ข่าวประชาสัมพันธ์
กระทรวงสาธารณสุขยกระดับ “หมอพร้อม” จากบริการด้านโควิด สู่แอปพลิเคชันด้านสุขภาพเพื่อคนไทย ร่วมมือกสิกรไทย INET สภากาชาดไทย เอสซีจี โลจิสติกส์ ปรับโฉมใหม่ให้เชื่อมต่อและเข้าใช้งานง่ายขึ้น พัฒนา 12 ฟีเจอร์หลัก ช่วยแสดงข้อมูลสุขภาพ เชื่อมต่อระบบ e-Payment ทยอยเปิดใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ช่วงสิงหาคมนี้ และใน LINE OA เดือนกันยายน
วันนี้ (25 กรกฎาคม 2565) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายกฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET และนายอุดร คงคาเขตร กรรมการผู้จัดการธุรกิจ B2B2C บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือการพัฒนา “หมอพร้อม” สู่ Digital Health Platform ของประเทศไทย
ดร.สาธิต กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พัฒนา “หมอพร้อม” จากเดิมที่ให้บริการเกี่ยวกับโรคโควิด 19 และวัคซีนโควิด 19 ยกระดับให้เป็นแอปพลิเคชันด้านสุขภาพ Digital Health Platform สำหรับคนไทยที่สะดวกสบายและช่วยให้เข้าถึงบริการง่ายขึ้นกว่าเดิม และเพิ่ม 12 ฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น เชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษา การตรวจสอบสิทธิรักษา การนัดหมายแพทย์ Telemedicine การให้บริการใบรับรองแพทย์และใบรับรองสุขภาพแบบดิจิทัล การพัฒนาระบบชำระเงินออนไลน์ พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยบริการสุขภาพทุกสังกัด ช่วยสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี โดยจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งเพื่อคนไทย ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน “หมอพร้อม” รวมกว่า 32 ล้านคน เชื่อว่าจะเป็นช่องทางที่เข้าถึงประชาชนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้กับระบบบริการสุขภาพของประเทศได้เป็นอย่างดี
นพ.โสภณ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขพัฒนาระบบหลังบ้านของหมอพร้อมให้รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนจากหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ ทุกสังกัด ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คลินิก และร้านยา ปัจจุบันเชื่อมโยงแล้วกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้านสุขภาพและการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากล ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.)
สำหรับการพัฒนาฟีเจอร์สำหรับประชาชนบนหมอพร้อม ทั้งแอปพลิเคชันและ Line OA ประกอบด้วย 12 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ 1.ใบรับรองโควิด 19 แสดงประวัติและรายละเอียดการฉีดวัคซีน รองรับการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ 2.ผลตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทั้ง ATK/RT-PCR 3.ค้นหาหน่วยบริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทั้ง ATK/RT-PCR 4.เช็กอินผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยระบบ Beacon โดยเปิดบลูธูทและตำแหน่งที่ตั้งก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ ที่กำหนดให้แสดงสถานะสุขภาพเกี่ยวกับโควิด 19 5.ใบรับรองสุขภาพดิจิทัล สามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF ไปใช้ประกอบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ 6.บริจาคออนไลน์ ทั้งบริจาคเงินโดยตรงกับโรงพยาบาล บริจาคอวัยวะ ดวงตา และร่างกาย
7.แชทกับหมอพร้อม ตอบคำถามและสื่อสารความรู้สุขภาพกับประชาชนแบบอัตโนมัติ 8.ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่เกี่ยวกับหมอพร้อม นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ข่าวสารสุขภาพต่างๆ 9.ประวัติสุขภาพ รองรับการตรวจสอบข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล อาทิ ประวัติการรักษาพยาบาล/การส่งต่อการรักษา 10.นัดหมายออนไลน์ล่วงหน้า เพื่อเข้ารับบริการกับโรงพยาบาลและคลินิกที่เข้าร่วม 11.เช็คสิทธิการรักษาภาครัฐและประกันสุขภาพของเอกชน และ 12.Telemedicine ให้บริการสุขภาพและคำปรึกษาทางการแพทย์แบบทางไกล ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดจะทยอยเปิดให้บริการผ่านแอปพลิเคชันในเดือนสิงหาคม และ LINE OA เดือนกันยายนนี้ โดยจะมีการปรับฟีเจอร์ให้เหมาะสมในแต่ละแพลตฟอร์มตามความสะดวกในการใช้งานและระดับความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพประชาชนด้วย
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” เป็นระบบฐานข้อมูลกลางบริหารจัดการข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยช่วงแรกใช้เป็นเครื่องมือติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีน ต่อมามีการเปิดจองคิวเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค และประชาชน พร้อมออกใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19 ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศคือ 32 ล้านคน เป็นโอกาสที่จะพัฒนาต่อยอดให้เป็น Digital Health Platform ของประเทศได้ จึงร่วมมือกับทุกภาคส่วนพัฒนาระบบ เพื่อยกระดับการให้บริการสุขภาพ เพิ่มศักยภาพหน่วยบริการ ช่วยลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย และเป็นช่องทางสื่อสารกับประชาชนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนทั้งการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการสุขภาพ
นายกฤษฎา กล่าวว่า สภากาชาดไทยในฐานะองค์กรการกุศลระดับชาติ มีคติทัศน์คือ การบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย ซึ่งการบริจาคดวงตาและอวัยวะ เป็นส่วนหนึ่งของการบำบัดโรค โดยดวงตาและอวัยวะที่ได้รับบริจาคจะนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยกระจกตาพิการ ผู้ป่วยอวัยวะวาย ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่นนอกจากการปลูกถ่ายกระจกตา ปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอกระจกตาและอวัยวะกับสภากาชาดไทยอยู่เป็นจำนวนมาก สภากาชาดไทยได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและธนาคารกสิกรไทย พัฒนาระบบการแสดงความจำนงบริจาคดวงตา อวัยวะ ออนไลน์บนแพลตฟอร์มหมอพร้อม จะเป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนที่มีจิตกุศล ได้เข้าถึงการบริจาคดวงตา อวัยวะได้โดยง่าย รวมถึงเป็นการสร้างความรับรู้ ในเรื่องของการบริจาคดวงตา อวัยวะให้อยู่ในวงกว้างเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับผู้ป่วยที่รอคอยการปลูกถ่ายกระจกตาและอวัยวะได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เชื่อว่าการพัฒนาแพลตฟอร์มหมอพร้อมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ตอบสนองต่อพันธกิจของสภากาชาดไทยในการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้
นายพิพิธ กล่าวว่า ด้วยความตั้งใจของธนาคารกสิกรไทย ต้องการเปิดโอกาสให้คนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน และบริการสาธารณสุข ได้มีโอกาสเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง โดยได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกระทรวงสาธารณสุข ในการนำความรู้ ทรัพยากรทั้งด้านบุคลากรและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีร่วมสนับสนุนในด้านต่าง ๆ คือ 1.ด้านการช่วยเหลือในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล และสรุปยอดผู้ติดเชื้อรายวัน 2.ด้านการสนับสนุนเรื่อง Call center หมอพร้อม ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และ 3. ด้านการนำเครื่องมือ BI tools มาช่วยในการทำ Data Analytic เพื่อวางกลยุทธ์ในมิติสาธารณสุขได้อย่างแม่นยำ โดยมุ่งหวังว่าการพัฒนาต่อยอด “หมอพร้อม” โฉมใหม่ในครั้งนี้จะช่วยยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลรัฐ เพื่อให้เป็น Digital Health Platform สำหรับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ธนาคารได้ให้การสนับสนุนเรื่องการจัดทำ Patient Mobile Application ให้แก่ รพ.ภาครัฐหลายแห่ง อาทิ รพ.จุฬาลงกรณ์, รพ.ชลบุรี, 11 โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์การเป็น Smart Hospital และเพิ่มความสะดวกให้แก่คนไข้ที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาล ทำให้คนไทยได้ใช้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ลดภาระระบบสาธารณสุข
นางมรกต กล่าวว่า INET ร่วมพัฒนาระบบหมอพร้อมให้มีการใช้ข้อมูลสุขภาพในรูปแบบ Digital ได้อย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยสนับสนุน Cloud Computing ตามมาตรฐาน Healthcare, พัฒนา Digital Health Pass และ EU DCC ในการออกใบรับรองประวัติการฉีดวัคซีน การตรวจหาเชื้อในรูปแบบดิจิทัล เพื่อใช้เข้าออกสถานที่ ร่วมกิจกรรมต่างๆ ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป 67 ประเทศ, พัฒนาใบรับรองแพทย์ดิจิทัล เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่น สมัครงาน ต่อใบขับขี่ สมัครสอบ ก.พ. เคลมประกันสุขภาพ เป็นต้น และการพัฒนาอื่นๆ เพื่อให้เป็น Digital Health Platform ของคนไทย ได้แก่ ระบบ iClaim เชื่อมระหว่างโรงพยาบาล กับบริษัทประกันภาคเอกชน เพื่อใช้ตรวจสอบสิทธิการรักษาและเคลมประกันสุขภาพ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษา
นายอุดร กล่าวว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบ Logistics บนแพลตฟอร์มหมอพร้อม เน้นความสะดวกรวดเร็วและความปลอดภัยของประชาชน โดยพัฒนาเทคโนโลยีระบบคลังสินค้าและการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบตรวจสอบสถานะการขนส่ง เพื่อรองรับการกระจายสินค้าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะยาและเครื่องมือแพทย์และช่วยอำนวยความสะดวกผู้รับบริการให้ได้รับยาและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทางการแพทย์ โดยส่งตรงไปยังที่พักหรือสถานที่ที่แจ้งความประสงค์ไว้ ทำให้ช่วยลดความแออัดในหน่วยบริการ และลดระยะเวลารอคอยของผู้มารับบริการ นอกจากนี้ ยังพัฒนาพนักงานขับรถให้มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ปลอดภัย เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุให้มากที่สุด โดยควบคุมความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านศูนย์ปฏิบัติการ Logistics Command Center
……..
Ministry of Public Health upgrades Moh Prompt application to be Thailand’s digital health platform, with 12 new features that respond to users’ needs
To elevate the status of the Moh Prompt application, which presently focuses on COVID-19 related services, to be the digital health platform for Thai people, the Ministry of Public Health has worked with KASIKORNBANK (KBank), Internet Thailand Public Company Limited (INET), The Thai Red Cross Society (TRCS) and SCG Logistics Management Co., Ltd. (SCG) in improving the application to ensure easier connection and access through development of 12 main features to display health-related data and link to an e-payment system. The features will be gradually launched via the application in August and be made available in LINE OA in September.
Today (July 25), at the Ministry of Public Health, Nonthaburi, Dr. Sathit Pitutecha, Deputy Minister of Public Health, together with Dr. Sophon Mekthon, Vice Minister of Public Health; Dr. Kiattibhoom Vangrachit, Permanent Secretary of Minister of Public Health; Mr. Grisada Boonrach, Assistant Secretary General of The Thai Red Cross Society; Mr. Pipit Aneaknithi, KBank President; Mrs. Morragot Kulatumyotin, Managing Director of Internet Thailand Public Company Limited (INET); and Mr. Udorn Kongkakate, B2B2C Business Director of SCG Logistics Management Co., Ltd. jointly held a press conference on cooperative efforts in the development of the Moh Prompt application to be Thailand’s digital health platform.
Dr. Sathit said, “The Ministry of Public Health has a policy of supporting the use of digital technologies in the development of health service systems for enhanced quality and efficiency, which can thus be easily accessible to the target groups. We have therefore teamed with other public agencies and the private sector in upgrading the Moh Prompt application to be the digital health platform for Thai people. Until now, the application has offered services related to COVID-19 and its vaccinations. This cooperation aims to provide greater convenience to Thais, allowing them to gain improved access to health-related services. With the aim of elevating quality of life for all Thais, the 12 new features include linkage of treatment history, medical benefit checking service, physician appointment, telemedicine, digital medical certificate and health pass service, and online payment systems, with linkage to all health-related service units, thus effectively facilitating the work of medical personnel. Development of the application will be continuous for the benefit of Thai people. As of now, more than 32 million users have signed up for the Moh Prompt application. We believe that the improved accessibility of this application will make it easier and faster for all users, thus advancing the nation’s healthcare system.”
Dr. Sophon stated that, by means of the Ministry of Public Health’s back-office development, Moh Prompt can now link health-related data of the general public from more than 15,000 medical service units at all levels and establishments across Thailand, including public and private hospitals, Tambon Health Promoting Hospitals, clinics and pharmacies. With cooperation of the National Cyber Security Agency (NCSA) and the Electronic Transactions Development Agency (ETDA), the application is protected by a security system for data and electronic transactions at world-class standards.
As for the development of features for the general public, both the Moh Prompt application and LINE OA consist of 12 key features, including: 1) COVID-19 certificates containing vaccination records and details for domestic and international travel; 2) COVID-19 test results by ATK and RT-PCR; 3) COVID-19 test units by ATK and RT-PCR; 4) check-in via mobile phones with the Beacon system using Bluetooth and location to enter the areas that require the users to provide information about their health status related to COVID-19; 5) digital health certificates that can be downloaded in PDF format for use in electronic transactions; 6) online donations, including direct monetary donations to hospitals, and donations of organs, eyes and bodies; 7) ‘Chat with Moh Prompt’ to answer inquiries and disseminate health-related knowledge to the general public automatically; 8) dissemination of news related to Moh Prompt, policies of the Ministry of Public Health and other health-related news; 9) health records to facilitate the examination of personal health information such as medical history/patient referral; 10) advance online appointment to receive services at participating hospitals and clinics; 11) checking eligibility for medical benefits at public hospitals and under private health insurance policies; and 12) telemedicine offering remote health and medical advisory services. All of the above features will gradually be made available on the Moh Prompt application in August and LINE OA in September 2022. The features will be adjusted to suit each platform in terms of convenience and public health data security.
Dr. Kiattibhoom said that the Moh Prompt application was initially developed by the Ministry of Public Health to serve as the central database system to manage data of COVID-19 vaccinations. In the early stage, the application was used as a tool to follow up on adverse reactions to vaccines, then it was opened for COVID-19 vaccination appointments for medical personnel, people aged 60 years and older, persons with any of seven chronic diseases and the general public, as well as issuance of COVID-19 vaccine certificates. With 32 million total users, Moh Prompt is one of Thailand’s most popular platforms, which could be further developed to become the country’s digital health platform. To this end, the Ministry of Public Health has worked with all parties concerned to enhance the system towards upgrading the health services and potential of service units, while reducing congestion at hospitals and waiting time of patients. In addition, Moh Prompt is expected to be a channel of rapid communications with large numbers of people to accommodate their requirements in relation to health-related information and services.
Mr. Grisada Boonrach, Assistant Secretary General, The Thai Red Cross Society (TRCS), said, “The TRCS, as a national charitable organization, has a mission to alleviate human suffering, providing health services and relief assistance for those affected by disasters. Eye and organ donation is part of our health services. The eyes and organs donated will be transplanted to patients who have corneal deformities and critical organ failures that cannot be treated by any method other than corneal and organ transplantation. Presently, there are many patients registered to receive corneas and organs from the TRCS. We have collaborated with the Ministry of Public Health and KBank in the development of an online donation feature on the Moh Prompt application, aimed at facilitating people wishing to pledge their corneas and organs to give new lives to others, and promoting better public understanding about such donations and their merit. The TRCS believes that the current development of the Moh Prompt application will help facilitate our mission in providing assistance relief for the society and offering the general public easier access to health services, thus helping improve their quality of life.”
Mr. Pipit Aneaknithi, President, KASIKORNBANK (KBank), said, “With our commitment to offer assistance to those who cannot access financial and public health services, KBank has worked with the Ministry of Public Health in using our knowledge, human resources and technological expertise to support various aspects in the development of the Moh Prompt application. They include: 1) data analytics and summary of daily infected patients; 2) the Moh Prompt Call Center (in collaboration with the Thai Bankers’ Association); and 3) utilization of BI tools in data analytics for the precise implementation of public health strategies. KBank anticipates that the current upgrade of the Moh Prompt application will help improve the country’s public health services, particularly at public hospitals, and efficiently steer this application to become a digital health platform for Thai people.”
In addition, KBank has given support to the development of Patient Mobile Applications for several public hospitals including Chulalongkorn Memorial Hospital, Chonburi Hospital, 11 hospitals under the supervision of the Bangkok Metropolitan Administration, etc., in the drive towards “Smart Hospitals” with the aim of increasing convenience for patients. This will help in the provision of quality medical services to Thai people, while also reducing the workload of the public health system.
Ms. Morakot said that INET has jointly developed the Moh Prompt platform with the capability to use digital health information securely and maximize the benefits. This effort includes deploying cloud computing based on healthcare standards; developing a Digital Health Pass and EU DCC in issuing vaccination certificates; conducting digital infection detection for certification at checkpoints of activities/events held in 67 countries (and territories); developing digital medical certificates as required for functions such as job application, driving license renewal, government officer exams, health insurance claims, etc. To become the digital health platform for Thai people, other initiatives will involve an I Claim system to connect hospitals and private insurance companies in checking eligibility for medical benefits and health insurance claims, with no advance payment required.
Mr. Udorn said that his company has developed a logistics system on the Moh Prompt platform – focusing on convenience, speed and security – which includes a temperature-controlled warehousing and logistics system, and logistics status monitoring system. These developments aim to support the distribution of products which require special care, especially medicines and medical equipment, as well as to facilitate service users in receiving medicines and other equipment related to medical treatment, with delivery service available. This will help reduce patient crowding in service units as well as waiting time of service users. Additionally, there will be theoretical and practical training sessions for drivers to enhance their skills, knowledge and capabilities related to safe driving, so as to minimize potential accidents, with 24/7 security control by the Logistics Command Center.
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
