ThaiPublica > เกาะกระแส > แอร์อินเดียบินกลับคืนสู่เจ้าของเดิม กลุ่มทาทา (Tata) “มหาราชา” แห่งทุนนิยมอินเดีย

แอร์อินเดียบินกลับคืนสู่เจ้าของเดิม กลุ่มทาทา (Tata) “มหาราชา” แห่งทุนนิยมอินเดีย

22 ตุลาคม 2021


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ที่มาภาพ : https://www.tata.com/newsroom/business/air-india

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางการอินเดียประกาศว่า กลุ่มทาทา (Tata) ยักษ์ใหญ่ธุรกิจเอกชนอินเดีย ชนะการประมูลเสนอซื้อกิจการของแอร์อินเดีย (Air India) โดยการเสนอซื้อเป็นราคา 180,000 ล้านรูปี หรือ 2.4 พันล้านดอลลาร์ (72,000 ล้านบาท) เพื่อถือครองกรรมสิทธิ์หุ้น 100% ของแอร์อินเดีย รวมถึงกรรมสิทธิ์ของหุ้นแอร์อินเดียในสายการบินต้นทุนต่ำ Air India Express และบริษัทแอร์อินเดียบริการภาคพื้นที่สนามบิน

แต่เว็บไซต์ fortuneindia.com บอกว่า กลุ่มทาทามีต้นทุนเข้าซื้อแอร์อินเดียเพียง 27,000 ล้านรูปีเท่านั้น คือ 15% ของมูลค่าสายการบินแห่งชาติของอินดีย ที่มีมูลค่า 180,000 ล้านรูปี ทางกลุ่มทาทาจะรับผิดชอบหนี้สินของแอร์อินเดีย 153,000 ล้านรูปี ส่วนรัฐบาลอินเดียจะรับผิดชอบหนี้สินที่เหลืออีก 280,000 ล้านรูปี โดยจะโอนให้ไปอยู่ในการดูแลของหน่วยงานจัดการทรัพย์สินของรัฐ กลุ่มทาทาจะต้องจ้างงานพนักงานแอร์อินเดียในปัจจุบัน ต่อไปอีก 1 ปี

คำแถลงของกลุ่มทาทา

การเป็นเจ้าของแอร์อินเดียหมายความว่า กลุ่มทาทาได้เป็นเจ้าของตราสินค้า (brand) 3 อย่างคือ แอร์อินเดีย สายการบินต้นทุนต่ำ Air India Express และสัญลักษณ์รูปนำโชค “มหาราชา” (Maharajah) หลังจากชนะการประมูลซื้อแอร์อินเดีย กลุ่มทาทาไม่ได้ให้รายละเอียดแผนฟื้นฟูแอร์อินเดีย แต่กล่าวถึงอดีตที่เคยรุ่งเรืองของแอร์อินเดีย ซึ่งในปี 1932 กลุ่มทาทาตั้งสายการบินนี้ขึ้นมาในชื่อว่า ทาทา แอร์ไลน์ (Tata Airlines) แต่ต่อมาในปี 1953 รัฐบาลอินเดียได้โอนกิจการแอร์อินเดียให้เป็นสายการบินของรัฐ

Ratan Tata ประธานกลุ่มทาทาออกแถลงการณ์ว่า “แม้จะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในอันที่จะสร้างแอร์อินเดียขึ้นมาใหม่ แต่สิ่งนี้ก็จะให้โอกาสทางตลาดอย่างสูง ในอุตสาหกรรมการบินแก่กลุ่มทาทา ในด้านจิตใจ แอร์อินเดียในสมัยการนำของ JRD Tata เคยมีชื่อเสียงในฐานะเป็นหนึ่งในสายการบิน ที่มีเกียรติภูมิมากที่สุดของโลก กลุ่มทาทามีโอกาสที่จะทำให้ภาพลักษณ์ และชื่อเสียงในอดีตของแอร์อินเดีย กลับคืนมาใหม่ ทางเราขอขอบคุณรัฐบาล ที่เปิดโอกาสในบางอุตสาหกรรมให้แก่ภาคเอกชน ขอต้อนรับการกลับมาของแอร์อินเดีย”

ที่มาภาพ : ทวิตเตอร์ Air India @airindiain

เคยมีประสิทธิภาพ กำไร และเติบโตไว

ในปี 1932 JRD Tata ได้ตั้งสายการบินชื่อ Tata Air Mail ที่ได้สัญญาจ้างจากรัฐบาล ในการขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ทางอากาศ จากการาจีมาบอมเบย์ เป็นการรับช่วงการขนส่งต่อมาจากสายการบิน Imperial Airways ของอังกฤษ ที่บินมาแค่การาจี ในปีเดียวกันนี้ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสายการบินทาทา (Tata Airlines) โดยเป็นบริษัทในเครือของ Tata Sons Ltd หรือกลุ่มทาทาในปัจจุบัน ต่อมา ในปี 1946 สายการบินทาทาเปลี่ยนชื่อเป็นแอร์อินเดีย (Air India)

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจการบินพาณิชย์ฟื้นตัวกลับมาใหม่ สายการบินอย่าง KLM Air France BOAC และ PAN AM เริ่มบินมาอินเดีย ในปี 1947 หลังได้รับเอกราช ชื่อเสียงของแอร์อินเดียโด่งดังจากกรณีที่นางวิจายาลักษมี บัณฑิต นักการทูตและน้องสาวของนายกรัฐมนตรีชวาหะร์ลาล เนห์รู เดินทางไปรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตอินเดียที่สหภาพโซเวียต เธอเขียนถึงความประทับใจในบริการของแอร์อินเดีย

เส้นทางบิน Tata Air Mial ภาพจาก wikipedia.org

กลุ่มทาทาสนใจที่จะเปิดบินไปต่างประเทศ จึงเสนอรัฐบาลขอตั้งสายการบิน Air India International เพื่อบินเส้นทางต่างประเทศ และเสนอโครงสร้างการถือหุ้นประกอบด้วย แอร์อินเดีย รัฐบาลอินเดีย และคนทั่วไป รัฐบาลอินเดียยอมรับข้อเสนอนี้ โดยรัฐบาลถือหุ้น 49% กลุ่มทาทา 25% และที่เหลือเป็นนักลงทุนอื่น รัฐบาลยังมีสิทธิที่จะซื้อหุ้นเพิ่มอีก 2% ส่วนแอร์อินเดียจะได้รับสิทธิการบินเส้นทางต่างประเทศ ในชื่อของ Air India International มีฐานะเป็นสายการบินที่รัฐกำหนด ให้บินเส้นทางต่างประเทศ ในปี 1948 แอร์อินเดียเปิดบินเส้นทางบินระยะไกลเส้นทางแรกคือ บอมเบย์-ไคโร-เจนีวา-ลอนดอน

หนังสือ The TATAS เขียนถึงความผูกพันของผู้บริหารกลุ่มทาทาที่มีต่อแอร์อินเดียว่า JRD Tata ประธานกลุ่มทาทา ผู้ก่อตั้งแอร์อินเดีย ร่วมเดินทางเที่ยวบินแรกบอมเบย์-ลอนดอน เนื่องจากทุ่มเทให้กับการสร้างสายการบิน ทุกครั้งที่เดินทาง JRD Tata จะเขียนบันทึกเป็นข้อแนะนำแก่ผู้บริหาร ที่รับผิดชอบฝ่ายต่างๆอยู่เสมอ คำแนะนำเช่น ผ้าม่านหน้าต่างของสายการบิน พฤติกรรมพนักงานต้อนรับ และอาหารกับเครื่องดื่มที่ให้บริการผู้โดยสาร

ครั้งหนึ่ง JRD Tata เขียนถึงผู้อำนวยการแอร์อินเดียว่า “หากคุณเสิร์ฟเบียร์ที่แอลกอฮอร์เข้มข้น ท้องจะรู้สึกหนัก ขอให้เสิร์ฟเบียร์ที่มีรสชาติอ่อนลง ขอให้ตรวจสอบว่า เวลาเสิร์ฟอาหารเย็นบนเครื่อง ไฟทุกดวงเปิดตามปกติ ผมสังเกตว่า บ่อยครั้งแสงไฟที่เพดานไม่ได้เปิดทุกดวง เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์มากขึ้น หากเปิดไฟทุกดวง เพราะแสงไฟจะทำให้เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารทำจากเงินของเรา ส่งแสงแวววาว ช่วยสร้างความประทับใจแก่ผู้โดยสารมากขึ้น”

ที่มาภาพ : ทวิตเตอร์ Air India

ในปี 1953 รัฐบาลอินเดียใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 2% ทำให้แอร์อินเดียกกลายเป็นสายการบินของรัฐ และรัฐบาลออกกฎหมายโอนกิจการการบินให้เป็นของรัฐ ทำให้เส้นทางบินต่างประเทศทั้งหมด อยู่ภายใต้การดำเนินงานของแอร์อินเดีย ส่วนเส้นทางบินในประเทศ ให้โอนไปให้กับสายการบิน Indian Airlines ปี 1954 แอร์อินเดียเปิดเที่ยวบินปฐมฤทธิ์สู่สิงคโปร์ กรุงเทพ ฮ่องกงและโตเกียว

ในปี 2012 The New York Times พิมพ์บทความในวาระที่แอร์อินเดียมีอายุครบ 80 ปี ชื่อ When Air India Was Efficient, Profitable and Growing Fast โดยกล่าวว่า JRD Tata ผู้ก่อตั้งแอร์อินเดีย ได้เขียนจดหมายแจ้งแก่พนักงานสายการบินว่า

“สิ่งที่น่าสะเทือนใจ นอกเหนือจากการตัดสินใจของรัฐบาลในเรื่องนี้ ก็คือวิธีการโอนกิจการการบินเป็นของรัฐ โดยที่ไม่มีการปรึกษาหารือมาก่อนกับอุตสาหกรรมนี้เลย เราต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพเป็นจริงที่ว่า เรามีชีวิตอยู่ในยุคการเมืองและระบบราชการ ที่ประชาชนอย่างเราแทบไม่ได้มีความหมายอะไรมาก ในการวางแผนงานต่างๆ(ของรัฐ)”

ที่มาภาพ : amazon.com

ขายตั้งแต่เกลือถึงซอฟต์แวร์

กลุ่มทาทาตั้งขึ้นในปี 1868 ในสมัยที่อินเดียอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ บริษัท Tata Sons มีฐานะเป็นบริษัทครอบครัว และเป็นบริษัทแม่ ที่เข้าไปถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจต่างๆของกลุ่มทาทา นับจากก่อตั้งขึ้นมากลุ่มทาทากลายเป็นบริษัทที่บุกเบิกธุรกิจในอินเดีย เช่น Tata Power, Tata Airlines (Air India), Indian Hotel, Tata Motors, Tata Tea และ Tata Consultant Services
หนังสือชื่อ TATA: The Global Corporation That Built Indian Capitalism (2021) เขียนไว้ว่า ชีวิตประจำวันของคนอินเดียในศตวรรษที่ 21 อาจเริ่มต้นจากตื่นขึ้นมาจากนาฬิกาปลุกทาทา ดื่มชาทาทา โทรศัพท์ติดต่องานผ่านเครือข่าย Tata Indicom ขับรถยนต์ทาทาอินดิก้าไปทำงาน และไปทานอาหารกลางวันที่โรงแรม Taj Mahal สิ่งหนึ่งที่ลูกค้ามีการคาดคิดขึ้นมาเกี่ยวกับทาทา คือความไว้วางใจ

การมองภาพการใช้ชีวิตของคนอินเดียท่ามกลางโลกสินค้าของทาทา สะท้อนบทบาทของกลุ่มทาทาในการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแก่อินเดีย แต่เวลาเดียวกันก็มีเสียงวิจารณ์เรื่องความละโมภของธุรกิจนี้ โดยเฉพาะในยุคที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น นักวิจารณ์บางคนบอกว่า อินเดียกำลังเข้าสู่ “ยุคฉาบด้วยทอง” (Gilded Age) เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯเมื่อช่วง 1870-1900 ที่เศรษฐกิจเติบรวดเร็ว ตระกูลธุรกิจมั่งคั่งมหาศาล และความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้น

ที่มาภาพ : ทวิตเตอร์ Air India

แต่กรณีของอินเดียแตกต่างออกไป ยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่มทาทา ไม่ได้สูญหายไปเหมือน Rockefeller หรือ Vanderbilt แต่กลับเป็นเจ้าของธุรกิจไฮเทคแบบ Amazon, Apple หรือ Google เสียเอง

ชะตากรรมของแอร์อินเดียสะท้อนภาวะย้อนแย้งอย่างหนึ่ง บริษัทรัฐวิสาหกิจที่ทรุดโทรมที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย แต่ทว่าตั้งขึ้นมาโดยบริษัทเอกชนอินเดีย ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่ง การบินกลับมาสู่กลุ่มทาทา เจ้าของเดิม จะทำให้แอร์อินเดียกลับมายิ่งใหญ่แบบ “มหาราชา” ในอดีตได้หรือไม่

เอกสารประกอบ

When Air India Was Efficient, Profitable and Growing Fast, Samanth Subramaninian November 6, 2012 nytimes.com

The TATAS: How a Familt Built a Business and Nation, Girish Kuber, Hraper Business, 2019.

TATA: The Global Corporation That Built Indian Capitalism, Mircea Raianu, Harvard University Press, 2021.