วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา
บ่อยครั้งที่คนถามผมว่าทำไมจึงชอบออกไปร่วมกิจกรรมเก็บขยะนัก
ไม่ใช่ทั้งหน้าที่ และไม่ใช่ทางแก้ไขอะไรที่ยั่งยืน
ทำไมไม่ไปแก้ที่ต้นเหตุ….บลาๆๆ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา บังเอิญตรงกับวันอนุรักษ์ฉลามวาฬสากล ผมจะไปร่วมกิจกรรมพายเรือเก็บขยะในคลอง กับกลุ่มหนุ่มสาวจากชุมชนและสถาบันต่างๆ ที่ตลาดหัวตะเข้ อีกแล้วครับ
ผู้จัดเป็นกลุ่มคนวัยเริ่มทำงานชายหญิงที่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรกับเรื่องนี้ แต่เขาทำเพราะเขารู้สึกดีที่ได้ทำกับชุมชนที่เขาสัมผัส และพวกเขาก็ทำกิจกรรมเก็บขยะตามที่ต่างๆทั่วไทยมาแล้ว ในนาม “กลุ่มอาสาเที่ยว”
กลับมาตอบคำถามข้างบนที่สะสมรับฟังมาหลายปีดีกว่า
อย่างแรก… การออกไปร่วมกิจกรรมเก็บขยะ ทำให้เราได้พบเจอกับคนที่อย่างน้อยก็มีความตั้งใจจะทำบ้านเมืองและสิ่งแวดล้อมให้มันดีขึ้น
การได้เจอคนที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่กำลังมุ่งจะมาทำภารกิจเพื่อผู้อื่น เพื่อสิ่งอื่น ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวนั้น มันอบอุ่นนะครับ
อบอุ่นว่าเรานับถือกันและกันได้โดยไม่ต้องรู้จักชื่อกันด้วยซ้ำ
สาเหตุที่สอง การเก็บขยะ จะทำให้เราได้เพ่งมอง ได้เห็นสิ่งที่ปกติเราอาจไม่สังเกต ว่ามีอะไรที่แปลกปลอมเข้าไปปะปนกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมากมายขนาดนั้น
ได้เห็นสิ่งที่หมกซ่อนในใต้สะพานลอย ใต้ทางกลับรถ ใต้ตึก ในพงหญ้า บนภูเขา ใต้ทะเล ในกอผักตบชวา ใต้บ้านริมคลอง ในก้นคลอง ในใต้หาดทราย ในสวนหย่อมริมทาง ในซอกอาคาร ในกระถางต้นไม้ริมถนน จาระไนไม่หมดครับ
เห็นบ่อยเข้าแล้วเราจะเริ่มแยกแยะออก ว่าเราเจออะไรมากกว่าอะไร และอะไรเก็บกวาดยากกว่าอะไร
ทำให้เราตระหนักครับ….ว่ามนุษย์เราปล่อยปละละเลยด้วยการทิ้งสิ่งที่ไม่ควรทิ้งไว้ตามที่ต่างๆมากแค่ไหน
การร่วมกิจกรรมเก็บขยะจึงเป็นการร่วมเรียนรู้และเตือนสติให้ตัวเราเองได้ดีอย่างหนึ่ง
เหตุผลอย่างที่สาม คือรู้สึกดีที่ได้เห็นสภาพแวดล้อมตรงจุดนั้นๆ มันเปลี่ยนไป สะอาดขึ้น แม้มือไม้ เนื้อตัว เสื้อผ้า ของเราจะเลอะเทอะสกปรกหน่อย แต่มันก็ทำความสะอาดจัดการได้จบเสร็จในเพียงแค่ 20 นาทีหลังล้างตัว อาบน้ำ
เหตุผลสุดท้าย คือ ถ้าเราไม่ไปเก็บเสียอีกคน แล้วเจ้าขยะพวกนั้นมันจะหายไปเองมั้ย ก็คงไม่ เพราะจุดที่เราไปเก็บกัน ปกติจะเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ไม่มีเวลา ไม่มีกำลังเพียงพอในภารกิจปกติที่จะชอนไชเข้าไปถึง
ขยะที่ไม่ย่อยสลายนั้น มันสามารถอยู่ในสภาพโทรมๆอย่างนั้นไปอีกหลายร้อยปี และเมื่อมันเสื่อมสลาย มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่กำจัดจัดการได้ยากขึ้นไปเรื่อยๆเสมอ
สำหรับผมยังมีเหตุผลพิเศษอีกอย่าง คือการได้เข้าไปร่วมสัมผัสกับกิจกรรมอย่างนี้ ช่วยทำให้ได้ข้อมูลจากประสบการณ์จริงกลับมาใช้พัฒนานโยบายสาธารณะที่สะท้อนความจริงของปัญหาที่เชื่อมโยงกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะซับซ้อนกับชีวิตสังคมเมือง ชีวิตคนชานเมือง ชีวิตคนต่างจังหวัด หรือชีวิตนักท่องเที่ยวหรือของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ๆเราได้เข้าไปแคะไค้ใส่ใจหาทางทำความสะอาดมัน
ประสบการณ์การปีนเขาขึ้นไปเก็บขยะลงมา มุดใต้สะพานลงไปเขี่ยไปกวาดเศษวัสดุต่างๆออกมา การได้นั่งยองๆก้มๆเงยๆกับพื้นเพื่อล้วงเข้าพงสวนหย่อม หรือลุยน้ำพายเรือหรือแม้แต่ดำน้ำลงไปเก็บเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาจากจุดที่ไม่ควรอยู่จึงเป็นประสบการณ์ที่ สร้างสรรค์กว่าแค่การเก็บขยะ
แต่มันคือการทำความสะอาดกายใจและสำนึกให้ตัวเราเอง
ขอชักชวนให้ท่านที่อยากมีกิจกรรมเพลินๆและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ออกไปร่วมกันจัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่เราและคนที่มาก่อนหน้าทิ้งไว้กันครับ
เพื่อส่งมอบสภาพแวดล้อมที่ไม่เลวร้ายเกินไปให้คนรุ่นถัดๆไป
แม้เค้าอาจจะไม่รู้อะไรกับสิ่งที่เราทำเลยก็ตามที
….
วันนี้ฝนตกหนักในกรุงเทพช่วงบ่าย
แต่พอไปถึงตลาดหัวตะเข้ ปรากฏว่าฟ้าครื้มเฉยๆ
สิ่งที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนที่เคยมาพายเรือเก็บขยะที่นี่คือ มีผู้คนมาร่วมรอลงเรือทำกิจกรรมเยอะกว่าทุกครั้ง
บางท่านจึงต้องรอเพื่อผลัดกันได้ออกรอบ…คนที่ใช้เรือแบบนั่งคู่หัวท้ายก็ต้องฝึกพายให้พร้อมเข้าจังหวะกัน
คนที่พายแคนูเดี่ยวก็ฝึกฝนสักพัก หัดเบรคหัดเลี้ยว เพื่อไม่ให้เรือชนกัน
หลายคนเพิ่งได้จับพายครั้งแรก บางคนไม่แน่ใจว่าว่ายน้ำได้แข็งหรือเปล่า แต่ทุกคนใส่ชีพตามกติกา
เลยทำให้การเริ่มออกจากจุดสตาร์ทมีการใช้เวลาบ้าง
แคนูเดี่ยวมีโอกาสพลิกคว่ำง่าย
การเอื้อมไปคว้าขยะที่ห่างตัวต้องทำอย่างช้าๆ และการพายเข้าหาขยะต้องเล็งให้แม่น เพราะถ้าพายเข้าไปแล้วยังห่างกราบเรือเกินไปก็ต้องถอยมาตั้งลำใหม่
เจ้าของงานบอกว่าดีใจที่มีหนุ่มสาวจากภายนอกพื้นที่ให้ความสนใจและตื่นตัวอยากมีส่วนร่วมมากเกินคาด
เรือพายในชุมชนที่เตรียมไว้จึงไม่พอ แต่ก็ได้อาศัยพี่ๆเรือหางยาวใจดีที่อุตสาห์แล่นชวนกันเองจากคลองข้างเคียงมาช่วยรับผู้ที่ไม่สามารถลงเรือพาย แล้วพาออกไปสำรวจหรือใช้สวิงตักวัสดุที่ลอยน้ำมา
ข้อดีของวันนี้คือฝนไม่เทใส่พวกเรา ไม่มีแดดจัดอย่างเคยๆ แต่วันนี้น้ำมาก
มวลน้ำจึงเคลื่อนดันขยะออกจากใต้เรือนริมน้ำไปเกือบหมด ทำให้ขยะใกล้ตาแทบไม่เหลือให้เห็น แต่เมื่อลุยเข้ากอผักตบผักบุ้งจึงเจอซ่อนอยู่เพียบ
ชาวบ้านเจ้าของถิ่นจึงพายนำพวกเราออกจากหน้าตลาดชุมชนเลี้ยวขึ้นทิศเหนือ สวนน้ำแล้วเลี้ยวอ้อมเข้าทางน้ำที่เป็นซอยตัน (ที่ต้องย้อนกลับทางเดิมที่เข้า เป็นทางแคบ มีชานเรือนเตี้ยๆอยู่ตลอดเส้นทาง )
ลำรางจึงห่างลับตาออกไปไกลเกินกว่าที่กล้องจากฝั่งจะเดินตามไปได้สะดวก
เรือหางยาวที่มาช่วยถึง 5 ลำ กรุณารับลำเลียงขนขยะที่เก็บจากเรือพายเล็กออกไปส่งขึ้นที่ท่าพักขยะของกทมเสียด้วยเลย วันนี้จึงไม่ได้ภาพรวมของกองขยะที่น้องๆเก็บขึ้นจากน้ำมาส่งไว้รวมกัน
อีกอย่าง…พวกเราเกรงใจคุณยายเจ้าของท่าหน้าบ้านที่ให้พวกเราได้ใช้เป็นที่ขึ้นลงเรือด้วย
ค่ำนี้น้องโอ้กเจ้าภาพกิจกรรมและเพื่อนสนิทยังทำภารกิจเก็บล้างเรือ ล้างพาย เกือบสิบลำ รวบรวมเสื้อชูชีพและขัดพื้นไม้ของท่าน้ำให้สะอาดคืนพื้นที่ให้คุณยายอย่างสะอาดสะอ้านสำหรับใช้งานตามปกติของพรุ่งนี้เช้าต่อไป