ข่าวประชาสัมพันธ์

กบอ.เห็นชอบตั้งบริษัทลูก ‘EEC พัฒนาสินทรัพย์ฯ’ บริหารธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน ประสานความร่วมมือ ‘UTA’ เดินหน้ายกระดับ ‘อู่ตะเภา’ สู่มหานครการบินครบวรจร
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ภายหลังการประชุม ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ที่ประชุม กบอ.ได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1. อีอีซี 4 โครงสร้างพื้นฐานลงทุนได้ตามแผน EECi พร้อม 100% ต้อนรับประชุมเอเปค
ที่ประชุม กบอ. รับทราบ ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การขับเคลื่อนโครงสร้้างพื้นฐานหลัก ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุุนรััฐ-เอกชน (PPP) ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงฯ สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง โดยทั้ง 4 โครงการมีความก้าวหน้าการก่อสร้างและส่งมอบพื้นที่โครงการต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้ทุกโครงการดำเนินการลงทุนได้ตามแผนภายในปี 2565 โดย สกพอ. ทำหน้าที่ประสานหน่วยงานเจ้าของโครงการ และเอกชนคู่สัญญา ซึ่งทำให้การก่อสร้างทุกโครงการแล้วเสร็จตามแผนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ
ส่วนความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เตรียมความพร้อมดึงดูดการลงทุนฐานนวัตกรรมขั้นสูง และจูงใจนักลงทุนทั่วโลกเข้าสู่พื้นที่ อีอีซี ปัจจุบันโครงสร้างภายนอกแล้วเสร็จ 100% มีเพียงการปรับภูมิทัศน์ และติดตั้งครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พร้อมเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในพื้นที่ อีอีซี ที่สนับสนุนการจัดประชุมผู้นำเอเปคที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพอีกด้วย
นอกจากนี้ สกพอ. ได้รับทราบความคืบหน้าของ โครงการธีมพาร์คและสวนน้ำ “โคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส” แห่งแรกของโลก ซึ่งเป็นการลงทุนจาก บริษัท โซนี่พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับโลก ที่จะเป็นเมืองสวนสนุก เครื่องเล่นอัจฉริยะมาตรฐานโลก สามารถเปิดระยะที่ 1 ได้ในวันที่ 8 เมษายน 2565 นี้ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก (หากสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลายด้วยดี) โดยโครงการฯ นี้ จะทำให้เกิดการสร้างงานในพื้นที่ กระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหลังโควิด 19 ทำให้ อีอีซีและประเทศไทยเป็นจุดหมายสำหรับนักลงทุนนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ต้องเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น เป็นฟันเฟืองสำคัญสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
2. เร่งเครื่องโครงการ EFC ผลักดันลงทุนห้องเย็น เปิดตลาดส่งออกทุเรียนพรีเมียม เพิ่มรายได้เกษตรกรราย
ที่ประชุม กบอ. รับทราบ ความก้าวหน้าโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) ซึ่ง สกพอ. ได้ประสานงานร่วมกับ ปตท. ศึกษาแนวทางขับเคลื่อนโครงการที่ได้หารือร่วมกับกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการห้องเย็น อบจ.ระยอง เพิ่มเติม นำไปสู่การปรับแผนการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร โดย ปตท. จะสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุน และเป็นผู้ดูแลทั้งระบบตั้งแต่การผลิต รับรองมาตรฐาน การจัดตั้งตลาดกลาง รวมถึงรองรับการซื้อขายกับต่างประเทศ ผ่าน e-commerce และ e Auction พัฒนาแพคเกจบรรจุภัณฑ์ และจัดส่งสินค้า โดยเน้นทุเรียนคุณภาพและพรีเมียม พร้อมกันนี้จะขยายความจุห้องเย็น จากเดิม 4,000 ตัน เป็น 10,000 ตัน เพื่อเป็นกลไกรักษาเสถียรภาพของราคา รสชาติ ความสดของทุเรียน เพิ่มมูลค่าให้ทุเรียนพรีเมียมขายได้ตรงตลาดผู้บริโภคตลอดทั้งปี โดยคาดว่าการดำเนินงานทั้งหมดจะแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2566 ซึ่งโครงการฯ นี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกร หรือ ชาวสวนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกร และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตในท้องถิ่น ทำให้เกษตรกร ชุมชน มีคุณภาพชีวิตและรายได้ดีขึ้นต่อเนื่อง
3. ต่อยอดสินค้าโอทอป เสริมทักษะผู้ค้ารายย่อยเข้าสู่ตลาดดิจิทัล เพิ่มยอดขาย-รายได้ชุมชน
ที่ประชุม กบอ. รับทราบ โครงการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนและผู้ค้ารายย่อยในอีอีซี เน้นขยายช่องทางจำหน่าย เพิ่มความสามารถการขาย จัดหาแหล่งเงินทุนให้ผู้ค้ารายย่อย ชุมชน สร้างเครื่องมือการตลาด นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ส่งเสริมสินค้าโอทอปตรงความต้องการตลาดมากยิ่งขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายและสินค้าเป็นที่นิยมในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดระยอง เช่น ทุเรียนทอดกรอบ เครื่องเงิน จังหวัดชลบุรี เช่น พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน ข้าวกล้อง สบู่เปลือกมังคุด จังหวัดฉะเชิงเทรา เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ หมูแท่งอบกรอบ เป็นต้น โดยมีแนวทางดำเนินการ 2 รูปแบบ ได้แก่ ตั้งบรรษัทวิสาหกิจชุมชน (EEC EnterPrise) เช่น การลงทุนร่วมระหว่าง สกพอ. , สำนักงานกองทุนหมู่บ้าน และเอกชน ทำหน้าที่ วางแผนการผลิต การตลาด และส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยมีศูนย์พัฒนาธุรกิจชุมชน (EEC Incubation Center) ทำหน้าที่ ศึกษาวิจัย พัฒนาสินค้าชุมชนให้มีคุณภาพในระดับมาตรฐานมีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจ รวมทั้งการฝึกอบรมบุคลากรให้ทำงานร่วมกับนวัตกรรมใหม่ โดยผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นจะช่วยสนับสนุนยอดขายสินค้าชุมชนให้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% , ผลักดัน GDP ระดับชุมชนขยายตัวเพิ่มขึ้น 20% และเศรษฐกิจชุมชนให้ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น 20% ผู้ซื้อสินค้า ผู้บริโภค นักท่องเที่ยวได้สินค้าชุมชน และบริการที่มีคุณภาพ จูงใจให้กลับมาท่องเที่ยวซ้ำ สร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนในพื้นที่ อีอีซี ระยะยาวต่อไป
4. รถไฟความเร็วสูงฯ ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด เอกชนได้รับความเป็นธรรม
ที่ประชุม กบอ. รับทราบความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่คณะกรรมการกำกับดูแลสัญญาฯได้ร่วมกับ รฟท. และเอกชนคู่สัญญากำลังดำเนินการอยู่ มีรายละเอียดดังนี้
-
1) กระทรวงคมนาคมให้เอกชนสร้างส่วนทับซ้อนงานโยธาของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ช่วงบางซื่อถึงดอนเมือง ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขสัญญา โดยไม่เป็นภาระทางการเงินของภาครัฐ
-
2) การบรรเทาผลกระทบโควิด 19 อย่างเหมาะสมให้กับเอกชน ซึ่งแม้ขณะนี้จำนวนผู้โดยสารจะเริ่มกลับมา แต่ยังห่างจากการประมาณการตามการศึกษาที่ 80,000 คนต่อวัน ทั้งนี้ การแก้ไขสัญญาจะให้ความสำคัญกับการปรับระยะเวลาค่าสิทธิ์เป็นสำคัญ โดยเร่งรัดดำเนินการเจรจาในข้อเสนอเพิ่มเติมของเอกชนคู่สัญญาให้ได้ข้อยุติโดยเร็วก่อนดำเนินการ โดยภาครัฐไม่เสียประโยชน์ และเป็นธรรมต่อภาคเอกชนบนพื้นฐานความเป็นหุ้นส่วนในโครงการฯ ร่วมกัน
-
3) การส่งมอบพื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภา ปัจจุบัน รฟท. ได้ส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาแล้ว 3,493 ไร่ หรือ เกือบครบทั้งหมด 100 % คงเหลือพื้นที่ส่งมอบเพียง 20 ไร่ หรือประมาณ 0.57% ที่เจ้าของพื้นที่เดิมยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้ รฟท. จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2565
5. เมืองการบินภาคตะวันออก: สนามบินอู่ตะเภา ที่ประชุม กบอ.รับทราบความก้าวหน้า ดังนี้
-
1) การจัดสิทธิประโยชน์ 10 ปีแรกให้กับโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก เพื่อให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) เทียบเท่าสิงคโปร์ ดูไบ และฮ่องกง ซึ่งจะมีการสนับสนุนการเป็นเมืองท่องเที่ยวและธุรกิจ 24 ชั่วโมง เป็นเขตปลอดอากร และสรรพสามิต รวมทั้งภาษีสรรพากรในบางกรณี รวมทั้งจะมีการสนับสนุนด้านการออก VISA และใบอนุญาตการทำงานในลักษณะ 5+5 ปี สำหรับผู้ทำงานและนักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก
-
2) การจัดตั้งบริษัท อีอีซี พัฒนาสินทรัพย์สนามบิน จำกัด (EEC Airport Asset Development Co.,Ltd : EAD) โดยมีอีอีซีถือหุ้น 100% เพื่อให้เป็นหน่วยงานพัฒนา MRO ร่วมกับภาคเอกชน โดยการทำงานจะมีการประสานงานใกล้ชิดกับบริษัท อู่ตะเภาอินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ในการพัฒนาสนามบินให้เป็นเมืองการบินภาคตะวันออกโดยสมบูรณ์
สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง บริษัท อีอีซี พัฒนาสินทรัพย์สนามบิน จำกัด หรือ ‘EAD’ มีรายละเอียดดังนี้
1. การจัดตั้ง บริษัท อีอีซี พัฒนาสินทรัพย์สนามบิน จำกัด มีเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน (ATZ) ในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สกพอ. ซึ่งอยู่นอกเหนือพื้นที่ของภาคเอกชนเอกชนที่ได้รับสิทธิ์พัฒนาตามสัญญาร่วมลงทุน โดยจะเร่งดำเนินการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในพื้นที่ ATZ ให้ทันต่อการเปิดให้บริการสนามบิน เพื่อให้สนามบินอู่ตะเภาสามารถให้บริการแก่สายการบินได้อย่างครบวงจร ยกระดับเป็นสนามบินระดับโลก และเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของกระทรวงคมนาคม ซึ่งการพัฒนาธุรกิจดังกล่าวจำเป็นต้องใช้บุคคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อที่จะสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และดึงดูดนักลงทุนด้านอุตสาหกรรมการบินให้สนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ได้
2. ในอนาคต EAD ยินดีร่วมมือกับภาคเอกชน อาทิ บริษัท อู่ตะเภาอินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งพื้นที่ ATZ จะมีการจัดสรรพื้นที่เพื่อให้เอกชนที่สนใจสามารถเช่าพื้นที่ เพื่อประกอบกิจการซ่อมบำรุงอากาศยาน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้
3. เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมการบิน เป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ คล่องตัว และสามารถตอบสนองต่อสภาวะและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการบินได้อย่างทันท่วงที จึงจำเป็นต้องจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน เป็นนิติบุคคลใหม่ประเภทบริษัทจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดย สกพอ. ถือหุ้นใหญ่ 99.99% และ สกพอ.ยังคงมีสิทธิ์ หน้าที่ในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ และสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในฐานะคู่สัญญาตามเดิม โดย EAD ให้การสนับสนุนในการบริหารสัญญา
4. ในส่วนสัญญาร่วมลงทุน สกพอ. ยังคงเป็นคู่สัญญากับเอกชนเช่นเดิม โดยยังคงรับผิดชอบกำกับดูแลและบริหารสัญญา ซี่งในโครงสร้างยังคงมีคณะกรรมการกำกับดูแลและคณะกรรมการบริหารสัญญา โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก กำกับดูแลตามกฎมาย