ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ (archive) > ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับแนวโน้มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน “ไทยประกันชีวิต”

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับแนวโน้มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน “ไทยประกันชีวิต”

22 เมษายน 2021


ข่าวประชาสัมพันธ์

นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับแนวโน้มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน “ไทยประกันชีวิต” เป็นแนวโน้มมีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศที่ AAA(tha) เป็นระดับสูงสุดในภาคธุรกิจไทย ชี้เงินกองทุนสูงและแข็งแกร่ง ผลจากการบริหารจัดการที่ดี ควบคู่นโยบายการลงทุนที่รอบคอบและมีประสิทธิภาพ

นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตมุ่งดำเนินธุรกิจสู่การเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต หรือ Life Solutions โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนางานในทุกด้าน สร้างนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการสร้างความมั่นคงทางการเงิน และการบริหารความเสี่ยงที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เอาประกันของบริษัทฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 4 ล้านราย

การให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงิน ส่งผลให้ในปี 2564 สถาบันจัดอันดับเครดิตทางการเงินระดับโลก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ได้ประกาศปรับแนวโน้มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Ratings) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength Ratings: IFS Ratings) ของบริษัทฯ เป็นแนวโน้มมีเสถียรภาพ โดยคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศที่ระดับ AAA(tha) และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength : IFS) อยู่ที่ระดับ A- ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตทางการเงินสูงที่สุดในภาคธุรกิจไทย

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ชี้ว่าไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีสถานะทางการเงินและเงินกองทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนเงินกองทุน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2563 อยู่ที่ 372% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 120% ด้วยระดับความเสี่ยงด้านสินทรัพย์และการรับประกันภัยของบริษัทฯ ที่มีความสมเหตุสมผล และเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะสามารถรักษาฐานะของเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งได้ต่อเนื่องตลอดปี 2563

นอกจากนี้ การบริหารทรัพย์สินอย่างรอบคอบและระมัดระวังของบริษัทฯ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการพิจารณาอันดับเครดิตของฟิทช์ฯ ซึ่งไทยประกันชีวิตมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝาก รวม 84% ของพอร์ตเงินลงทุนรวม ส่วนการลงทุนในตราสารทุนมีประมาณ 9% ของมูลค่าเงินลงทุนรวม โดยมีกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อทรัพย์สินรวม (pre-tax return on assets) ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 3% สะท้อนการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ควบคู่กับการรักษาอัตราผลตอบแทนโดยรวมที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับเงินกองทุนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงอยู่ในระดับน่าพอใจ

ขณะเดียวกัน ไทยประกันชีวิตมีฐานะทางการเงินที่แข็งแรง ตามโครงสร้างธุรกิจที่เข้มแข็ง โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายตลาดผ่านตัวแทนฯ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 50,000 คนทั่วประเทศ ที่พร้อมเป็นผู้วางแผนดูแลชีวิต การเงินและการลงทุนให้กับผู้เอาประกันและคนไทย ควบคู่กับขยายตลาดผ่านช่องทางการขายใหม่ๆ อาทิ E-Commerce, Bancassurance, Telesale โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสนับสนุนการทำงาน ประกอบกับบริษัทฯ มีการพัฒนาสินค้าที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคครอบคลุมในทุกช่วงชีวิต รวมถึงพัฒนานวัตกรรมด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกสถานการณ์

“ธุรกิจประกันชีวิตยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายที่หลากหลาย ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจในระดับประเทศและระดับโลก จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไป บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนางานในทุกด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกันอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการมุ่งสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพื่อให้สามารถจ่ายผลประโยชน์แก่ผู้เอาประกันตามสัญญากรมธรรม์ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นในฐานะบริษัทประกันชีวิตที่มีความมั่นคงและแข็งแกร่ง พร้อมเคียงข้างดูแลชีวิตคนไทยในทุกสถานการณ์ ” นางวรางค์กล่าว