ThaiPublica > คอลัมน์ > The Last Empress ราชวงศ์อำมหิตจอมสร้างภาพ

The Last Empress ราชวงศ์อำมหิตจอมสร้างภาพ

30 กันยายน 2020


1721955

ถ้าจะมีที่แห่งใดในประเทศที่ก่ออาชญากรรม แล้วยังสามารถเสแสร้งสร้างภาพให้ตัวเองดูดีงามสูงส่งได้อีก ที่แห่งนั้นย่อมเป็นที่กุมอำนาจสูงสุดของประเทศ ไม่สามารถตรวจสอบได้ สามารถลอบสังหาร อุ้มหาย อุ้มฆ่า กักขัง ซ้อมทรมานใครก็ได้อย่างไร้มนุษยธรรม ฆ่าได้แม้แต่คนในครอบครัวตัวเอง สามารถทุจริตทุกรูปแบบ มีธุรกิจเถื่อน อยู่เหนือกฎหมาย ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อหรูหรา มากเมีย แถมยังโฆษณาชวนเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง สร้างเครือข่ายผู้จงรักภักดี มีหน่วยงานกำจัดทุกกรณีคลิปฉาว ข่าวหลุดอันเป็นผลเสียได้ The Last Empress/An Empress Dignity (SBS, 2019) ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ สมมติให้สถานที่แห่งนั้นคือ…วังหลวง

แต่นี่ไม่ใช่ซีรีส์ย้อนยุค ซีรีส์เรื่องนี้เหมือนจักรวาลคู่ขนาน ที่สร้างโลกสมมติขึ้นมาว่า…ถ้าเกาหลียังคงมีราชวงศ์สืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย (แปลว่าโลกสมมตินี้รู้จักสิทธิมนุษยชนแล้ว) อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (แปลว่ามีกษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย สามารถแทรกแซงหน่วยงานรัฐอย่างไรก็ได้) ประเทศเกาหลีสมมตินี้จะเกิดความวุ่นวายในรูปแบบใดบ้าง และจะนำพาให้ราชวงศ์นี้ถึงแก่การล่มสลายได้อย่างไร ทั้งที่มีความมั่งคั่งมั่นคงกุมอำนาจสูงสุดขนาดนี้ ขณะที่ในชื่อเรื่องก็บอกคนดูแต่ต้นแล้วว่านี่จะเป็นราชวงศ์สุดท้าย

The Last Empress เป็นซีรีส์เรตติ้งอันดับ 4 (12.21%) ในชาร์ตเรตติ้งสูงสุดช่องฟรีทีวีในปีที่ผ่านมา (1. The Fiery Priest-SBS, 16.1% 2. When The Camellia Blooms-KBS2, 13.9% 3. Doctor Prisoner-KBS2, 13.2%) กวาดคำชมจากผู้ชมไปล้นหลามจนเรียกร้องให้มีการเพิ่มตอน ซึ่งช่องก็ยอมขยายให้จาก 48 ตอน เป็น 52 ตอนจบ จนกลายเป็นซีรีส์ที่มีจำนวนตอนมากที่สุดในปีที่แล้ว และส่งผลให้ทั้งทีมผู้กำกับและเขียนบทได้รับไฟเขียวทันทีในการผลิตซีรีส์เรื่องต่อมาที่มีเนื้อหาแนวเดียวกัน The Penthouse (ออนแอร์ 26 ตุลาคม 2020)

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ซีรีส์เครียดๆ แต่ครบรสบนพื้นฐานของความสนุก เต็มไปด้วยซีนตลกๆ โดยเฉพาะการหยิบเอาชีวิตอันเลิศหรูที่สร้างภาพว่าสมถะของราชวงศ์มาเสียดสี เต็มไปด้วยซีนบู๊ดุเดือดเมื่อราชวงศ์อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมอันโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มากมาย เต็มไปด้วยช่วงพลิกผันชวนติดตามเมื่ออำนาจในราชวงศ์นี้ยิ่งใหญ่จนมองชีวิตราษฎรเป็นเพียงฝุ่นธุลี ที่แค่เพียงเป่าก็ปลิวสลายไปหรือไม่ก็กำจัดปัดมันซุกไปไว้ใต้พรม เป็นเหมือนผักเหมือนปลาที่จะเหวี่ยงทิ้งต้มยำทำแกงอย่างไรก็ได้ จนเกิดกลุ่มอำนาจต่างๆ ที่ออกมาห้ำหั่นเฉือนคมกัน และมีซีนดราม่ารักโรแมนติกใสๆ เมื่อนางเอกเป็นเพียงสาวโลกสวยในทุ่งลาเวนเดอร์ที่ถูกล้างสมองให้เชื่อคำโฆษณามาแต่อ้อนแต่ออก

ถ้าเล่าจากมุมมองนางเอก โอซอนนี (จัง นา-รา Fated to Love You, Hello Monster, VIP) เธอเป็นลูกสาวเจ้าของร้านไก่ทอดที่แม่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ชีวิตเธออยู่กับพ่อและน้องสาว ส่วนการงานของเธอคือตัวประกอบต๊อกต๋อยในกลุ่มละครเวทีแห่งหนึ่ง และความช่างฝันของเธอตั้งแต่เด็กคือหวังจะได้พบปะใกล้ชิดกับจักรพรรดิอีฮย็อก (ชิน ซัง-รก My Love from the Star, Vagabond) กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเธอถูกเรียกตัวไปประกอบฉากข่าวพระราชกรณียกิจในราชสำนัก ที่สร้างภาพเป็นคนใจกุศลมีเมตตา จู่ๆ ก็มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีหมายเข้ามาจะปลงพระชมน์จักรพรรดิ แล้วด้วยความบังเอิญทำให้นางเอกของเรากลายเป็นฮีโร่สละชีวิตเข้าช่วยพระองค์ จากจุดนี้เองทำให้พระจักรพรรดิเข้ามาใกล้ชิดเธอ จนเลยเถิดให้เธอกลายมาเป็นจักรพรรดินีในราชสำนักแห่งนี้

การล่มสลายของเกาหลีราชวงศ์สุดท้าย

ในซีรีส์นั่นคือราชวงศ์สมมติ แต่ในความเป็นจริงนักประวัติศาสตร์เกาหลีนับพระเจ้าโกจง (มีอายุอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1852-1919) เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โชซอน ทรงขึ้นครองราชย์ในช่วงปี ค.ศ. 1864-1897 ขณะที่มีวัยเพียง 11 ขวบ โดยมีพระบิดา คือ องค์ชายแทวอนกุน เป็นผู้สำเร็จราชการแทน แต่ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจภายในราชสำนัก ที่เต็มไปด้วยขุนนางหัวโบราณเห็นแก่ตัว มีแต่การปรนเปรอราชวงศ์อย่างฟุ้งเฟ้อ และปล่อยปละละเลยให้ประชาชนอยู่อย่างแร้นแค้นตามยถากรรม เปิดช่องให้ฝ่ายญี่ปุ่นที่มีแต่ขุนนางมากความสามารถหัวสมัยใหม่ และมีความสามัคคี ก็ใช้เวลาเพียง 10 ปีทำให้ตัวเองขึ้นเป็นมหาอำนาจในสมัยปฏิรูปเมจิ (ค.ศ. 1868-1912)

พระเจ้าโกจง

ในปี1875 หลังจากบิดาของพระเจ้าโกจงถูกขุนนางรวมหัวกันบังคับให้ลงจากอำนาจ และโกจงขึ้นมามีอำนาจอย่างแท้จริงได้เพียงปีเดียว ญี่ปุ่นก็ส่งราชทูตมาบีบให้โชซอนเปิดประเทศ หลังจากที่ปิดมาเป็นเวลานาน โชซอนยังคงคิดว่าราชวงศ์ชิงของจีนคือมหาอำนาจใหญ่ที่สุด และมองว่าญี่ปุ่นเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ด้อยพัฒนา จึงตอบปฏิเสธ สร้างความไม่พอใจแก่ญี่ปุ่นจึงส่งกองเรือมาบุกยึดเกาะคังฮวา แสดงแสนยานุภาพอันทันสมัย ทำให้โชซอนพ่ายแพ้อย่างง่ายดายและต้องยอมเปิดประเทศ อยู่ใต้อาณัติญี่ปุ่นนับแต่นั้น

แม้โกจงจะเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ แต่ยังดีที่มีมเหสีเก่งกล้าและจงรักภักดีนามว่า มินจายอง ในด้านหนึ่งราชินีมินพยายามอย่างมากในการผลักดันให้ จีน และ รัสเซีย เข้ามาสนับสนุนเกาหลี แต่ในอีกด้านหนึ่ง องค์ชายแทวอนกุนบิดาของพระเจ้าโกจง ก็กลับแปรพักตร์ไปเป็นฝ่ายญี่ปุ่นเสียเอง และดำเนินการในทางลับที่จะขจัดราชินีมิน ในที่สุดเดือนตุลา ค.ศ. 1895 ญี่ปุ่นก็ส่งมือสังหารเข้าไปลอบสังหารราชินีมินลงอย่างเหี้ยมโหด

ราชินีมินจายอง

หลังจากญี่ปุ่นชนะสงครามทั้งกับจีน และรัสเซีย ก็ไม่มีใครกล้าแหยมญี่ปุ่นอีกเลย ปี ค.ศ. 1897 ญี่ปุ่นก็ปลดโกจงลงจากบัลลังก์พร้อมกับควบคุมตัวไปญี่ปุ่น แล้วญี่ปุ่นก็สถาปนาพระเจ้าซุนจง พระโอรสของโกจงเป็นจักรพรรดิเกาหลีในปี ค.ศ. 1907 แต่ก็เป็นเพียงในนามเพราะผู้บริหารราชการตัวจริงคือข้าหลวงใหญ่ญี่ปุ่น (ทำให้นักประวัติศาสตร์ไม่นับซุนจงเป็นจักรพรรดิ) อันเป็นช่วงปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีทั้งประเทศให้เป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่น

พระเจ้าซุนจง

และบาดแผลฝังลึกที่ญี่ปุ่นได้กระทำเอาไว้แก่เกาหลี ต้องไม่ลืมเมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง ญี่ปุ่นก็ใช้หญิงเกาหลีเป็นทาสบำเรอกามให้กับกองทัพญี่ปุ่นในช่วง ค.ศ. 1932-1945 และใช้พลเมืองจีน เกาหลี มองโกล และโซเวียต เป็นหนูทดลองอาวุธทางชีวภาพอันทารุณของ Unit 731 ในช่วง ค.ศ. 1937-1945 (นี่ยังไม่นับความโหดเหี้ยมของญี่ปุ่น ต่อกรณีสังหารหมู่ชาวจีนเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1937 และน่าสนใจว่าหลายประเทศรู้ซึ้งถึงความชั่วร้ายของญี่ปุ่น แต่ในฝั่งไทยกลับสร้างตำนานรักหลอกลวงอย่าง โกโบริ กับ อังศุมาลิน ขึ้นมาแทน แถมยังถูกสร้างเป็นละครกับหนังรวมกันมากถึง 10 เวอร์ชั่น!?)

FYI ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์การล่มสลายของราชสำนัก

Mr.Sunshine (tvN, 2018)
ซีรีส์เรตติ้งอันดับ 2 ในชาร์ตสูงสุดตลอดกาลทางช่องเคเบิล เล่าช่วงเวลาในปลายรัชสมัยของพระเจ้าโกจง เมื่อความรักของคนคู่หนึ่งคั่นกลางอยู่บนความพลิกผันระหว่างความเกลียดชัง ความแค้น และการอยู่รอด ชายหนุ่มชนชั้นทาสที่ต้องกลายมาเป็นกำพร้าระหกระเหินไปอเมริกา ก่อนจะกลับมาในฐานะพลเมืองสหรัฐหัวสมัยใหม่ที่มาพบรักกับหญิงชนชั้นสูง หนึ่งในขบวนการใต้ดินกู้ชาติ ผู้มีอุดมการณ์ชาตินิยม ในช่วงเวลาที่ไม่อาจคาดเดาอนาคตข้างหน้า และแยกไม่ออกว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู เมื่อฝั่งเธอมีประวัติเข่นฆ่าครอบครัวของฝ่ายชาย ความเข้มข้นทางการเมืองก็ยิ่งซับซ้อนจนใจสลาย

China Last Princess (TV Asahi, 2003)
ซีรีส์นี้เสมือนตอนต่อจากหนังออสการ์อันลือลั่น The Last Emperor (1987) ที่เรื่องนั้นเล่าถึง ผู่อี๋ ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีน แต่ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้เลือกจะเล่าในมุมที่โลกไม่ค่อยรู้จักว่า แท้จริงแล้วผู่อี๋ยังมีอนุชาอีกพระองค์ คือ ผู่เจี๋ย ที่เกี่ยวพันกับจักรวรรดิ์ญี่ปุ่น เพราะผู่เจี๋ยเดินทางไปศึกษาต่อในญี่ปุ่น และสมรสกับสตรีชนชั้นสูงชาวญี่ปุ่นนามว่า ฮิโระ ซางะ ขณะที่ผู่อี๋ยังไม่มีทายาท แต่ผู่เจี๋ยมีธิดา 2 องค์ และฝ่ายญี่ปุ่นสนับสนุนผู่เจี๋ยขึ้นบัลลังก์เพราะหวังผลทางการเมือง เวลานั้นเองราชวงศ์ชิงของพระองค์ก็มีอันล่มสลาย เมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ

La Révolution (Netflix ฝรั่งเศส, 2020)
ที่มาของคำขวัญที่ว่า “เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ” มาจากการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789 ที่แต่เดิมมีติ่งห้อยท้ายด้วยว่า “หรือความตาย” ซีรีส์ล่าสุดจาก Netflix ที่เพียงโปสเตอร์ก็สร้างความฮือฮาไม่น้อย ภาพหัวเปื้อนเลือดสีน้ำเงิน สื่อชัดเจนถึงชนชั้นกษัตริย์สายเลือดน้ำเงินแท้ ตัวซีรีส์จะดำเนินโดยตัวละครที่กาลต่อมาจะให้กำเนิดเครื่องตัดหัวอันลือลั่นเรียกว่า “กิโยติน” แต่ซีรีส์นี้จะตีความในมุมใหม่ เมื่อสาเหตุที่ทำให้พวกกษัตริย์คลั่งไล่ล่าคร่าไพร่มาจากเชื้อร้ายชนิดหนึ่ง ทำให้บรรดาไพร่ทาสสามัญชนจำต้องร่วมกันปลดแอกก่อปฏิวัติ

Alternate history
การสมมติประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ใน The Last Empress ไม่ใช่เพิ่งจะมี กลวิธีเล่าเรื่องแบบนี้เรียกว่า ประวัติศาสตร์ทางเลือก (Alternate history บ้างก็เรียก Allohistory) เป็นการตั้งสมมติฐานแบบ What if คือเรื่องราวจะเป็นอย่างไรถ้า ซึ่งมีหลักฐานเก่าแก่พบมาตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาล ขณะที่ในโลกสมัยใหม่เฟื่องฟูมากในช่วงยุค 50s ด้วยการหยิบประวัติศาสตร์มาเขียนใหม่ในแบบไซ-ไฟ หรือผนวกเข้ากับเทพนิยายปรัมปรา

FYI ซีรีส์แนวประวัติศาสตร์ทางเลือก

The Man in the High Castle (Amazon, 2015-2019, 4 ซีซั่น)
ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะเสมอ แล้วประวัติศาสตร์นี้จะเขียนออกมาอย่างไร เมื่อซีรีส์เรื่องนี้สมมติให้ฝ่ายอักษะ (โรเบอร์โต-โรม, เบอร์ลิน, โตเกียว) เป็นฝ่ายชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้ฝ่ายเยอรมนีและญี่ปุ่นได้ตกลงแบ่งครึ่งกันปกครองชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เรื่องราวในจักรวาลสมมติแห่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะเมื่อนาซียังดำรงอยู่ ฮิตเลอร์ยังไม่ตาย และจักรวรรดิญี่ปุ่นมีอำนาจเกริกไกร

11.22.63 (Hulu, 2016)
ดัดแปลงจากนิยายดังชื่อเดียวกันของ สตีเฟน คิง และอำนวยการสร้างโดย เจเจ แอบรัมส์ (ซีรีส์ Lost, หนัง Star Wars: Episode VII และ IX, Star Trek) เรื่องของครูสอนภาษาอังกฤษหนุ่ม (เจมส์ ฟรังโก-ซีรีส์ James Dean, หนัง Spider-Man, Milk) ที่จู่ๆ ก็ได้รับภารกิจย้อนเวลากลับไปในวันลอบสังหาร จอห์น เอฟ. เคนเนดี อันเป็นคดีที่ทิ้งปมคาใจไว้มากมาย แต่เขาต้องไปถึงก่อนวันนั้นล่วงหน้านานถึง 3 ปี อันเป็นช่วงต้นยุค 60 ที่มีการกีดกันทางสีผิวขั้นรุนแรง และสังคมกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกเสรี ผ่อนคลายกรอบกฎเก่าๆ ที่คนรุ่นก่อนบีบรัดเอาไว้

SS-GB (BBC One, 2017)
ซีรีส์อังกฤษที่สมมติให้ฝ่ายอักษะชนะสงคราม ฝ่ายนาซีเข้ายึดครองอังกฤษและสั่งประหารนายกฯ วินสตัน เชอร์ชิล ส่วนพระเจ้าจอร์จที่ 6 ก็ถูกจำคุก และแม้แต่พระราชินียังต้องหนีบลูกสาวทั้งสอง เอลิซาเบทกับมากาเร็ต ลี้ภัยไปต่างแดน ก่อให้เกิดหน่วยงานใต้ดินต่อต้านนาซี ขณะที่ในโลกความจริงอาจมองว่านาซีเป็นฝ่ายชั่ว แต่ซีรีส์นี้กลับสร้างให้ทุกตัวละครเทาๆ คือมีทั้งด้านดีและด้านร้ายอยู่ด้วยกันทั้งฝ่ายนาซีและฝ่ายอังกฤษ ต่างคนจึงต่างมีเหตุผลและผลประโยชน์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจที่ทำแต่ละสถานการณ์แปรเปลี่ยนไป และคาดเดาไม่ได้ เพราะนาซีก็มีด้านดี และฝ่ายอังกฤษก็อาจเล่นสกปรกได้

1983 (Netflix โปแลนด์, 2019)

ทุกประเทศมีความลับซ่อนอยู่ ผู้ก่อกบฏ 3 คนทำทุกวิถีทางเพื่อค้นหาความจริงเบื้องหลังความลวง เหตุการณ์ก่อการร้ายรุนแรงในปี ค.ศ. 1983 ทำให้การปลดปล่อยโปแลนด์ยุติลง และตามมาด้วยสหภาพโซเวียตล่มสลาย จนกระทั่ง 20 ปีต่อมาในปี ค.ศ. 2003 ผู้นำรัฐบาลก็วางแผนลับกับศัตรูเก่าหาทางปฏิวัติโปแลนด์เพื่อทวงคืนม่านเหล็ก และรวบโปแลนด์ให้กลายเป็นรัฐเผด็จการตำรวจ

ใน The Last Empress จักรพรรดิและพระพันปี มักจะฝันร้าย หวาดวิตกว่าจะถูกล้มล้าง และเชื่อเสมอว่ามีฝ่ายล้มเจ้า อันเป็นเหตุผลที่พวกท่านต้องคอยกำจัดคนเห็นต่างออกไปรัวๆ ด้วยสารพัดวิธีฉ้อฉลชั่วร้าย แต่อำนาจคับฟ้าขนาดนี้ ย่อมไม่มีใครสามารถทลายลงได้ มีก็แต่ตัวท่านเองทั้งนั้นที่ทำลายตัวเองด้วยความฟอนเฟะจอมปลอมที่ถูกหมักหมม จนทะลักออกมาให้ราษฎรตาสว่างกันรัวๆ