนจะเอามาเปรียบเทียวกับชีวิตให้ทะเลาะกันไปก็ใช่เหตุ”
“ดูคลิปให้ดีเสียก่อนคนโดนชน คือ นิชคุณนะครับ โดนคนแก่แว๊นเกาหลีชน นิชคุณสู้ๆนะ เอาใจช่วย”
เรื่องที่สาม จากการที่เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมตัวกันกว่า 3,000 คน ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เพื่อรับคำสั่งจาก นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าทำการรื้อถอนรีสอร์ทผิดกฎหมาย ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ในเขตรอยต่อ จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครราชสีมา จำนวน 9 แห่ง ที่ศาลมีคำสั่งให้รื้อถอน รีสอร์ทดังกล่าวอยู่ในเขต อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จำนวน 7 แห่ง และอยู่ในเขต อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จำนวน 2 แห่ง ในจำนวน 2 แห่ง นี้ มีรีสอร์ทหรู คือบ้านทะเลหมอก ซึ่งเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีห้องพักรวม 200 ห้อง
โดยขณะเจ้าหน้าที่เคลื่อนกำลังเข้ารื้อถอน ได้มีการต่อต้านจากผู้ประกอบการและกลุ่มมวลชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่และทำงานในรีสอร์ท ที่นำยางรถยนต์มาจุดไฟเผาขวางเส้นทางขึ้นรีสอร์ทบ้านทะเลหมอก และนำรถยนต์มาจอดขวางทางพร้อมทั้งตรวจตรารถที่จะผ่านเข้าออก
ทางด้าน นายสมชาย เพ็ญป้อนกุล เจ้าของรีสอร์ทะเลหมอก กล่าวว่า ตนซื้อต่อพื้นที่ดังกล่าวมาจากชาวบ้านที่ตอนนั้นแสดงหลักฐานอย่างชัดเจน จนมารู้ภายหลังว่าอยู่ในพื้นที่อุทยานที่มีการผ่อนปรน ไม่ได้อยู่เลยเขตอุทยาน ซึ่งต่อมาได้มีการตรวจความเป็นมาถึงเรื่องการก่อสร้างอาคาร โดยอธิบดีเก่า (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) แนะนำว่าให้รีบมอบอาคารให้กรมป่าไม้เพื่อจะได้มีการพิจารณาให้เช่า และจะไม่บังคับคดีต่อ โดยจะไม่ใช้มาตรา 22 ในการรื้อถอน แต่หลังนายดำรงมาเป็นอธิบดีกลับยกเลิกทั้งหมดพร้อมกับอ้างคำสั่งศาลถึงที่สุด ไม่ยอมรับพิจารณาที่ผู้ประกอบการยื่นศาลปกครองให้ไต่สวนฉุกเฉินเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา และนัดฟังคดีวันที่ 14 สิงหาคม 2555 แต่ก็มาถูกรื้อถอนก่อน
สำหรับภารกิจนี้ นับว่าเป็นอีก 1 ภารกิจในการทวงคืนผืนป่า โดยปฏิบัติการรื้อถอนรีสอร์ทผิดกฎหมาย และการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของศาลอาญาใน 3 กรณี ได่แก่ 1. เป็นคดีอาญาที่ศาลพิจารณาเป็นที่สิ้นสุดแล้ว และสั่งให้จำเลยพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่มีจำนวน 1 แห่ง ในอำเภอนาดี ถือเป็นการรื้อถอนรีสอร์ทรายใหญ่ที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน คือ “ทะเลหมอก” ซึ่งมีสิ่งปลูกสร้าง 36 รายการบนเนื้อที่ 65 ไร่ 2. เป็นคดีอาญาที่ศาลพิจารณาเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่อัยการไม่สั่งฟ้องเจ้าของ เนื่องจากขาดเจตนา ไม่มีผู้กระทำผิดจำนวน 3 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่อำเภอนาดี และ 3. เป็นคดีที่ยังอยู่ในขบวนการพิจารณาของศาล แต่ทางกรมอุทยานฯ ได้ใช้อำนาจตาม มาตรา 22 แห่ง พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พุทธศักราช 2504 จำนวน 5 ราย ในพื้นที่ อำเภอนาดี และวังน้ำเขียว
“อยากให้สื่อออนไลน์ตามข่าวนี้กันให้มากขึ้น ไม่ควรจะปล่อยให้พวกชั่วช้า กินป่าไม้ ทำการข่มขู่เจ้าหน้าที่เยี่ยงนี้ครับ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ครับ ขออนุญาตกระจายข่าวเพิ่มนะครับ”
“ดีแล้วครับที่บุกรื้อและบุกจับพวกบุกรุกอุทยานแห่งชาติ แต่ยังมีอีกที่ครับที่ท่านอธิบดียังไม่ไปจับและรื้อและไล่พวกมันออกไปครับท่านอธิบ่อดีครับที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารไงครับอย่างนี้เรียกว่า 2 มาตรฐานครับท่าน”
“ป่าไม้เป็นของคนไทยทั้งชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง หวังจะฮุบแผ่นดินของชาติมาเป็นของตัวเอง ท่านทำถูกแล้วครับ ใช้คน 5000 คน หรือซักกี่คนก็ไม่สนเพราะเดี๋ยวนี้ สังคมเรา มีพวกแบบนี้ อยู่มาก ไม่พอใจอ่ะไรเอาคนมาประท้วง ปิดถนน สู้ๆๆครับท่าน”
“แล้วที่เกาะช้างหมู่บ้านบางเบ้าปลูกลงทะเลศาลสั่งลื้อไปแล้ว ก็ก่อสร้างใหม่อีก เจ้าหน้าที่อุทยานรับเงินไปอีกรอบแล้ว ผู้ว่าตราดเงียบกริบ อยู่รอเกษียณทั้งนั้น”
“มันเป็นมุมมองระหว่างประโยชน์ของส่งวนรวม กับ ส่วนตน การซื้อที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ โฉนด แสดงว่าผู้ซื้อตกลงใจที่จะรับความเสี่ยงตั้งแต่ต้นแล้ว อย่าอ้างว่าไม่ทราบกฏหมายก็แล้วกัน”
เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจกับเหตุการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งครั้งนี้ผู้ก่อการร้ายที่ปัตตานี 16 คน ขับรถกระบะ 3 คัน กราดยิงทหารหน่วยเฉพาะกิจขณะขี่รถจักรยายนต์ 3 คัน กลับฐานปฏิบัติการ จนเกิดการปะทะกัน 5 นาทีบนถนนสาย 406 มายอ-ปาลัส บ้านดูวา หมู่ที่ 3 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานีส่งผลให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย คือ สิบเอกลือชัย จุลทอง, พลทหารเอกรัตน์ สีดองไม้, พลทหารภาชิม หงส์มาก, พลทหารเบญจรงค์ ศรีแก้ว และผู้บาดเจ็บ 2 นาย คือ สิบเอกปรีดา นพคุณ, พลทหารอาคม ชูกล่อม ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมายอ จ.ปัตตานี ก่อนผู้ก่อการร้ายจะหลบหนี พร้อมนำอาวุธปืนเอ็ม 16 ของเจ้าหน้าที่ไปด้วย จำนวน 4 กระบอก
ทั้งนี้ จากภาพข่าวที่เห็น ดูอุกอาจและยังสร้างความหวั่นใจ ถึงเหตุการณ์ที่ยังคงหาความสงบไม่ได้ในพื้นที่ทางใต้ของไทย ซึ่งทุกครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงเช่นนี้ ชาวไทยที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ก็ได้แต่เพียงส่งกำลังใจและแสดงความห่วงใยอยู่เสมอ ได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะมีวิธีการจัดการ และสร้างความสงบให้ดินแดนด้ามขวานของไทยอยู่อย่างสงบสุข ไม่มีการเสียเลือด เสียเนื้อ เช่นนี้อีกต่อไป
“โจ่งแจ้งมาก อยู่บนถนน เด่นชัด ไม่มีอะไรกำบังเลย ”
“ขอไว้อาลัยให้กับทหารกล้าทุกนาย และขอให้พวกที่ยิงทหารที่ไม่รู้สำนึกบุญคุณในบ้านเกิดของตัวเองทั้งที่ทหารคอยปกป้อง และช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด ให้ความชั่ว เหล่านั้น กลับมาโดนกับพวกและคนรักของตัวเองบ้างจะได้รู้สึกว่าการสูญเสียเป็นยังไง”
“ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนทำความดี แต่พวกคนเหล่านี้ทำคนบริสุทธิ์ตาย ส่วนนึงก้ออยากได้ จังหวัดทางใต้ อีกส่วนนึงก็แค้น ที่มีคนไปสั่งค่าตัดตอนพ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ที่พวกเขานับถือ สมัยนายก…………….????”
“ขอให้พวกที่ทำจงพบจุดจบอย่างทรมานในเร็ววัน ขอให้ทหารที่เสียชีวิตสู่สุขติขอให้ทหารผู้รอดชีวิตจงเข็มแข็ง”
“ทำไมเหตุการณ์พวกนี้ไม่หมดไปจากประเทศไทยซะที ถ้าพวกเขาไม่อยากเป็นคนไทยก็ไปให้หมด เห็นทหารตำรวจต้องมาตายกันฟรีๆ อย่างนี้แล้วเสียใจมาก คิดถึงพ่อแม่พี่น้องของเหล่าทหารกล้าหล่ะเขาจะเป็นอย่างไรบ้างขอให้ทุกดวงวิญญาญที่เสียสละชีวิตเพื่อคนไทยส่วนใหญ่จงสู่สุขติด้วยเถิด ทำอย่างนี้ขอให้ได้รับผลกรรมมากกว่าที่พวกนั้นทำกับทุกคนร้อยเท่าพันเท่าด้วยเถิด”
“รัฐบาลทำไรอยู่ ไปหาเอกสารการหนีทหาร หรือหาวิธีแก้ไข พรบ.อยู่เหรอ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปัญหาภาคใต้ฆ่าคนทั้งคนดีมีมานานนม ไม่เห็นมีรัฐบาลคนไหนแก้ได้ซักคน กฎหมายเมืองไทย อ่อนแอเกินไปนะ”
เรื่องที่ห้า ของสัปดาห์นี้ ทำเอาอึ้งทั้งงาน เมื่อนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ของฮ่องกง วัย 31 ปี “กลอเรีย หวัง” ยอมถอดชุดชั้นในที่ตนสวมใส่อยู่ พร้อมกับคล้องคอให้แฟนคลับหนุ่มเสร็จสรรพ มอบเป็นของขวัญพิเศษ ในงานเปิดตัวอัลบั้มรวมภาพถ่ายเล่มใหม่ พร้อมกับพูดทั้งรอยยิ้มว่า “กางเกงในที่ให้ไปยังมีไออุ่นจากร่างกายของเธอติดอยู่เลย” ท่ามกลางเสียงฮือฮาของสื่อมวลชนและบรรดาผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง
แต่การกระทำของเธอในครั้งนี้ ก็สร้างกระแสแอนตี้ และคำวิจารณ์ในแง่ลบจากสังคมโซเชียลมีเดียมากมายทีเดียว เพราะดูแล้วเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่จะทำต่อหน้าสาธารณชนอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ กลอเรีย หวัง เป็นสาวอีกคนที่โด่งดังขึ้นมาจากข่าวพัวพันกับนักแสดงหนุ่มจอมอื้อฉาว เฉินกว้านซี เมื่อปี 2008 แม้จะไม่ได้มีภาพของเธอปรากฏขึ้นมาในเหตุการณ์ แต่จากการให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวก็ทำให้เธอกลายเป็นนางแบบชื่อดังขึ้นมาทันที นอกจากนี้เธอยังเคยกล่าวด้วยว่า หลังขาดการติดต่อกันไป เฉินกว้านซี ยังส่งข้อความมาขอขึ้นเตียงด้วย แต่เธอปฏิเสธไป จนกลายประเด็นฮอตขึ้นมา ซึ่งก็เกิดข้อสงสัยว่า กลอเรีย หวัง อาจจะใช้ชื่อของ เฉินกว้านซี สร้างกระแสให้ตัวเองดังก็เป็นได้ ก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลทีเดียว
“ถ้าเห็นรูปถ่ายที่มีครบทุกช็อต จะรู้ว่านี่เป็นการโปรโมตชุดว่ายน้ำนะ เค้าใส่ชุดบิกินี่ทับชุดชั้นใน ที่ถอดให้ก็ชุดบิกินี่จ้า”
“กางเกงใน 2 ชั้น และบราเนี่ย มีซิลิโคน อีกชั้นอยู่ สรุปเจ้แกเตรียมมาสร้างกระแสแค่นั้นแหละ แค่นี้ก็ได้ออกข่าวทั่วโลกสมใจ”
“สงสารพ่อแม่คุณเธอจังเหมือนคนไม่ได้รับการศึกษา เสื่อมจังสังคมปัจจุบัน”
“ผมว่าจัดฉากนะ หรืออาจะไม่ก็ได้ 70/30ตกลงให้เสื้อในด้วยไหมที่คลองคอมันเสื้อในนะ ถ้ามีใครเอากางเกงในมาคล้องคอเรา เราคงแบบว่า อืมนะ ของต่ำของสูง”
“ทำไปได้ เพื่อสร้างกระแสให้ตัวเองเท่านั้น เนี่ยนะคนเรา”