SDGs จากผืนดิน
สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งปร […]
สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งปร […]
กระบวนทางปัญญาและความรักที่ขาดหาย แสวงหาได้จาก “Star Trek”! ต้องก้าวข้ามอคติทางวัฒนธรรมซึ่งเป็นความรุนแรงเป็นสิ่งที่ต้องผ่านพ้นไปให้ได้
เป้าหมายการต่อสู้ปัญหาโลกร้อนอยู่ที่ไหน…“เรา” ยังมีโอกาสกอบกู้โลกจากหายนะโลกร้อนและการสูญพันธุ์สรรพชีวิตได้ !!
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมแบบไหนที่รับมือกับสภาวะโลกร้อนได้…กลไกเศรษฐกิจที่ควรจะเป็นจึงไม่ใช่เศรษฐกิจตลาดเสรี แต่ก็ไม่ใช่เศรษฐกิจผูกขาดไม่ว่ารัฐหรือเอกชน แต่เป็นเศรษฐกิจส่วนรวมและแบ่งปันที่สร้างจากเศรษฐกิจฐานล่าง
กฤษฎา บุญชัย สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ชุมชนริมฝั่งโขง ช […]
วิกฤติโควิด นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดพื้นที่ใหม่ทั้งที่เป็นโอกาสและสิ่งท้าทาย ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ นักพัฒนาสังคม นักวิชาการ ภาคเอกชน ภาครัฐ ควรอาศัยสถานการณ์นี้การทบทวนความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงทบทวนความล้มเหลวของการแก้ปัญหาเพื่อกลับไปแบบเดิมซึ่งได้รับการพิสูจน์หลายครั้งว่าล้มเหลว ชุมชนท้องถิ่นมีแต่จะยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
วิกฤติ COVID-19 สร้างหายนะและความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติว่าเราจะอยู่รอดต่อไปในอนาคตได้หรือไม่ วิกฤติคราวนี้เป็นบทเรียนให้สังคมโลกและไทยต้องปรับตัวขนานใหญ่ เพราะแม้หากเราจะผ่านไวรัสนี้ไปได้ อนาคตก็อาจจะเจอโรคระบาดใหม่ๆ หรือภัยพิบัติใหม่ เช่น โลกร้อน ที่จะทำให้สังคมมนุษย์ล่มสลายในที่สุด สังคมโลกและไทยต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง เริ่มต้นจากบทเรียนทางการเมือง
ไม่ว่าซ้ายหรือขวาหรือตรงกลาง ล้วนล้มเหลวทั้งสิ้น ไม่มีแนวคิดทางการเมืองการปกครอง หรือโครงสร้างทางเศรษฐกิจใดที่สามารถยับยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือสร้างโลกที่ยั่งยืนได้
ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หากไม่มีกระบวนการให้ประชาชนได้ร่วมปรึกษาหารือ ถกแถลงเพื่อแสวงหาทางเลือกที่ยอมรับร่วมกัน สร้างพื้นที่ปฏิบัติการทางสังคม ออกแบบแนวทางการพัฒนา ทดลองจัดการปัญหา โครงสร้างการพัฒนาที่ผูกขาดโดยรัฐราชการไทยไม่เพียงทำลายศักยภาพของรัฐเองในการจัดการปัญหา ยังปิดกั้นประชาชนที่จะสร้างทุนทางสังคมในการเรียนรู้จัดการปัญหาของตนเอง
ความหวังในการกอบกู้โลกให้พ้นวิกฤติโลกร้อนจึงอยู่ที่การสร้างพลเมืองที่ตื่นรู้ต่อสู้สภาวะโลกร้อน ที่พร้อมปรับพฤติกรรมลดการปล่อยก๊าซ และร่วมในการขับเคลื่อนเกิดเป็น climate strike ทั้งในท้องถิ่น ประเทศ และทั่วโลก เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างนโยบายการจัดการพลังงาน อุตสาหกรรม ให้มีความรับผิดชอบและสร้างความเป็นธรรมในการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้ นำเอาสิทธิ เสรีภาพ ความเป็นธรรม ซึ่งก็คือประชาธิปไตยของประชาชนต่อสภาวะอากาศกลับคืนมา
การเปลี่ยนแปลงเชิงกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่ไม่ได้มาจากนักวิชาการเกษตร นักวิทยาศาสตร์ หรือนักเศรษฐศาสตร์ใดๆ แต่มาจากเกษตรกรรายย่อยหลายคนที่ล้มเหลวจากเกษตรเคมี ต้องหาทางรอดของชีวิต เกิดการเรียนรู้ถึงขั้นก้าวข้ามกระบวนทัศน์มาสู่กระบวนทัศน์เชิงนิเวศ
พลังทางปัญญาที่เปลี่ยนแปลงโลกไม่เคยขึ้นไปบน “หิ้ง” จึงไม่ต้อง “ลงหิ้ง” ดังนั้นสถาบันส่งเสริมวิชาการต่างๆ สามารถออกจากโครงสร้างความรุนแรงได้ด้วยการเปลี่ยนกระบวนทัศน์การสร้างการวิจัยนโยบายสาธารณะเสียใหม่ ด้วยการไม่สร้างระบบวิจัยที่แยกขาดออจากสังคม แต่ควรมุ่งส่งเสริมระบบ กระบวนการปัญญาสาธารณะขึ้นมาอย่างเป็นระบบ
พลังทางวิชาการของภูมิอากาศวิทยาจะมีความหมายเมื่อใช้อธิบายปัญหาความรุนแรงเชิงโครงสร้าง ตรวจสอบกฎหมาย นโยบาย โครงการที่ทำลายนิเวศและฐานทรัพยากรของประชาชน อธิบายบทบาทคุณค่าของชุมชน พลเมืองที่ปกป้องนิเวศ อาหาร สิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้กอบกู้โลกจากสภาวะโลกร้อน และตีแผ่ให้เห็นความไม่เป็นธรรมในการใช้นิเวศและภาระสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคมที่ประชาชนแบกรับ
62 รามอินทรา 5 แยก 3 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220
โทร. 02-9706998 | อีเมล [email protected]