ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ (archive) > กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศสรุปข่าวประจำสัปดาห์

กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศสรุปข่าวประจำสัปดาห์

21 กรกฎาคม 2021


ข่าวประชาสัมพันธ์

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์วันพุธที่ 21 กรกฎาคม 2564

1. รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมอบความช่วยเหลือวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดสให้ประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564

กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถขนส่งวัคซีนมายังประเทศไทยโดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะสามารถจัดส่งวัคซีนได้ภายในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2564 โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อรับมอบและบริหารจัดการวัคซีนดังกล่าวในประเทศไทย

กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินภารกิจสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อแสวงหาวัคซีนมาเพิ่มเติมให้กับประเทศไทยผ่านการดำเนินการทางการทูต โดยได้ผลักดันการดำเนินความร่วมมือด้านวัคซีนและการขอรับวัคซีนอย่างเร่งด่วนจากประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

การมอบความช่วยเหลือวัคซีนของสหรัฐฯ สะท้อนถึงมิตรภาพที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุขซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาความร่วมมือสำคัญในความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ โดยไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย และไทยขอบคุณสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่งสำหรับความช่วยเหลือที่มีความสำคัญสำหรับคนไทยในครั้งนี้

2. การฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติผู้สูงอายุในไทย

  • การเปิดบริการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติในไทยที่มีอายุ ๗๕ ปี ขึ้นไป

  • กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนย้ำว่า รัฐบาลไทยยึดมั่นในความพยายามให้ชาวต่างชาติในไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึง

    เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 กรมการกงสุล กรมควบคุมโรค และศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้เปิดบริการฉีดวัคซีนแบบ walk in ให้แก่ชาวต่างชาติในไทยที่มีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป และที่ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยขอให้เตรียมหนังสือเดินทางและหลักฐานการมีถิ่นพำนัก เช่น วีซ่า ใบยืนยันการมีถิ่นที่อยู่ ใบอนุญาตทำงาน

    เมื่อเดินทางถึงสถานีกลางบางซื่อ ขอให้ใช้ประตู 2 3 หรือ 4 ร่วมกับบุคคลทั่วไป และรักษามาตรการป้องกันโรค ทั้งนี้ การเปิดฉีดวัคซีนจะจำกัดจำนวนในแต่ละวัน แต่จะดำเนินการต่อเนื่อง จึงขอให้ทยอยเดินทางมาตามความสะดวกได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะจัดล่ามอาสาสมัครเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่สถานีกลางบางซื่อด้วย ระหว่างวันที่ 19-20 กรกฎาคม 2564 ชาวต่างชาติที่อายุ 75 ปีขึ้นไป ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 73 คน

  • การฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติในไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

  • ชาวต่างชาติที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและมีถิ่นพำนักในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการและสมุทรสาคร และไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อน สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยขอให้ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านระบบของกรมการกงสุล ที่ลิงก์ https://forms.gle/ULAqvx8eiDoX3v5Q9

    เมื่อลงทะเบียนแล้ว จะได้รับข้อความ SMS หรืออีเมล์แจ้งให้ไปฉีดตามวัน/เวลา วันละประมาณ 300 คน โดยขอให้เตรียมหนังสือเดินทางและหลักฐาน การมีถิ่นพำนักไปแสดง ณ จุดบริการฉีดวัคซีน และขอให้ใช้ประตู 2 ทั้งนี้ สำหรับชาวต่างชาติที่ถิ่นพำนักในจังหวัดอื่น สามารถติดต่อหน่วยงานสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลในจังหวัดที่อาศัยอยู่หลังจากเปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 มีชาวต่างชาติที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนแล้ว 627 คน (สถานะ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 08.50 น.)

    English version

    Department of Consular Affairs, Ministry of Foreign Affairs, Department of Disease Control, and the Central Vaccination Center – Bangsue Grand Station have launched vaccination services for foreigners residing in Thailand, as follows
    Walk-in vaccination service for foreigners aged 75 and over

    The walk-in vaccination service started from 19 July 2021 onwards for foreigners aged 75 and over who are residing in Thailand and have yet to receive any COVID-19 vaccines every day between 9:00 – 16:00 hrs. at Gate 2, 3 and 4, the Central Vaccination Center – Bangsue Grand Station. Those receiving vaccines must present their passports as well as proof of residence, eg. Visa, permanent residence card, or work permit on the day of vaccination.

    COVID-19 preventive measures should be strictly observed. Those receiving vaccines can arrive at the site within opening hours as per their convenience.

    Pre-registered vaccination service for foreigners aged 60 and over who reside in Bangkok and five surrounding provinces, or in the dark-red zone.

    Foreigners aged 60 and over who are residing in Bangkok and neighboring provinces (Nakhon Pathom, Nonthaburi, Pathum Thani, Samut Prakarn and Samut Sakhon) who have never received COVID-19 vaccination can register by filling in the online Google form at https://forms.gle/ULAqvx8eiDoX3v5Q9

    Registered individuals will be notified of appointment details directly via sms/email within 2 days after completion of registration.

    Pre-registered vaccination service for this group of foreigners will be open every day between 9:00 – 16:00 hrs. at Gate 2, the Central Vaccination Center – Bangsue Grand Station.

    3.การปรับรายชื่อประเทศใน EU White List และมาตรการการเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ สำหรับคนไทย (เยอรมนี กรีซ สาธารณรัฐเช็ก และสเปน)

    เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับรายชื่อประเทศในกลุ่มประเทศที่สามที่ EU เห็นว่าปลอดภัยและควรได้รับการผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเดินทางเข้า หรือ EU White List โดยถอนประเทศไทยและรวันดาออกจากรายชื่อดังกล่าว และเพิ่มยูเครนเข้าไป ทำให้ปัจจุบันมี 23 ประเทศ
    EU White List เป็นรายชื่อที่ EU จัดทำเพื่อแนะนำให้ประเทศสมาชิกเปิดให้บุคคลจากกลุ่มประเทศดังกล่าวเดินทางเข้าโดยไม่จำกัดวัตถุประสงค์ โดยระบุหลักเกณฑ์ไว้ว่า จะต้องเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 75 คนต่อประชากร 100,000 คน ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา และพิจารณาประกอบกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ภาพรวมมาตรการการรับมือการแพร่ระบาด และอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม EU White List ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งถูกปรับออกเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

    มาตรการของอียูดังกล่าวเป็นเพียงข้อแนะนำให้ประเทศสมาชิกอียูพิจารณาปฏิบัติตาม โดยสมาชิกอียูแต่ละประเทศมีอำนาจเต็มในการกำหนดเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศของตน ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางจากไทยเข้าประเทศสมาชิกอียู จำเป็นต้องตรวจสอบและดำเนินการตามมาตรการการเดินทางเข้าประเทศนั้น ๆ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมสืบเนื่องจากการปรับรายชื่อ EU White List ล่าสุด ดังนั้น ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://reopen.europa.eu หรือสถานเอกอัครราชทูตประเทศนั้น ๆ ประจำประเทศไทย

    ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการของประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป มีรายละเอียดดังนี้

    เยอรมนี

    รัฐบาลเยอรมนี ประกาศให้ไทยเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระดับพื้นฐาน (Basic Risk Area) โดยกำหนดมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ดังนี้
    ผู้ไม่ใช่พลเมือง หรือมีถิ่นพำนักในสหภาพยุโรป ประเทศสมาชิกกลุ่มเชงเก้น ต้องแสดงเหตุผลจำเป็นเร่งด่วน อาทิ การเข้าประเทศเพื่อปฏิบัติราชการ ทำงาน เยี่ยมญาติกรณีเร่งด่วน หรือเป็นนักเรียน/นักศึกษา
    (1) กรณีเป็นผู้ได้รับการฉีดวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนในเยอรมนี (Pfizer, Moderna, AstraZeneca และ Johnson & Johnson) ครบเกณฑ์แล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน สามารถเข้าเยอรมนีได้โดยไม่ต้องแสดงเหตุผล

    (2) ต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง หรือ หลักฐานรับรองการหายป่วยจากเชื้อโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 28 วันแต่ไม่เกิน 6 เดือน หรือ ผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่มีผลเป็นลบ (เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาเยอรมัน) โดยหากเป็น Antigen test ต้องมีอายุไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ส่วนผลการตรวจแบบ RT-PCR ต้องมีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

    (3) ผู้เดินทางต้องลงทะเบียนออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.einreiseanmeldung.de

    (4) ผู้เดินทางต้องเดินทางจากสนามบินไปที่พักโดยตรง และทำการกักตัวในที่พักเป็นเวลา 10 วัน ยกเว้นมีหลักฐานการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือหลักฐานรับรองการหายป่วยจากโควิด-19 ตามระยะเวลาข้างต้น ทั้งนี้ หากสามารถยื่นหลักฐานผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบผ่านเว็บไซต์ลงทะเบียนออนไลน์ ภายหลังเดินทางเข้าประเทศได้ จะถือว่าสิ้นสุดการบังคับกักตัว

    กรีซ

    กรีซได้ขยายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศจนถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 และห้ามผู้เดินทางจากหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เข้ากรีซ ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาประจำการ คณะผู้แทนของรัฐบาล บุคลากรด้านสาธารณสุขและนักวิจัยที่เข้ามาเพื่อทำงานร่วมกับฝ่ายกรีซ นักศึกษา ลูกจ้างต่างชาติทำงานตามฤดูกาลที่ได้รับใบอนุญาตเข้าประเทศแล้ว และผู้เดินทางเข้าด้วยเหตุผลทางอาชีพ เช่น ลูกเรือ พนักงานการบิน รวมถึงผู้โดยสารต่อเครื่องซึ่งต้องอยู่ในบริเวณรอต่อเครื่องเท่านั้น

    สาธารณรัฐเช็ก

    กระทรวงสาธารณสุขจัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสีเขียวเช่นเดิม ทำให้ผู้เดินทางจากไทยสามารถเดินทางเข้าเช็กได้ตามปกติ แต่จะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบ (หากเป็น Antigen test ต้องมีอายุไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนเริ่มเดินทางออกจากประเทศต้นทาง ส่วนผลการตรวจแบบ RT-PCR ต้องมีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเริ่มเดินทางออกจากประเทศต้นทาง) และต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้ออีกครั้งภายใน 5 วัน หลังเดินทางเข้าประเทศ
    ผู้เดินทางที่ไม่มีใบอนุญาตพำนักในสาธารณรัฐเช็ก หรือใบอนุญาตพำนักระยะยาวในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หรือมีวีซ่าระยะสั้นซึ่งออกก่อนวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 หรือมีวีซ่าที่ออกโดยประเทศสหภาพยุโรป สามารถยกเว้นผลตรวจได้ใน 2 กรณี คือเป็นผู้หายป่วยจากโควิด-19 มาแล้วไม่เกิน 180 วัน และได้รับวัคซีนครบโดสในประเทศสหภาพยุโรป เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทาง

    สเปน

    กระทรวงสาธารณสุขสเปนเผยแพร่รายชื่อประเทศ/พื้นที่ ที่ไม่อยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงโรคโควิด-19 โดยมีผลระหว่างวันที่ 17-25 กรกฎาคม 2564 โดยประเทศไทยยังไม่ถือเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง และไม่ถูกจำกัดการเดินทางเข้าสเปน
    ผู้เดินทางต้องติดตามประกาศของทางการสเปนต่อไป เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเข้าเมืองสำหรับคนไทยตามข้อกำหนดของอียู และต้องปฏิบัติตามมาตรการของทางการสเปน โดยต้องกรอกแบบฟอร์มข้อมูลการเดินทางก่อนเดินทางเข้าสเปน เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่สนามบินเมื่อเดินทางถึงสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ https://bit.ly/3ziikt7

    4.สถานการณ์อุทกภัยในยุโรป และการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่

    ตามที่เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยรุนแรงในพื้นที่ภาคตะวันตกของเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งได้รับการยืนยันขณะนี้ 195 ราย และยังคงมีผู้สูญหายกว่า 750 ราย โดยไม่มีรายงานคนไทยเสียชีวิตหรือสูญหาย

    สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ได้ประสานงานกับวัดไทย 3 แห่ง และชุมชนไทยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ความช่วยเหลือ อาทิ แหล่งพักพิงชั่วคราว สนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค โดยนายสุวพงศ์ ศิริสรณ์ กงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ได้เข้าเยี่ยมชุมชนไทยในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคม ดังนี้

    ตอนเหนือของรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน ซึ่งมีคนไทยพำนักอยู่ประมาณ 200 คน เป็นพื้นที่ทางตอนเหนือที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำล้นตลิ่งและเกิดน้ำท่วมสูงเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

    ตอนใต้ของรัฐนอร์ดไรน์- เวสต์ฟาเลิน โดยเยี่ยมครอบครัวคนไทยในเมือง Eschweiler และ Stolberg ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยอย่างหนัก

    รัฐไรน์ลันด์-พฟัลช์ โดยเยี่ยมครอบครัวคนไทยในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำได้ลดระดับลงแล้ว ประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าบ้านเรือนเพื่อทำความสะอาดและสำรวจความเสียหาย

    ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในระดับสูงในบริเวณ จ. Limburg ของเนเธอร์แลนด์ ทางการเนเธอร์แลนด์ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นระบบ รวมถึงคนไทยในพื้นที่ประสบภัย ทั้งในขั้นตอนการอพยพ ขนส่งย้ายสิ่งของ การเตรียมสถานที่พำนักชั่วคราว โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ได้ประสานชุมชนไทยในพื้นที่ประสบเหตุแล้ว รับทราบว่าส่วนหนึ่งได้อพยพย้ายออกจากบ้านตามคำประกาศเตือนของทางการท้องถิ่น

    5.ประชาสัมพันธ์

  • กรมการกงสุล ปิดให้บริการชั่วคราว ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔

  • ทั้งนี้ จะให้บริการเฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ได้แก่ การรับรองเอกสาร และการทำหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลที่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยสามารถติดต่อหมายเลข Call Center กรมการกงสุล ๐๒-๕๗๒-๘๔๔๒ ได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมถึงติดตามข้อมูลล่าสุดที่ Facebook “กรมการกงสุล (ThaiConsular)”

  • รายการ Spokesman Live!!!

  • วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา 15.00-15.30 น. ขอเชิญติดตามรายการ คุยรอบโลกกับโฆษก กต. – Spokesman Live!!! จะสัมภาษณ์ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หัวข้อ “BCG Economy โมเดลใหม่ เศรษฐกิจไทย” สามารถติดตามชมได้ที่ Facebook “กระทรวงการต่างประเทศ” และ “Saranrom Radio”

  • รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update

  • วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม 2564 เวลา 08.30-08.45 น. รายการ “บันทึกสถานการณ์” ทาง FM 5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์นายเกริกภูมิ จิตรานุเคราะห์ นักการทูตชำนาญการ (ที่ปรึกษา) สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์/สำนักเลขาธิการเอเปค หัวข้อ “บทบาทของผู้แทนไทยในสำนักเลขาธิการเอเปค” สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ Facebook “สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย”