ThaiPublica > เกาะกระแส > คลังเปิดตัว “คนละครึ่ง – เติมเงินบัตรคนจน” คาดเงินสะพัด 8.1 หมื่นล้าน ปั้ม GDP เพิ่ม 0.25%

คลังเปิดตัว “คนละครึ่ง – เติมเงินบัตรคนจน” คาดเงินสะพัด 8.1 หมื่นล้าน ปั้ม GDP เพิ่ม 0.25%

29 กันยายน 2020


นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

คลังเปิดตัว “คนละครึ่ง – เติมเงินบัตรคนจน” คาด 3 เดือนเงินสะพัด 8.1 หมื่นล้าน ปั้ม GDP เพิ่ม 0.25% กรุงไทยพร้อมเปิดลงทะเบียน 16 ต.ค.นี้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในคราวประชุมครั้งที่ 21/2563 ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ซึ่งมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง 2 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และ (2) โครงการคนละครึ่ง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรฯ ประมาณ 14 ล้านคน ในช่วงที่มีสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งทำให้กลุ่มผู้มีบัตรฯ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ มีรายได้ลดลงและไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาทดแทนได้ โดยโครงการฯ จะเป็นการช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม 2563 เป็นวงเงินรวม 21,000 ล้านบาท อันจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้มีบัตรฯ สามารถดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานในช่วงที่มีสถานการณ์ COVID-19 ได้ และส่งผลต่อเนื่องในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และมีความเปราะบางทางด้านทรัพย์สินและหนี้สิน อีกทั้ง โครงการดังกล่าวยังก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ

2.โครงการคนละครึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มหาบเร่ แผงลอย เพื่อให้มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไปผ่านฝ่ายของผู้ซื้อร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ เป็นวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ซึ่งการร่วมจ่ายคนละครึ่งนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและจะช่วยเติมกำลังซื้อของประชาชน เพื่อให้มีการใช้จ่ายหมุนเวียนไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างต่อเนื่องเป็นเงิน 60,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จะเริ่มให้ประชาชนผู้ที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น. – 23.00 น. จำกัดจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน โดยผู้ได้รับสิทธิต้องยืนยันตัวตนผ่าน g-Wallet แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” อีกขั้นตอนหนึ่งด้วย จึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการเพื่อรับสิทธิได้ ซึ่งการใช้จ่ายจะมีช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563 ในเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ซึ่งผู้ได้รับสิทธิจะต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ตนได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิหรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก โดยสิทธิที่ถูกตัดจะนำไปเปิดให้ลงทะเบียนใหม่

สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น. – 23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านทางสาขาธนาคารกรุงไทย โดยธนาคารกรุงไทยจะช่วยติดตั้งแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” เพื่อใช้ในการรับชำระเงินจากการขายสินค้า กระทรวงการคลังคาดว่า โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่งจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย และช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 81,000 ล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 24 ล้านคน ซึ่งจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2563 และส่งแรงขับเคลื่อนต่อเนื่องไปยังปี 2564

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

คาด 2 โครงการเงินสะพัด 8.1 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ 0.25%

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า โครงการเพิ่มกำลังซื้อทั้ง 2 โครงการ รัฐบาลตั้งใจให้เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเศรษฐกิจฐานราก โดยโครงการเพิ่มกำลังซื้อของกลุ่มบัตรสวัสดิการคนจน มีเม็ดเงิน 21,000 ล้านบาท และโครงการคนละครึ่งจะมาจากรัฐบาล 30,000 ล้านบาท และประชาชนที่จ่ายสมทบอีกครึ่งหนึ่ง 30,000 ล้านบาทเช่นกัน ทำให้ทั้ง 2 โครงการมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจถึง 8.1 หมื่นล้านบาท มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ(GDP) ดีขึ้นมาราว 0.25% จากล่าสุด ธปท. คาดการณ์ GDP ติดลบ 7.8%

สำหรับร้านค้าหาบเร่แผงลอยเล็กๆ คาดว่าจะเข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก 1 แสนร้าน จากก่อนหน้านี้มีร้านค้าต่างๆของโครงการชิมช็อปใช้ และโครงการเราเที่ยวด้วยกันรวมอยู่แล้ว 1 แสนร้าน

“อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะใช้เงินในโครงการคนละครึ่ง จะต้องมีเงินอยู่ในแอปเป๋าตังค์ด้วย และใช้กับร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ “คนละครึ่ง” ติดไว้หน้าร้านด้วย จึงจะสามารถใช้เงินรัฐจ่ายได้สำเร็จ และผมขอเรียนย้ำว่า ข้อมูลต่างๆที่อยู่ในโครงการนี้ไม่ว่าร้านค้า ก็จะไม่ถูกนำไปประมวลผลเรียกเก็บภาษี เพราะเป็นข้อมูลที่ใช้เฉพาะคลัง ไม่ได้ส่งให้กรมสรรพากรแน่นอน”

สำหรับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการมี 3 วิธี คือ 1. ธนาคารกรุงไทยส่งพนักงานสาขากว่า 1,000 แห่ง ลงพื้นที่เชิญชวนร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 2. ร้านค้าลงทะเบียนเองผ่านเว็บไซด์ดังกล่าว และ 3 ร้านค้าสามารถแจ้งความประสงค์กับทางอบต. หรือเทศบาล เพื่อขอเข้าร่วมโครงการ ซึ่งอบต.หรือเทศบาลจะส่งรายชื่อให้ธนาคารกรุงไทย เข้ามาติดต่อประสานงานการลงทะเบียนดังกล่าว

“สำหรับการติดตามประมวลผลของผู้เข้าร่วมทั้ง 2 โครงการ เราจะมีการติดตามอยู่ตลอด เวลาเกิดความผิดปกติของรายการที่ใช้ของผู้ใช้หรือร้านค้า ระบบจะมีการเตือนภัย เพราะนั้นเราตรวจสอบการใช้ทุกระยะ เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ร้านค้าเล็กๆจริง อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาอุปสรรคในระหว่างทาง ก็จะสามารถปรับเพื่อตอบโจทย์คนใช้ได้เหมือนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน” นายลวรณกล่าว

กรุงไทยพร้อมเปิดลงทะเบียน 16 ต.ค.นี้

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรองรับพี่น้องประชาชนจำนวน 10 ล้านคนที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยเมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์แล้วจะมี SMS แจ้งผลการลงทะเบียน จากนั้นให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อยืนยันตัวตนใช้สิทธิ์ผ่าน G-wallet โดยสามารถรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ใช้จ่ายตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 ทั้งนี้ ร้านค้าและประชาชนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆได้ที่สาขาทั่วประเทศทั้ง 1,014 แห่ง ซึ่งพนักงานทุกสาขามีความพร้อมในการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าและประชาชน นอกจากนี้ธนาคารยังได้เตรียมสื่อประชาสัมพันธ์ ทั้ง Banner Leaflet ธงติดหน้าร้านให้กับร้านค้า หรือ ร้านหาบเร่แผงลอยต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นจุดสังเกตให้ประชาชนสามารถเข้ามาใช้สิทธิ์

“ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เว็บไซด์ www.คนละครึ่ง.com จะเปิดให้ลงทะเบียนในส่วนของร้านค้าหาบเร่แผงลอยที่ต้องการเข้าร่วมโครงการก่อน ส่วนประชาชนจะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ซึ่งมั่นใจว่า ระบบของธนาคารมีความพร้อมรองรับการรลงทะเบียนในวันแรกของทั้งร้านค้าและประชาชน โดยไม่มีปัญหาระบบล่มแน่นอน เพราะสามารถรองรับธุรกรรมได้ถึง 5,000 รายการต่อวินาที” นายผยง กล่าว

นายผยงกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผ่านโครงการชิมช้อปใช้ โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการไทยชนะ และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งสามารถรองรับการลงทะเบียนได้รวมกว่า 30 ล้านคน โดยธนาคารยังคงยืนหยัดเคียงข้าง และร่วมกับภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ในการดูแลลูกค้าและประชาชน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน รวมทั้งร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ