ThaiPublica > จับเท็จ: บุคคล > บุคคลสาธารณะ > สุเทพ เทือกสุบรรณ

สุเทพ เทือกสุบรรณ

18 กันยายน 2014


อดีตนักการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปัจจุบันบวชเป็นพระ)

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานีหลายสมัย เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการในหลายกระทรวง

ในวัยหนุ่มสุเทพเคยดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยวุฒิการศึกษา ระดับปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา ทำให้จนถึงขณะนี้ บางครั้งยังมีคนเรียกว่า “กำนันสุเทพ” ปัจจุบันบวชเป็นพระ ได้รับฉายา “ประภากะโร” แปลว่าผู้กระทำซึ่งแสงสว่าง

ประวัติ

สุเทพ เทือกสุบรรณ เกิดวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 เป็นบุตรนายจรัส เทือกสุบรรณ กำนันตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนางละม้าย เทือกสุบรรณ มีพี่น้องท้องเดียวกัน 6 คน คือ สุเทพ ศิริรัตน์กับรัชนี (เป็นคู่แฝด) เชน จิราภรณ์ ธานี และกิ่งกาญจน์ เทือกสุบรรณ

สุเทพ เทือกสุบรรณสมรสครั้งแรกกับ นางจุฑาภรณ์ เทือกสุบรรณ มีบุตรธิดา 3 คน คือ แทน เทือกสุบรรณ น้ำตาล เทือกสุบรรณ และน้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ ภายหลังภรรยาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ต่อมาได้สมรสใหม่กับศรีสกุล พร้อมพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา (อดีตภรรยาของนายพรเทพ เตชะไพบูลย์) และได้รับบุตรของนางศรีสกุลที่เกิดจากนายพรเทพมาเป็นบุตรบุญธรรม 3 คน คือ สิทธิพัฒน์ เตชะไพบูลย์ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ และน.ส.ธีราภา พร้อมพันธุ์

 

การศึกษา

  • ระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2515
  • สำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาโท M.A. Political Sciences จาก Middle Tennesse State University ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2518

 

การทำงาน: นักการเมืองท้องถิ่น

หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทกลับมา สุเทพได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กำนันตำบลท่าสะท้อน ต่อจากผู้เป็นบิดา และชนะเลือกตั้ง ทำให้ได้เป็นกำนันขณะมีอายุได้ 26 ปี โดยมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโทจากต่างประเทศ

 

การทำงาน: นักการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

สุเทพ เข้าสู่วงการเมืองระดับประเทศ ได้เป็น ส.ส. จังหวัดสุราษฎร์ธานีสมัยแรกเมื่อปี พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นสามารถชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องหลายสมัย และดำรงตำแหน่งสำคัญระดับรัฐมนตรี คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

 

หลังการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรคครั้งใหญ่ สุเทพได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรค และพอดีกับมีบทบาทอย่างมากในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 โดยเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้องพรรคไทยรักไทย และต่อมาพรรคไทยรักไทยถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค

 

ในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี พ.ศ. 2551 ซึ่งสุเทพเป็นผู้ที่มีบทบาทในการประสานงานจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้น จนได้รับการขนานนามว่า "ผู้จัดการรัฐบาล" และได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 สุเทพลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง วินิจฉัยการถือครองหุ้นของเขาผิดรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม

 

ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 สุเทพ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพื่อกลับไปลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง แทนตำแหน่งที่ว่างลง[ต้องการอ้างอิง]ซึ่งการเลือกตั้งดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นที่มาของการถูกมองว่าสุเทพต้องการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง ในกรณีที่ถูกยุบพรรค ภายหลังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงได้กลับเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

 

แกนนำ กปปส.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำการประท้วงและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ก่อตั้งกลุ่มดังกล่าวตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 และแต่งตั้งตนเองเป็นเลขาธิการขบวนการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์การ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มนักเคลื่อนไหวนักศึกษา สหภาพแรงงานของรัฐ และกลุ่มนิยมทหาร

 

การสนับสนุนของ กปปส. ส่วนใหญ่มาจากชาวกรุงเทพมหานครและชาวภาคใต้ที่มีฐานะร่ำรวย กปปส. มิได้ใช้สัญลักษณ์สีเสื้อแทนตัวเอง แต่ใช้การเป่านกหวีดเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงครั้งนี้ นอกจากนี้กปปส.ใช้งบประมาณวันละกว่า 10 ล้านบาท สื่อต่างประเทศรายงานว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนสถาบันกษัตริย์ และลักษณะของการชุมนุม "เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย"

 

โดยนายสุเทพ ได้ประกาศเจตนาของ กปปส. เพื่อทวงอำนาจอธิปไตยจากรัฐบาลมาคืนประชาชน ซึ่งจะดำเนินการปฏิรูปประเทศผ่านสภาประชาชนที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง สุเทพยังประกาศจะขจัดสิ่งที่ตนเรียกว่า "ระบอบทักษิณ" นายสุเทพกล่าวว่าสภาประชาชนทำหน้าที่เป็นองค์กรนิติบัญญัติ โดยจะแก้ไขกฎหมายและระเบียบ เช่นเดียวกับดำเนินแผนการปฏิรูปในประเทศ เขายังอธิบายว่าสภาประชาชนจะมีสมาชิก 400 คน โดย 300 คนเป็นผู้แทนจากอาชีพต่าง ๆ และอีก 100 คนที่เหลือ กปปส. จะเลือกจากนักวิชาการและราษฎรอาวุโสซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ

 

อุปสมบท

วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ทวีตภาพและข้อความผ่านทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า สุเทพได้ตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบแล้ว ที่วัดท่าไทร และไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์ (สวนโมกขพลาราม) จ.สุราษฎร์ธานี โดยข้อความที่นายเทพไทได้ทวีตข้อความมีใจความว่า "ลุงกำนันตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบ ที่วัดท่าไทร และจะไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์ ขออนุโมทนาบุญกับหลวงลุงด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ"

 

โดยเมื่อคืนวันที่ 14 กรกฎาคม สุเทพพร้อมญาติ 1 คน เดินทางมาพบพระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดท่าไทร และเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี แจ้งความประสงค์จะขอบวชโดยบอกว่าไม่มีภาระอะไรแล้ว จะขอบวชเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้และไม่บอกใคร

 

ทั้งนี้ พระเทพพิพัฒนาภรณ์ ได้โกนผมให้ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางคืนและนอนพักที่กุฏิเจ้าอาวาสกับญาติผู้น้อง กระทั่งได้ฤกษ์อุปสมบทเมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 15 กรกฎาคม มีผู้อยู่ในโบสถ์ประกอบพิธีกัน 3 คน พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และให้ฉายาว่า "ประภากะโร" แปลว่าผู้กระทำซึ่งแสงสว่าง เมื่อบวชแล้วเสร็จห่มผ้าเหลืองเดินออกประตูโบสถ์มา มีพระลูกวัดมาพบเข้าพอดีได้ขอถ่ายรูปจนมีการส่งต่อๆ กัน

 

ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/

ภาพจาก https://www.facebook.com/suthep.fb

 

Homepage:

https://www.facebook.com/suthep.fb

ป้ายคำ :