ThaiPublica > สู่อาเซียน > เลือกตั้งฟิลิปปินส์ 2022 ‘มาร์กอส จูเนียร์’ ทายาทอดีตผู้นำเผด็จการ จ่อเก้าอี้ประธานาธิบดี

เลือกตั้งฟิลิปปินส์ 2022 ‘มาร์กอส จูเนียร์’ ทายาทอดีตผู้นำเผด็จการ จ่อเก้าอี้ประธานาธิบดี

9 พฤษภาคม 2022


ที่มาภาพ:FB Bongbong Marcos https://www.facebook.com/photo.php?fbid=543156140512304&set=pb.100044537672013.-2207520000..&type=3

เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ จ่อคว้าชัยการเลือกตั้ง และขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของฟิลิปปินส์

วันนี้(9 พ.ค. 2565) ชาวฟิลิปปินส์เดินเข้าคูหาเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ หลังจาก 6 ปีแห่งการปกครองแบบเข้มงวดของประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ท่ามกลางความวิตกในวงกว้างว่า ชัยชนะอย่างถล่มทลายของมาร์กอส จูเนียร์ (Marcos Jr) อาจนำประเทศกลับไปสู่การปกครองแบบเผด็จการ

ผลสำรวจความเห็นล่าสุด ระบุว่า ลูกชายคนเดียววัย 64 ปีของอดีตผู้นำเผด็จการ จะได้รับคะแนนเสียงมากกว่าครึ่งในการลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและเป็นคนแรกที่ครองเสียงข้างมากในรอบหลายทศวรรษ

ผลการสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ามาร์กอส จูเนียร์ ได้รับคะแนนนิยม 56% แซงหน้ารองประธานาธิบดีเลนี โรเบรโด ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ ซึ่งได้คะแนน 23%

มาร์กอส จูเนียร์ ที่รู้จักกันดีในชื่อ บงบง(Bongbong) เป็นบุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซีเนียร์ ที่ครองอำนาจในการปกครองประเทศอย่างเข้มงวดเป็นเวลาสองทศวรรษ จนกระทั่งถูกโค่นล้มในปี 2529 หลังจากการประท้วงครั้งใหญ่

ในระหว่างการหาเสียง มาร์กอส จูเนียร์ได้พยายามยกผู้เป็นพ่อให้เทียบได้กับครอบครัวของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีของสหรัฐฯ

มาร์กอส จูเนียร์คะแนนนำ

เมื่อเวลา 20:59 น. ตามเวลาในประเทศฟิลิปปินส์(เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) เว็บไซต์ผลการเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (Comelec) เริ่มรายงานผลการเลือกตั้ง โดยที่จากการส่งข้อมูลครั้งที่สามไปยังเซิร์ฟเวอร์ของสื่อนั้น ณ เวลา 21:01 น. เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ขึ้นนำด้วยคะแนน 17,541,799 คะแนน และเลนี โรเบรโด ตามมาด้วยคะแนน 8,311,501 คะแนน

แมนนี่ ปาเกียว ตามหลังด้วยคะแนน 1,486,592 คะแนน อิสโก โมเรโน ได้ 1,188,776 คะแนน และปิง ลัคสัน 567,761 คะแนน

สำหรับผลการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี ซารา ดูแตร์เต ขึ้นนำด้วยคะแนนเสียง 17,155,745 คะแนน และกิโก ปังกิลินัน ตามมาด้วยคะแนนเสียง 5,276,161 คะแนน

ในช่วงใกล้ปิดหีบเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังคงเรียกร้องให้ Comelec ขยายเวลาลงคะแนนเพื่อรองรับพวกเขา เนื่องจากไม่สามารถลงคะแนนได้ ด้วยความผิดพลาดของเครื่องนับคะแนน(vote counting machines:VCM) และการต่อแถวยาว อันเป็นผลจากมาตรการด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการระบาด

ทำไมการเลือกตั้งในฟิลิปปินส์ปี 2022 จึงมีความสำคัญมาก

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็น การเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประธานาธิบดีดูแตร์เต กำลังพ้นจากตำแหน่งด้วยชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยม “สงครามยาเสพติด” ที่จัดว่าเป็นงานชิ้นสำคัญของเขาได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนและกำลังถูกสอบสวนโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court :ICC) รวมทั้งด้านไร้ความสามารถทางเศรษฐกิจ, การปราบปรามสื่อและผู้ที่วิจารณ์เขา ตลอดจนการจัดการกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60,439 ราย

การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจำนวน 10 คน แต่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีความสำคัญ

คนแรกคือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ที่ได้รับความนิยมนำ และมีชื่อเดียวกับผู้เป็นพ่อ ซึ่งปกครองฟิลิปปินส์แบบเผด็จการจนกระทั่งถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งและถูกเนรเทศจากการจลาจลครั้งใหญ่ในปี 2529

คนที่สองคือเลนี โรเบรโด รองประธานคนปัจจุบันและผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้รัฐบาลมีความรับผิดชอบและโปร่งใสมากขึ้น และเพื่อเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยของประเทศให้เข้มแข็ง

“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการรณรงค์ระหว่างสิ่งที่ดีและไม่ดี” อารีส์ อารูเกย์ นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ ดิลิมัน(University of the Philippines Diliman) กล่าวกับสำนักข่าวอัลจาซีรา “มันค่อนข้างชัดเจน ดูแต่ร์เตเป็นตัวแทนของตระกูล อัตตาธิปไตย และการลอยนวลพ้นผิด ขณะที่ โรเบรโด กลับตรงกันข้ามกับ คือมีความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และประชาธิปไตย”

Leni Robredo ที่มาภาพ:https://www.rappler.com/nation/elections/leni-robredo-plays-long-game-2022/

จะเกิดอะไรขึ้นในวันเลือกตั้ง?

ชาวฟิลิปปินส์อายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 67.5 ล้านคนมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง และชาวฟิลิปปินส์ประมาณ 1.7 ล้านคนที่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้งในต่างประเทศ

หน่วยเลือกตั้งเปิดในเวลา 6.00 น. (22:00 GMT) และปิดเวลา 19.00 น. (11:00 GMT) โดยได้มีการขยายเวลาเนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัส และความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการเข้าแถวและการรวมกลุ่มของฝูงชน

เมื่อหมดเวลาการเลือกและปิดการลงคะแนนแล้ว จะมีการเริ่มนับคะแนนทันที และผู้สมัครที่มีคะแนนโหวตมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นจึงได้ชื่อของประธานาธิบดีคนใหม่ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง พิธีสาบานตนจะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน

นอกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ชาวฟิลิปปินส์ก็ต้องลงคะแนนเลือกรองประธานาธิบดีคนใหม่อีกด้วย ซึ่งเป็นตำแหน่งนี้ได้รับเลือกแยกจากประธานาธิบดี รวมไปถึงลงคะแนนเลือกสมาชิกสภาคองเกรส ผู้ว่าการ และนักการเมืองท้องถิ่นหลายพันคน รวมทั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภา

การเมืองอาจเป็นเรื่องที่อันตรายในฟิลิปปินส์ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงทั้งในระหว่างการหาเสียงและการเลือกตั้ง และเคยเกิดเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองที่สุดมาแล้วครั้งหนึ่ง ผู้คนหลายสิบคนถูกสังหารและถูกฝังไว้ริมถนนในปี 2552 โดยกลุ่มการเมืองที่เป็นคู่แข่งกัน ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นการสังหารหมู่ที่มากีนดาเนา

ใครได้รับความนิยมในการเลือกตั้งประธานาธิบดี?

ผลโพลบ่งชี้ว่า มาร์กอส จูเนียร์ ยังคงเป็นผู้นำแม้ว่าโรเบรโดจะทิ้งไม่ห่างนัก

บงบงลูกชายของเผด็จการซึ่งมีวัย 64 ปีเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชน Worth School ในอังกฤษและศึกษาที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งประวัติอย่างเป็นทางการของมาร์กอส จูเนียร์ระบุว่าเขา “จบการศึกษา” แต่มหาวิทยาลัยระบุว่าเขาได้รับ “ประกาศนียบัตรพิเศษ” ด้านสังคมศึกษา

บงบงเข้าสู่การเมืองในฐานที่มั่นของครอบครัวคือ Ilocos Norte ในปี 2523 และเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อพ่อของเขาถูกบีบให้ออกจากอำนาจและมีการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย

ในปี 2535 เขาได้รับเลือกเข้าสภา อีกครั้งใน Ilocos Norte และสามปีต่อมา เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นคำตัดสินที่ติดตัวเขามาตลอดตั้งแต่นั้นมา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอุปสรรคต่ออาชีพทางการเมืองของเขา

มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกในปี 2553 และลงสมัครรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีในหกปีต่อมา แต่ไม่สามารถคว้าชัยได้ เพราะโรเบรโดแซงหน้ามา

บนเส้นทางการรณรงค์หาเสียง มาร์กอส จูเนียร์ พูดถึง “ความสามัคคี” แต่ได้ให้รายละเอียดนโยบายน้อยมาก และหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์จากสื่อและการดีเบต

คู่ชิงการเลือกตั้งของเขาคือ ซารา ดูแตร์เต-คาปรีโอ ลูกสาวของประธานาธิบดีดูแตร์เต ซึ่งรับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา ต่อจากผู้เป็นพ่อและเป็นผู้นำในสนามแข่งตำแหน่งรองประธาน

โรเบรโดเป็นรองประธานาธิบดีคนปัจจุบันและทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่เข้าสู่การเมืองในปี 2556 หลังจากที่สามีของเธอ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก

โรเบรโดมาลงสมัครในช่วงหลัง และอาศัยเครือข่ายอาสาสมัครที่สวมชุดสีชมพูเพื่อดึงคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วทั้งประเทศ

มีผู้คนหลายพันคนเข้าร่วมการรณรงค์ของเธอ บางคนยืนตากแดดเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อรอฟังคำพูดของผู้ที่มีความหวังจะเป็นประธานาธิบดี โรเบรโด ซึ่งมีวุฒิสมาชิกคือ ฟรานซิส “กิโกะ” ปังกิลิแนน เป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี รณรงค์บนหลักการธรรมาภิบาล ประชาธิปไตย และการยุติการคอร์รัปชั่น

ผู้สมัครคนอื่นๆ ได้แก่ แมนนี่ ปาเกียว นักมวยแชมป์โลก นายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา ฟรานซิสโก “อิสโก โมเรโน” โดมาโกโซ และอดีตผู้บัญชาการตำรวจ ปานฟิโล แล็คสัน

ที่มาภาพ: https://ph.rappler.com/

ทำไมชัยชนะของมาร์กอสอาจกลายเป็นความขัดแย้ง

เฟอร์ดินานด์ มาร์กอสเป็นประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ในปี 2508 ชนะใจชาวฟิลิปปินส์ด้วยบุคคลิกและวาทศิลป์ และเข้าควบคุมประเทศที่ขณะนั้น ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจที่กำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากการได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา มาร์กอสชนะอีกครั้งเป็นสมัยที่สองในปี 2512 แต่สามปีต่อมาเขาประกาศกฎอัยการศึก โดยอ้างว่ามีความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อปกป้องประเทศจากคอมมิวนิสต์

จากนั้นมาร์กอสปกครองในฐานะเผด็จการมาเป็นเวลา 14 ปี

อัลเฟรด แมคคอย นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์จากสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3,200 คน ร่างของผู้เสียชีวิตมักถูกทิ้งที่ข้างถนนเพื่อเป็นคำเตือนแก่คนอื่น และถูกทรมานหรือจำคุกตามอำเภอใจมากขึ้น

เบนิกโน อากีโน คู่แข่งสำคัญของมาร์กอส ถูกลอบสังหารขณะลงจากเครื่องบินที่สนามบินมะนิลา

การลอบสังหารทำให้ชาวฟิลิปปินส์ตื่นตกใจ ท่ามกลางความโกรธแค้นที่เพิ่มขึ้นต่อการทุจริตและความใช้จ่ายอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยของระบอบการปกครองของ มาร์กอส ครอบครัวของมาร์กอสยังซื้ออสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย ภาพวาดของศิลปินรวมถึงปรมาจารย์ด้านอิมเพรสชันนิสม์ โมเนต์ เครื่องประดับสุดหรู และเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์หลายคนใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้นก็ตาม

Transparency International ประมาณการในปี 2547 ว่า ทั้งคู่ยักยอกเงินมากถึง 10 พันล้านดอลลาร์ในช่วงหลายปีที่พวกเขาดำรงตำแหน่ง และอิเมลดา ภรรยาของมาร์กอส ได้กลายเป็นคำพูดที่สะท้อนถึงความเว่อร์วัง

แต่ตั้งแต่อดีตผู้นำเผด็จการเสียชีวิตในฮาวายในปี 2532 ครอบครัวมาร์กอสได้หาทางยกตนเองกลับมาอีก โดยพยายามวาดภาพเผด็จการว่าเป็นยุคทอง

ในปี 2559 ประธานาธิบดีดูแตร์เตอนุญาตให้ฝังร่างเฟอร์ดินานด์ มาร์กอสในสุสานวีรบุรุษของกรุงมะนิลา พร้อมการยิงสลุต 21 นัด

ตอนนี้ครอบครัวดูแตร์เตเป็นพันธมิตรกับมาร์กอส และการดำเนินการของพวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลที่มีอิทธิพลทางการเมืองอื่นๆ ในประเทศที่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดมีความสำคัญมากกว่าพรรคการเมืองใดๆ

ริชาร์ด จาวาด เฮย์ดาเรียน นักวิชาการเขียนในคอลัมน์ของสำนักข่าวอัลจาซีรา ในเดือนธันวาคมว่า “การฟื้นคืนชีพของครอบครัวมาร์กอส เป็นการตัดสินที่เจ็บปวดเกี่ยวกับความล้มเหลวของสถาบันประชาธิปไตยของประเทศ” “ทศวรรษแห่งการไม่ต้องรับโทษทางศาล การล้างบาปในอดีต การเมืองที่มีการคอร์รัปชั่น และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง ได้ผลักดันให้ชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากขึ้นยอมรับมาร์กอส”

หลายคนกังวลว่าการเลือกมาร์กอส จูเนียร์ โดยเฉพาะหาก ซารา ดูแตร์เตได้เป็นรองประธานาธิบดีตามที่คาดไว้ อาจเป็นยุคใหม่ของการปราบปราม

“ทั้งสองคนเป็นทายาทของผู้ปกครองที่เข้มแข็งสองคน” อารูเกย์กล่าว “เราคาดหวังว่าจะมีรัฐบาลที่มีการยับยั้งชั่งใจและครอบคลุมได้หรือไม่? คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักรัฐศาสตร์ที่จะตอบคำถามนั้น”

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สมาชิกคณะสงฆ์ราว 1,200 คนของคริสตจักรคาทอลิกรับรองโรเบรโดและปังจิลินัน โดยอุปมาตามพระคัมภีร์ไบเบิลว่าพวกเขาเป็น “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” ทั้งนี้ชาวฟิลิปปินส์อย่างน้อย 86% เป็นชาวคาทอลิก

“เราไม่สามารถแค่ยักไหล่ และปล่อยให้ชะตากรรมของประเทศของเราถูกกำหนด โดยคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิดซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของเรา”

ผลการเลือกตั้งจะได้รับการยอมรับหรือไม่?

เมื่อมาร์กอส จูเนียร์แพ้การแข่งขันรองประธานาธิบดีด้วยคะแนนเสียง 263,000 คะแนนในปี 2559 เขานำผลการเลือกตั้งไปฟ้องศาล ด้วยเดิมพันที่สูงขึ้นมากในครั้งนี้ นักวิเคราะห์บางคนกังวลว่า เขาอาจจะฟ้องศาลอีกครั้งหากโรเบรโดคว้าชัยได้

บทบาทของโซเชียลมีเดีย

ชาวฟิลิปปินส์เป็นผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ตัวยง และแพลตฟอร์มต่างๆ มีบทบาทสำคัญและสร้างความแตกแยกในการเลือกตั้ง และยิ่งเป็นปัจจัยทางลบมากขึ้นของการรณรงค์ทางการเมืองรุนแรงขึ้น

มาร์กอส จูเนียร์และทีมของเขาถูกกล่าวหาว่าใช้ และละเมิด แพลตฟอร์มออนไลน์

ในเดือนมกราคม Twitter ได้ระงับบัญชีมากกว่า 300 บัญชีที่โปรโมตแคมเปญของเขา โดยชี้ระบุว่าละเมิดกฎเกี่ยวกับการส่งสแปมและการ “บิดเบือนระบบ

โจชัว เคอร์ทานซิกค์ จาก Council on Foreign Relations กล่าวว่า มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับประโยชน์จาก “ผลจากสิ่งที่ดูแตร์เตทำ ดูแตร์เต เป็นผู้ทำให้เกิดการแพร่กระจายของข้อมูลที่บิดเบือนและทำให้ผู้กุมอำนาจรายอื่นชนะได้ง่ายขึ้น”