ThaiPublica > Sustainability > Sustainable Business > 56 ปีกรุงไทย ประกาศเป็นเสาหลักเศรษฐกิจประเทศ มุ่งสู่ “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน”

56 ปีกรุงไทย ประกาศเป็นเสาหลักเศรษฐกิจประเทศ มุ่งสู่ “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน”

15 มีนาคม 2022


ข่าวประชาสัมพันธ์

ธนาคารกรุงไทย ก้าวสู่ปีที่ 56 ประกาศเป็นเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศ ยืนหยัดเคียงข้างคนไทยก้าวข้ามทุกวิกฤติ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทย  สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคง  มุ่งมั่นขับเคลื่อนสู่ “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน”

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปี 2565 ธนาคารกรุงไทยได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 56 ซึ่งในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ได้ทำหน้าที่เป็นเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศ  โดยยืนหยัดเคียงข้างคนไทย  มุ่งมั่นพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงิน และส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ และให้ความช่วยเหลือลูกค้า ประชาชนในทุกวิกฤติที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 กว่าสองปีที่ผ่านมา กรุงไทยมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนมาตรการของรัฐ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทุกภาคส่วน รวมทั้งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ และสามารถประคองธุรกิจและดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างยั่งยืน 

ศ.(พิเศษ) ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า  ในปีที่ 56 ของธนาคารกรุงไทย ถือเป็นปีที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง รวมถึงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ทุกคนต้องก้าวผ่านไปด้วยกัน โดยร่วมกันสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืน และเป็นธรรมให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน ตลอดจนสนับสนุนให้ธุรกิจของธนาคารเติบโตอย่างมั่นคง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการเป็นธนาคารที่ “ยืนเคียงข้างคนไทย สู่ความยั่งยืน” อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในปีนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการทำประโยชน์เพื่อชุมชน โดยเน้นให้คนและชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองเป็นหลัก เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยจะร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน และกลุ่มวิสาหกิจเพื่อสังคม ในการดำเนินโครงการ “กรุงไทยรักชุมชน” เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง และยั่งยืนต่อไป

นายวิชัย อัศรัสกร ประธานกรรมการตรวจสอบ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า หัวใจของการเปลี่ยนแปลงให้ธนาคารกรุงไทยก้าวไปสู่ความยั่งยืน คือ การเปลี่ยนแปลงของพนักงานและผู้บริหาร  หรือ People Transformation ภายใต้อัตลักษณ์ 5 ส. คือ สร้างสรรค์ สำเร็จ สัตย์ซื่อ สามัคคี และสังคม ซึ่งธนาคารมุ่งเน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านวัฒนธรรมองค์กร การสร้างผู้นำ การกำหนดเป้าหมายและความสำเร็จ การสร้างความรู้และฝึกทักษะใหม่ เพื่อพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การสร้างสภาวะผู้นำที่อยู่ในจิตใจของผู้บริหารและพนักงานในทุกระดับชั้น เพื่อให้มีความกล้าที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง และก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่เป้าหมายเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การก้าวเข้าสู่ปีที่ 56 ของธนาคารในปีนี้ นับเป็นอีกปีที่ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และข้อขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของขั้วมหาอำนาจ ที่ทำให้เกิดผลต่อเนื่องไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจ หรือที่เรียกกันว่า Twin Crisis หรือวิกฤติคู่แฝด ซึ่งทำให้ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ VUCA (Volatility-Uncertainty-Complexity-Ambiguity)หรือโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อน และความไม่ชัดเจนอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน โดยกรุงไทย ในฐานะเสาหลักของระบบเศรษฐกิจไทย จะร่วมวางรากฐาน สร้างพัฒนาและปรับเปลี่ยนองค์กรอย่างต่อเนื่อง จากที่ผ่านมาได้ก้าวสู่การเป็นผู้นำองค์กรที่ใช้วิกฤติสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมา กรุงไทยได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 38 รางวัล 

นอกจากนี้ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเป็น AAA(National Rating)สะท้อนถึงศักยภาพในการปรับพอร์ตสินเชื่อของธนาคารให้มีผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่สามารถบริหารจัดการได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ และจัดตั้งบริษัท Arise by Infinitas ที่เป็นการร่วมมือครั้งสำคัญของ Infinitas และ Accenture Solutions บริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เพื่อค้นหา Digital Talents จากทั่วโลก และสร้างโอกาสในการเป็นบริษัทชั้นนำด้านดิจิทัลในระดับสากล เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำด้านระบบการเงินดิจิทัลของประเทศอย่างเต็มศักยภาพ

“สนามการแข่งขันที่กำลังเปลี่ยนไป และก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น การขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักคิด X2G2X หรือการต่อยอดธุรกิจกับคู่ค้าของลูกค้าและการร่วมมือกับทุกบริษัทในเครือ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในทุกด้าน  กรุงไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะพลิกความท้าทายให้เป็นโอกาส โดยยึดหลัก ESG ในการดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน คำนึงถึงด้าน Environment-สิ่งแวดล้อม ด้าน Social-สังคม และด้าน Governance-ธรรมาภิบาล  ในทุกมิติของการดำเนินงาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในโลกปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนสูง และจะทำให้ธนาคารมีภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถเติบโตและเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป” 

ธนาคารจะยึดมั่นการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยเข้าสู่การประเมินของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Index หรือ DJSI) และสถาบันหลักอื่นๆ อาทิ SET Sustainability Index เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ในปี 2065 ได้สำเร็จ

สำหรับก้าวต่อไป ไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือความท้าทายมากน้อยแค่ไหน ธนาคารจะเดินหน้า “กล้าเปลี่ยน เพื่อก้าวนำ” และพร้อมก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงที่เข้มแข็ง ควบคู่กับการสร้างความมั่งคั่งให้กับพี่น้องคนไทยอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมให้ประเทศไทย ยกระดับสู่การแข่งขันในระดับสากล มุ่งทำหน้าที่เป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างคนไทย สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ สังคม ลูกค้า และสิ่งแวดล้อม สู่โลกแห่งอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป