ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > ปรากฏการณ์จีนในเชียงใหม่ (ตอนที่ 1) เส้นทางการย้ายถิ่นฐานของคนจีนสู่เชียงใหม่

ปรากฏการณ์จีนในเชียงใหม่ (ตอนที่ 1) เส้นทางการย้ายถิ่นฐานของคนจีนสู่เชียงใหม่

22 พฤศจิกายน 2017


นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ที่มาภาพ : นายธุววิช ปานเกิด

เมืองเชียงใหม่ในวันนี้แตกต่างจากเชียงใหม่เมื่อวันวานอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ จากเดิมเมืองแห่งการท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ เต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันชวนหลงใหล ให้มาเยือน จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรปและอเมริกา อาจมีทางโซนเอเซียบ้าง แต่ไม่มากมายเท่ากับปัจจุบันนี้ จะเป็นชาติใดไปไม่ได้ นอกจากนักท่องเที่ยวชาวจีน

พูดถึงคนจีนในเชียงใหม่ ในทุกวันนี้มีมากมายจนนับไม่ถ้วน อาจจะเหมารวมว่าเป็นนักท่องเที่ยวทั้งหมดไม่ได้ เพราะพฤติกรรมของคนจีนในเชียงใหม่มีหลากหลายกลุ่ม ที่หลั่งไหลเดินทางเข้ามาสู่เมืองเชียงใหม่ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว กลุ่มที่เดินทางมาท่องเที่ยวแล้วก็เดินทางกลับไปใช้ชีวิตตามปกติในบ้านเกิดเมืองนอนของตน นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงเดินทางสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปมา ทำให้กระแสการท่องเที่ยวไทยตื่นตัว กับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่คนจีนอีกกลุ่มเริ่มจากการมาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว พาลูกน้อยอายุไม่เกิน 10 ปีมาท่องเที่ยวด้วย เที่ยวไปเที่ยวมาติดใจเสน่ห์เชียงใหม่กับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเมืองจีน ค่าครองชีพที่ถูกกว่า โดยเฉพาะชนชั้นกลาง ใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงใหม่ได้สบาย ไม่ต้องแออัดยัดเยียดเหมือนเมืองใหญ่ๆ ในจีนหรือแม้กระทั่งกรุงเทพฯ ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้คนจีนชั้นกลางที่มีการศึกษา เป็นกลุ่มที่เริ่มขยับขยายนำพาครอบครัวมาปักหลักลงฐานที่เชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้มาแบบคนจีนรุ่นเก่าแบบเสื่อผืนหมอนใบ มาทำงานใช้แรงงาน และต่อสู้ชีวิตจนกลายเป็นเจ้าสัว แต่คนจีนรุ่นใหม่ มีการคิดวางแผนเป็นขั้นตอน พร้อมที่จะเสี่ยงในการลงทุน

ดังนั้น ระยะทางระหว่างจีนกับเชียงใหม่ไม่ได้เป็นอุปสรรค ตรงกันข้าม กลับสะดวกสบายทั้งทางรถยนต์และเครื่องบิน โดยคนจีนกลุ่มนี้เล็งเห็นช่องทางการเข้ามาทำธุรกิจร่วมกับคนไทยเชื้อสายจีน ที่เดิมนิยมค้าขายกันตามตะเข็บชายแดนแถบแม่สายและเชียงของเป็นต้น

การเข้ามาของคนจีนกลุ่มนี้ ขึ้นอยู่กับสถานะทางเศรษฐกิจ ถ้ามีกำลังซื้อสูง เข้ามาพร้อมเงินทุนก้อนใหญ่ และไม่ได้เข้ามาค้าขายตามตะเข็บชายแดนเพียงอย่างเดียว หากแต่ได้แพร่กระจายขยายฐานการค้าขายสู่เมืองอันเป็นศูนย์กลางความเจริญของภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ ด้วยการซื้อบ้านจัดสรรในเชียงใหม่ในนามผู้ถือหุ้นคนไทยเชื้อสายจีน ซื้อไว้ทำเป็นบริษัทหรือสำนักงานสาขาในเมืองไทย

ขณะเดียวกันก็อยู่อาศัยไปพร้อมกัน โดยให้คนในครอบครัวมาอยู่ เช่น หัวหน้าครอบครัวมีธุรกิจอยู่ที่เมืองจีน ก็ส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติ ให้ภรรยาทำหน้าที่ดูแลลูก โดยมีรูปแบบเช่นนี้ กระจายไปยังหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม รวมทั้งโรงเรียนนานาชาติต่างๆ ตั้งแต่ระดับประถมถึงระดับมัธยมทั้งตอนต้นและตอนปลาย ด้วยค่าเทอมที่ค่อนข้างสูงตั้งแต่ห้าถึงหกหลัก บางโรงเรียนเพียงมีเงินจ่ายค่าเทอมก็สามารถเข้าเรียนได้ บางโรงเรียนต้องสอบแข่งขันวัดความรู้ภาษาอังกฤษจึงจะมีสิทธิ์เข้าเรียน คนจีนกลุ่มนี้จึงให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษของลูกหลาน แม้ค่าใช้จ่ายในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ แต่ละสถาบันจะมีราคาสูงก็ตาม บางโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนชาวจีนมากกว่า 50 % เมื่อเทียบกับนักเรียนชาติอื่นๆ ทั้งในยุโรป อเมริกา และโซนเอเชีย เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลี ส่งผลให้จำนวนนักเรียนชาวจีนในเชียงใหม่มีมากถึง 500 คน

บางกลุ่มที่ยังไม่แน่ใจว่าจะปักหลักในเชียงใหม่ดีหรือไม่ หรือธุรกิจการค้ายังไม่ค่อยมั่นคงเท่ากลุ่มแรก หรืออาจมีกำลังซื้อไม่เท่ากลุ่มแรก จะเข้ามาแบบชิมลางก่อน กลุ่มนี้จะเข้ามาเช่าบ้านหรือที่อยู่อาศัยแบบทำสัญญาอยู่ยาวนาน และมักอาศัยรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม แล้วใช้บ้านเช่าเปิดเป็นบริษัทหรือสำนักงานในการทำธุรกิจประเภทต่างๆ ซึ่งมาในรูปแบบคล้ายกลุ่มแรก คือ ส่งลูกหลานมาเรียนโรงเรียนนานาชาติเช่นกัน ต่างกันตรง ไม่ลงทุนกับที่อยู่อาศัย แต่กล้าที่จะเลือกลงทุนทางการค้าและการศึกษาของลูกหลาน กลุ่มหลังนี้เมื่อสถานะทางเศรษฐกิจหรือธุรกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง มีโอกาสและช่องทางในการทำมาหากินที่มั่นคงดีแล้ว จะเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเช่าบ้านเป็นการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยแทน แล้วตามด้วยการนำพาครอบครัวจากจีนย้ายลงมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่อย่างถาวร

ดังนั้น การดำเนินชีวิตอยู่ในเชียงใหม่อย่างมีความสุข เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีอิสระเสรีกว่าที่อยู่ในเมืองจีน จะเห็นได้จาก เมื่อกลุ่มหนึ่งมาได้ กลุ่มต่อๆ ไปก็ตามมา ไม่เพียงเท่านั้น คนจีนกลุ่มนี้ไม่ได้ทิ้งบ้านของตนและธุรกิจในเมืองจีน แต่กลับเพิ่มบ้านและธุรกิจในเชียงใหม่ควบคู่กัน ถ้าเป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจส่งออกสินค้ามายังเมืองไทย กลุ่มนี้ก็จะมองการณ์ไกล นำสินค้าจากเมืองไทย ที่คนจีนต้องการ จำพวกสินค้าเกษตร พืชผักผลไม้ ส่งกลับไปขายคนจีนในเมืองจีนอีกต่อหนึ่ง เรียกได้ว่าทำธุรกิจทั้งนำเข้าและส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ

นอกจากนี้แล้ว สำหรับภรรยาที่ถูกส่งมาดูแลลูกหลานที่เรียนหนังสือตามโรงเรียนนานาชาติ นอกจากจะทำหน้าที่ดูแลลูกหลานตนเองแล้ว ยังช่วยครอบครัวที่เมืองจีนทำการค้าเมื่อสบช่องทางในการค้าขายเห็นโอกาสทางการตลาด โดยทั่วไปคนจีนมีความถนัดในการค้าขายเป็นทุนอยู่แล้ว จึงเป็นการง่ายที่จะสรรหาสินค้าไทยที่มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะสินค้าโอทอปคุณภาพดี ราคาถูก หรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่ส่งกลับไปขายในเมืองจีน จึงเป็นเหตุให้สินค้าไทยในหลากหลายประเภทขายดิบขายดีจนผลิตแทบไม่ทัน เพราะออร์เดอร์จากคนจีนที่อยู่ในเชียงใหม่นี่เอง ซื้อด้วยต้นทุนถูกแต่ไปขายในราคาแพง กำไรที่ได้จึงสะพัดเข้ากระเป๋าคนจีนด้วยประการฉะนี้ ถึงแม้คนไทยจะขายของได้ก็จริงอยู่ แต่ถ้าคนไทยเป็นคนส่งออกสินค้าไทยแทนคนจีนที่มาอยู่ไทย แล้วทำส่งออกสินค้าไทยแทนคนไทย คงจะดีกว่านี้แน่

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่คนไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องลงมามองปรากฏการณ์จีน ไม่เพียงแค่ในเชียงใหม่ เพราะปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในทุกเมืองใหญ่ๆ ทั่วไทยไปแล้ว ข้อมูลที่น่าตกใจคือกลุ่มคนจีนบางครอบครัวได้วางแผนส่งลูกหลานไปเรียนต่อระดับอุดมศึกษายังต่างประเทศทั้งในแถบเอเชีย ยุโรป และอเมริกา เมื่อจบการศึกษากลับมาแล้วก็จักมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวที่วางรากฐานไว้อย่างแน่นหนาในเมืองสำคัญๆ ของประเทศไทยต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน