ThaiPublica > Sustainability > Social Change/Project > มิตซูบิชิ มอเตอร์ส-ไปรษณีย์ไทย-โออาร์ เอ็มโอยูนำร่องใช้รถไฟฟ้าเพื่อการขนส่ง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส-ไปรษณีย์ไทย-โออาร์ เอ็มโอยูนำร่องใช้รถไฟฟ้าเพื่อการขนส่ง

7 มีนาคม 2022


ข่าวประชาสัมพันธ์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ผนึกความร่วมมือกับ ไปรษณีย์ไทย และ โออาร์ ลงนามเอ็มโอยู ศึกษานำร่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่เพื่อการขนส่ง พุ่งเป้ากระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

7 มีนาคม 2565: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) และ บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) ผนึกความร่วมมือเพื่อนำร่องศึกษาการใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles หรือ BEV) เพื่อการพาณิชย์ด้วยรถมิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ สำหรับใช้ในการดำเนินธุรกิจการขนส่งไปรษณีย์และพัสดุ และศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย อีกทั้งยังมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ระดับการปฏิบัติงาน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ส่งเสริมการจัดส่งสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายกำพุธ อยู่คง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานระบบไปรษณีย์และปฏิบัติการนครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) และ นางสาวจิราพรขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) ร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อดำเนินโครงการศึกษานำร่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) ในการดำเนินธุรกิจการขนส่ง โดยภายใต้โครงการศึกษานำร่องระยะเวลา 1 ปีนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะจัดส่งรถยนต์ มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ จำนวน 2 คัน เพื่อการศึกษาและทำความเข้าใจถึงการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการพาณิชย์ รวมถึงการเก็บข้อมูลการใช้งานเครื่องชาร์จไฟฟ้า พฤติกรรมการใช้งานในกลุ่มของรถขนส่งพัสดุ และความเป็นไปได้ที่จะขยายการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยใช้ข้อมูลจากการใช้งานจริง ซึ่งรวบรวมจากการดำเนินงานด้านการขนส่งของไปรษณีย์ไทย

ภายใต้บันทึกความเข้าใจดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยจะใช้รถมิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ ในการขนส่งพัสดุให้แก่ลูกค้า โดยเลือกที่ทำการไปรษณีย์นำร่อง 2 แห่ง ได้แก่ ที่ทำการไปรษณีย์หลักสี่ กรุงเทพฯ และ ที่ทำการไปรษณีย์คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเริ่มการศึกษาดังกล่าว และ โออาร์ จะติดตั้งสถานีชาร์จไฟ EV Station PluZ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นำร่องทั้งสองสาขา เพื่อชาร์จไฟรถมิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ ด้วยการชาร์จไฟแบบปกติ (AC) ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยไปรษณีย์ไทยจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากการใช้งานรถมิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ และการชาร์จไฟฟ้าที่ EV Station PluZ ตลอดจนร่วมกันจัดการฝึกอบรมและลงพื้นที่เพื่อให้พนักงานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ไปรษณีย์ไทย และ โออาร์ ได้แลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคนิคร่วมกัน

มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณ ไปรษณีย์ไทย และ โออาร์ สำหรับความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ เพื่อการสำรวจศักยภาพการใช้งานเชิงพาณิชย์ของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า โครงการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของวาระการส่งเสริมยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เรากำลังเดินหน้าพัฒนาตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับประโยชน์และความสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นความต้องการในหมู่ผู้บริโภคและขับเคลื่อนตลาดนี้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งเรายังวางแผนที่จะขยายสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า สำหรับทั้งรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle หรือ HEV) นอกเหนือไปจากรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ PHEV) ซึ่งมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ถือเป็นบริษัทผู้บุกเบิกตลาดระดับโลกที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่เพื่อการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 (พ.ศ. 2552) ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ เรากำลังพิจารณาหลากหลายทางเลือก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การศึกษาวัตถุประสงค์การใช้งานเชิงพาณิชย์”

นายกำพุธ อยู่คง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานระบบไปรษณีย์ และปฏิบัติการนครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า “ผมขอกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทของเราไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปยังการบริการจัดส่งพัสดุให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับแนวทางการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญในปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพด้วย เนื่องจากที่ทำการไปรษณีย์หลักสี่ ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์ราชการ ซึ่งมีการจราจรหนาแน่นเกือบตลอดเวลา เราจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าว ในขณะที่ที่ทำการไปรษณีย์คลองหลวง ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตเมืองหลวง ครอบคลุมพื้นที่บริการจัดส่งขนาดใหญ่ และตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราจึงสามารถแสดงความเป็นผู้นำด้านการบริการของเราให้แก่คนรุ่นใหม่ได้เห็นด้วยการนำรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ มาใช้ในบริการจัดส่งไปรษณีย์และพัสดุ ผมเชื่อมั่นว่า จะสามารถช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไปพร้อมกัน”

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. นํ้ามัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่าหนึ่งในเป้าหมายปี 2030 (พ.ศ. 2573) ของ โออาร์ คือการมุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด ตลอดจนวิธีการอื่น ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สอคคล้องกับเป้าหมายดังกล่าวแต่ยังเป็นไปตามหนึ่งในพันธกิจในด้านการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสานเพื่อการเคลื่อนที่อย่างไร้รอยต่อ (Seamless mobility) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดและเป็นแนวทางการใช้พลังงานในอนาคต โดยในปีนี้ โออาร์ มีแผนเปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟ EV Station PluZ เพิ่มขึ้นอีก 350 แห่ง ทั้งภายในและภายนอก พีทีที สเตชั่น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือกับ ไปรษณีย์ไทย และ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นผู้นำด้านการขนส่งพัสดุและด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการยกระดับการขนส่งพัสดุให้ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ เป็นรถยนต์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และห้สามารถบรรทุกสินค้าได้สูงสุด 350 กก. พร้อมผู้โดยสาร 2 คน พื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะผู้โดยสารลงมีความยาว 2,685 มม. และประตูแบบสไลด์ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้า

“มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ ยังรองรับการชาร์จไฟแบบเร็วด้วยหัวชาร์จ CHAdeMO ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลาเพียง 35 นาที หรือด้วยระบบการชาร์จไฟแบบปกติจนเต็มแบตเตอรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 7 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบคืนพลังงานขณะเบรกที่จะช่วยแปลงพลังงานจากการเบรกเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ในขณะขับขี่ มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ มีความคล้ายคลึงกับมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่สามารถเป็นแหล่งพลังงาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ระบบนิเวศพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต หรือ เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ (Dendo Drive House) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดด้านเทคโนโลยี V2X ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส อีกด้วย”

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้จัดส่งรถ มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ จำนวน 9,000 คัน ให้กับบริษัทขนส่งต่าง ๆ รวมถึงบริษัทค้าปลีก และหน่วยงานรัฐในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงยังจัดส่งอีก 1,500 คัน เพื่อเป็นรถยนต์ที่ใช้ในกรมไปรษณีย์ของญี่ปุ่นอีกด้วย ก่อนหน้านี้ ในเดือนกรกฎาคม 2564 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกับ บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินโครงการศึกษานำร่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ในประเทศไทย โครงการศึกษานำร่องทั้งหมด เกิดขึ้นหลังจากการเปิดตัว รถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการส่งเสริมยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าของบริษัทฯ ในประเทศไทย ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยรถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ปล่อยมลพิษในระดับต่ำจนถึงศูนย์ และช่วยคลายความกังวลด้านระยะทางการขับขี่ พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในระดับเดียวกับรถยนต์เอสยูวีที่ดีที่สุดในปัจจุบัน มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ยังเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ความพร้อมและความสะดวกสบายด้านโครงสร้างพื้นฐานของการชาร์จไฟฟ้าในปัจจุบัน

โครงการศึกษานำร่องร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย และ โออาร์ ในครั้งนี้ จะช่วยให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เดินหน้าเข้าใกล้เป้าหมายหลักของบริษัทฯ ในการเป็นบริษัทที่ก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลไทยในการลดการปล่อยมลภาวะที่เกิดจากยานพาหนะในประเทศอีกด้วย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มุ่งมั่นและพร้อมแสวงหาโอกาสความร่วมมือใหม่ ๆ กับองค์กรภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่จะช่วยตอบโจทย์อุตสาหกรรมยานยนต์และระบบคมนาคมของไทยในอนาคตได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

…………

Mitsubishi Motors Thailand signs MoU with Thailand Post and OR to launch pilot study on BEVs in local logistics operations as part of efforts to stimulate domestic demand for EVs

Bangkok – March 7, 2022: Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd., Thailand Post and PTT Oil and Retail Business Plc. (OR) announced a partnership to conduct a pilot study on the commercial use of the battery-powered electric vehicles (BEVs), namely Minicab MiEV, in delivering parcels in order to explore the potential of a widespread adoption of electric vehicles (EV) in Thailand, and also aims to reduce the carbon footprint of companies from all industries at the operational level, help lower their costs, further promote environmentally friendly delivery protocols and reduce environmental impacts in the long run.

Mr. Eiichi Koito, President and CEO of Mitsubishi Motors Thailand, together with Mr. Kamput Yukhong, (COO of Operation) Chief Operating Systems and Metropolitan Operating Officer, Thailand Post and Ms. Jiraphon Kawswat, President & CEO, PTT Oil and Retail Business Plc. (OR) signed a Memorandum of Understanding (MOU) to conduct a pilot study on the battery-powered electric vehicles (BEVs) in logistic operations. Under this pilot study which will last for one year, Mitsubishi Motors Thailand will provide two units of Minicab MiEVs to better understand and explore the BEVs in commercial applications, collect and analyze the EV usage data, behavior on the usage of postal transport and explore the potential of a widespread adoption of the EV in Thailand by gathering the real-world field data through Thailand Post’s logistic operations.

Thailand Post will be using the MITSUBISHI Minicab MiEVs to deliver parcels to customers from two pilot post offices, including Laksi, Bangkok and Khlong Luang, Pathum Thani, to begin the study. At each of the chosen locations, EV Station PluZ provided by OR will be installed for the Minicab MiEVs to be charged via a normal charging system (AC). Once the Minicab MiEVs are provided, Thailand Post will collect and analyze the EV usage data. The training sessions and field visits will be co-organized among Mitsubishi Motors Thailand, Thailand Post, and OR staff to exchange their technical knowledge and know-how.

Mr. Eiichi Koito, President & CEO of Mitsubishi Motors Thailand, enthused about the MOU, said, “I would like to thank Thailand Post and OR, who both were a part of this initiative to explore the commercial viability of electrification. This partnership spearheads one aspect of Mitsubishi Motors Thailand’s electrification agenda in Thailand. We are trying to develop the electrified vehicle market in Thailand while raising awareness among consumers about the benefits and importance of EVs to strengthen this new market and grow consumers’ interests. We plan to expand the electrified powertrains of both BEVs and HEVs (hybrid electric vehicles) in addition to the PHEV (plug-in hybrid) as a global pioneer of the first BEV mass-production company in 2009. In terms of the BEVs, we are considering several options, one of which is to study its commercial purpose.”

Mr. Kamput Yukhong, (COO of Operation) Chief Operating Systems and Metropolitan Operating Officer, Thailand Post said, “I would like to express my sincere appreciation for this collaboration. Our company does not only focus on delivering parcels to customers, but we also concern ourselves with effective solutions to the current environmental issues Thailand and the world are facing. Since Laksi Post Office is located near the Government Complex, where heavy traffic congestions often occur, we see the importance of EV usage in this location. As for the Klong Luang Post Office, this branch is located outside the boundaries of the metropolitan area and has covered a large area of delivery services. With a location close to Thammasart University, we can showcase our leadership to the young generations in EV adoption in delivery services. With the use of Mitsubishi Minicab MiEVs, I am certain that we can save energy and reduce CO2 emissions at the same time.”

Ms. Jiraphon Kawswat, President & CEO, PTT Oil and Retail Business Plc. (OR) said, “One of the OR 2030 goals is to create a healthy environment by reducing greenhouse gas emissions generated by the entire business operation, and increasing the proportion of clean energy use, together with other methods in order to achieve carbon neutrality by 2030. It’s not only to align with this direction, but this collaboration with Mitsubishi Motors Thailand and Thailand Post also aligns with one of our missions, which is to strengthen energy solutions for seamless mobility in response to customers’ s demand and align with clean energy usage in the future. This year, the company plans to increase EV Station PluZ charging stations to around 350 both inside and outside the PTT stations to support the growing number of the usage of electric cars. The collaboration with Thailand Post and Mitsubishi Motors Thailand, the leader of delivery services and automotive industry can enhance the parcel delivery that saves energy and is also more environmentally friendly.”

The Mitsubishi Minicab MiEV offers a quiet, economical, and environmentally friendly drive while also having a maximum payload capability of 350kg with two passengers. The cargo floor-length will be measured at 2,685 mm once the passenger seat is folded. Sliding doors facilitate loading and unloading.

Mitsubishi Minicab MiEVs can be charged via the CHAdeMO charging systems (DC) and can reach up to 80 percent within 35 minutes; with the standard charging systems (AC), the Minicab MiEV can be fully charged within seven hours. While being on the move, the Minicab MiEVs can use a regenerative braking system that converts braking force into electricity to allow for drives to a further destination. Similar with the Mitsubishi Outlander PHEV, it can act as an energy source in the Dendo Drive House (DDH) ecosystem which is our concept of the V2X (Vehicle to X).

Mitsubishi Motors Corporation has provided 9,000 Minicab MiEvs to various logistics companies, retailers and the local government in Japan. Out of 9,000 units, 1,500 units were delivered to Japan Post’s fleet. Previously, Mitsubishi Motors Thailand also signed a Memorandum of Understanding (MoU) with Eternity Grand Logistics Public Co., Ltd. during July last year to begin a pilot study on the economic viability of Battery Electric Vehicles (BEV) in Thailand. These studies have been initiated after the launch of Mitsubishi Outlander PHEV which was the start of Mitsubishi Motors Thailand’s electrification journey in the country over the past two years. The model has offered low to zero-emissions motoring with zero range-anxiety and driving dynamics and performance that rivals the best SUVs on the road today. It is the perfect solution for today’s charging infrastructure and convenience.

This pilot study with Thailand Post and OR has led Mitsubishi Motors Thailand to become closer to pursuing its main objective of becoming a carbon-neutral company. It furthermore promotes the government’s aim of reducing emissions produced by vehicles in Thailand. Mitsubishi Motors Thailand will continue to seek out new opportunities with both private and public sectors in order to develop EV vehicles that will be a great fit for the Thai market in the future.