ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ (archive) > เอ็กโก กรุ๊ป ชู “2 ลด 1 เพิ่ม” จัดการขยะองค์กรอย่างยั่งยืน

เอ็กโก กรุ๊ป ชู “2 ลด 1 เพิ่ม” จัดการขยะองค์กรอย่างยั่งยืน

17 มิถุนายน 2021


ข่าวประชาสัมพันธ์

เอ็กโก กรุ๊ป ชู “2 ลด 1 เพิ่ม” จัดการขยะองค์กรอย่างยั่งยืนกับรางวัล “Low Carbon Business: Waste Management”

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป นำโครงการจัดการขยะ “EGCO Ecosystem” คว้า “Low Carbon Business: Waste Management Award” จากโครงการ “ถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ” ที่จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (TRBN) สะท้อนความสำเร็จในการจัดการขยะภายในองค์กรอย่างยั่งยืน

ดำเนินธุรกิจควบคู่สิ่งแวดล้อม

เอ็กโก กรุ๊ป เชื่อใน “ต้นทางดี ปลายทางดี” การดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม จะทำให้เกิดความยั่งยืนทั้งระบบ

ทุกวันนี้โลกประสบกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งธุรกิจพลังงานเป็นส่วนสำคัญที่มีผลกระทบได้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในเชิงลบ แน่นอนว่าธุรกิจพลังงานมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ถ้าจะดำเนินการเชิงบวกด้วยศักยภาพของธุรกิจนี้ ก็จะสนับสนุนให้เกิดผลกระทบเชิงบวกกับส่วนรวมได้อย่างมาก

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า “เอ็กโก กรุ๊ป ตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาตั้งแต่ที่ต้นทาง ในการทำธุรกิจ เราจึงมีการกระจายเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและตั้งเป้าหมายจะเพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตทั้งหมด 6,016 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานหมุนเวียนสูงถึง 1,364 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ยังมีการก่อตั้งมูลนิธิรักษ์ป่าเพื่ออนุรักษ์ดูแล ฟื้นฟูป่าต้นน้ำสำคัญของประเทศมานานกว่า 20 ปี”

เมื่อมาดูระบบนิเวศภายในองค์กร เอ็กโก กรุ๊ป มีค่านิยมหลักข้อหนึ่งว่า “พนักงานเอ็กโก กรุ๊ป ต้องใส่ใจผู้มีส่วนได้เสีย” โดยการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนสามารถเริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ และใกล้ตัวอย่างการปลูกฝัง “การจัดการขยะในองค์กร” ซึ่งเป็นภารกิจที่ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมได้ทุกวัน

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป

จุดเริ่มต้น บันได 4 ขั้นสู่ “การจัดการขยะอย่างยั่งยืน”

เอ็กโก กรุ๊ป โดยทีมพนักงานจิตอาสา ได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมพนักงานตามค่านิยมหลักขององค์กรภายใต้ชื่อ EGCO Ecosystem ตั้งแต่ปี 2563 เพื่อปลูกจิตสำนึกและส่งเสริมให้พนักงานรู้จักประเภทขยะและเกิดพฤติกรรมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องในอาคารเอ็กโก สำนักงานใหญ่

โครงการฯ เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และแบ่งออกเป็น 4 ช่วง

  • ช่วงที่ 1 Kick-off ก่อนทำงานจากบ้าน (Work from Home) ผู้บริหารสื่อสารถึงความสำคัญของปัญหาและปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง เช่น พกกระบอกน้ำของตัวเองเข้าห้องประชุม ด้านทีมจิตอาสาเริ่มสื่อสารถึงการคัดแยกขยะในพื้นที่ส่วนกลางและห้องอาหาร เพื่อเก็บข้อมูลตั้งแต่ต้น สังเกตพฤติกรรม ประเมิน และปรับแนวทางการส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสม
  • ช่วงที่ 2 Kick-off ต่อ ช่วงกลับเข้าบริษัทปฏิบัติตัวแบบชีวิตปกติใหม่ (New Normal) ผู้บริหารเน้นย้ำถึงความสำคัญของปัญหาและเชิญชวนพนักงานร่วมมือต่อ ขยายการคัดแยกขยะจากพื้นที่ส่วนกลางไปตามสำนักงานทุกชั้น สื่อสารให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะสำคัญที่เกิดท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และการปรับตัวแบบ New Normal เช่น การแยกและทิ้งหน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง การแยกขยะจากอาหารแบบเดลิเวอรีที่มีปริมาณมากขึ้น สุดท้ายคือการเก็บข้อมูลปริมาณขยะประเภทต่างๆ
  • ช่วงที่ 3 Awareness การเปิดเผยและสื่อสารข้อมูลปริมาณขยะประเภทต่างๆ ด้วยเทคนิคการเทียบเคียงผลกระทบที่เกิดต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความตระหนักรู้
  • ช่วงที่ 4 Engagement เพิ่มประเภทถังขยะและป้ายสื่อสารสร้างความเข้าใจในการแยกขยะให้ชัดเจนมากขึ้น อบรมทีมแม่บ้านเกี่ยวกับประเภทของขยะและประโยชน์ของการคัดแยกขยะ ส่งต่อขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ เช่น ลังกระดาษ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อทบทวนความรู้ รักษาแรงกระเพื่อมของพฤติกรรมและสร้างขวัญกำลังใจของพนักงาน

สู่รางวัลแห่งความภูมิใจ

ต่อมา เอ็กโก กรุ๊ป ได้นำโครงการ EGCO Ecosystem เข้าร่วมโครงการถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ ที่จัดโดยสำนักงาน ก.ล.ต. และ TRBN ซึ่งเชิญชวนบริษัทจดทะเบียนที่ตั้งอยู่ในแนวถนนวิภาวดีรังสิต ร่วมกันบริหารจัดการขยะภายในองค์กร และลดขยะที่ไม่สามารถหมุนเวียนไปใช้หรือทำประโยชน์อย่างอื่นให้เหลือน้อยที่สุด

บริษัทที่เข้าร่วมโครงการถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ มีทั้งหมด 14 บริษัท ซึ่งบริษัทที่จะได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณประเภท Low Carbon Business: Waste Management Award จะผ่านเกณฑ์การพิจารณา 3 ด้าน คือ ต้องมีการดำเนินการต่อเนื่องมากกว่า 3 เดือน สามารถสร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากรในองค์กร และมีอัตราการรีไซเคิล (Recycling Rate) มากกว่า 75%

เอ็กโก กรุ๊ป เป็น 1 ใน 3 บริษัทที่ได้รับประกาศเกียรติคุณประเภท Low Carbon Business: Waste Management Award และเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564

นายเทพรัตน์กล่าวต่อว่า การดำเนินโครงการ EGCO Ecosystem มีหลักการง่ายๆ คือ “2 ลด 1 เพิ่ม” ได้แก่ ลดปริมาณการนำเข้าขยะ ลดการปนเปื้อนโดยการคัดแยกขยะ และเพิ่มปริมาณการรีไซเคิล โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2563 อาคารเอ็กโกมีอัตราการรีไซเคิลในภาพรวมอยู่ที่ 75.13% และช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้รวม 14,352 กิโลกรัม/คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

ปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้เอ็กโก กรุ๊ป ได้รับรางวัลนี้ เกิดจากการริเริ่มของพนักงานจิตอาสาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน การกำหนดจุดยืนร่วมกันว่าการคัดแยกขยะเป็นภารกิจสำคัญขององค์กร การสื่อสารที่ชัดเจนและการรณรงค์ต่อเนื่อง การมีส่วนร่วมของทั้งผู้บริหารที่ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีและพนักงานทุกระดับ ตลอดจนการเก็บข้อมูล รายงานผลอย่างต่อเนื่อง และปรับวิธีดำเนินงานให้เอื้อต่อการปฏิบัติได้จริง

“เอ็กโก กรุ๊ป มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ถนนวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ” และมีส่วนร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกและระบบนิเวศที่ดีให้กับถนนวิภาวดีรังสิตด้วย เพราะการจัดการขยะไม่ใช่แค่กิจกรรม แต่นำไปสู่สังคมที่ยั่งยืน” นายเทพรัตน์กล่าว

เสียงพนักงานที่ร่วมโครงการ EGCO Ecosystem

นางสาวฤชุตาติ์ พุธวัฒนะ เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลอาวุโส เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนก็มีความรู้เรื่องการคัดแยกขยะบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถแยกได้อย่างถูกต้องทั้งหมด เช่น คิดว่าพลาสติกทุกประเภทสามารถนำไปรีไซเคิลได้ เมื่อมีการรณรงค์คัดแยกขยะในองค์กรก็ได้รับความรู้มากขึ้น และนำไปต่อยอดในการคัดแยกขยะที่บ้าน ด้วยการเพิ่มถังขยะสำหรับพลาสติกทั้งประเภทที่รีไซเคิลได้และรีไซเคิลไม่ได้

“การที่เราแยกขยะหรือมีการจัดการขยะที่ดี จะส่งผลดีไปในทุกๆ ส่วน พนักงานมีความรู้และมีความรู้สึกดีกับตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เมื่อเอ็กโก กรุ๊ป มีการจัดการขยะที่ดี ชุมชนก็รู้สึกดี เพราะไม่มีขยะเน่าเสีย เมื่อคนรับขยะไปจัดการ ก็จัดการต่อได้ไม่ยาก” นางสาวฤชุตาติ์ กล่าว

ในขณะที่ นายณัฐพงศ์ ชุมนวล เจ้าหน้าที่จัดซื้อและบริหารสัญญา เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า “การรณรงค์จัดการขยะภายในองค์กรทำให้ตนเอง “คิดมากขึ้น” ในการทำกิจกรรมต่างๆ ในที่ทำงาน เช่น การกินข้าวก็จะตักแต่พอดีเพื่อไม่ให้เหลือทิ้ง นำแก้วน้ำของตัวเองไปซื้อเครื่องดื่มในโรงอาหารแทนการใช้แก้วพลาสติก นอกจากนี้ ได้นำความรู้ที่ไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันอื่นๆ เช่น การลดใช้ถุงพลาสติก เมื่อทำงานจากบ้าน (Work from Home) และต้องสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี ก็จะไม่รับช้อนส้อมพลาสติก โดยเชื่อว่าหากทำสิ่งเหล่านี้สั่งสมไปเรื่อยๆ ก็จะส่งผลดีต่อระบบนิเวศของโลกและสังคมซึ่งล้วนมีความเชื่อมโยงกัน”