ThaiPublica > เกาะกระแส > 8 องค์กรภาคีร่วมทำโครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” ระดมความคิดนำประเทศไทยผ่านวิกฤติ-พัฒนาอย่างยั่งยืน

8 องค์กรภาคีร่วมทำโครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” ระดมความคิดนำประเทศไทยผ่านวิกฤติ-พัฒนาอย่างยั่งยืน

21 สิงหาคม 2020


หม่อมราชวงศ์ ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ

แปดองค์กรภาคีร่วมทำโครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” ระดมความคิดจากสถาบันวิชาการชั้นนำ ภาคธุรกิจ และประชาชนหาแนวทางนำประเทศไทยผ่านวิกฤติและพัฒนาอย่างยั่งยืน

หม่อมราชวงศ์ ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยประสบกับอุปสรรครุนแรงจากทั้งภายนอกและภายใน ได้แก่ การเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาจนมีการปิดกั้นตลาดระหว่างกัน การเกิดภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในช่วง 40 ปี จนมาถึงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเรื่องต่าง ๆดังกล่าวล้วนส่งผลกระทบกับไทยอย่างรุนแรง

“แต่เมื่อมีการหารือกัน เกิดมุมมองว่าเหตุการณ์ทั้งสามอย่างเป็นเพียงปลายเหตุของวิกฤติในครั้งนี้ เพราะโดยความจริงประเทศของเราสะสมปัญหาไว้นานแล้ว เช่นเรื่องความเหลื่อมล้ำ การศึกษาที่ไม่ตอบโจทย์การพัฒนาชาติ ที่ล้วนแต่กระทบความสามารถทางการแข่งขันของไทยมาอย่างต่อเนื่อง”

ดังนั้นจึงเป็นที่มาของแปดองค์กรที่จะช่วยกันมองและหาทางในการนำประเทศผ่านวิกฤตในครั้งนี้ ประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันนโยบายสาธารณะและการพัฒนา สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยมูลนิธิปิดทองหลังพระ ฯ และสำนักข่าวไทยพับลิก้าเป็นผู้ประสานงานโครงการ

โครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” มีกรอบคิดหรือประเด็นการวิเคราะห์ที่สำคัญ เช่น 1)บริบทของสังคมโลก และประเทศไทยก่อนวิกฤติโควิด 19 และเมื่อโควิด 19 ได้ส่งผลอะไรต่อสังคมโลกและประเทศไทย 2)สังคมโลกต้อง “เปลี่ยน” และประเทศไทยต้อง “ปรับ” อะไร และทิศทางที่ควรจะเป็นเป็นเช่นไร 3)คนไทยมีความพร้อมต่อการปรับเปลี่ยนมากน้อยเพียงใด และหากจำเป็นต้องปรับ หรือเปลี่ยนต้องเตรียมการอย่างไร และ 4)หารูปแบบหรือโมเดลการขับเคลื่อนสังคมไทย

ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้หลาย ๆ อาชีพพบกับความเสี่ยงและความเปราะบางว่าในอนาคตอันใกล้หรืออาจจะไม่มีงานทำแล้ว ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ภาวะโลกร้อน หรือจากโควิด-19 ก็ตาม

“คนจำนวนมากอาจจะต้องเปลี่ยนอาชีพ การศึกษานี้เราก็อยาก ดูว่าอุปสรรคต่าง ๆ มีอะไรบ้างเพื่อที่จะได้หาแนวทางในการลดข้อจำกัด ทำให้ปรับตัวได้ง่ายขึ้น หลาย ๆ คนอาจจะทราบว่าอาชีพตัวเองมีความเสี่ยง ไม่ทราบว่าตัวเองมีทักษะอะไร โครงการนี้ส่วนหนึ่งก็คือเราพยายามจะพูดคุยในวงกว้างว่าอุปสรรคของเขาอยู่ตรงไหน เพื่อที่จะมาหาทางรอดไปด้วยกัน”

คณะทำงานจัดแบ่งลำดับงานออกเป็นสามส่วนหลัก ประกอบด้วย การศึกษาวิเคราะห์ภาพรวมของประเทศไทยก่อนและหลังการเกิดโควิด-19 เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนในด้านต่าง ๆ ซึ่งมี ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์ ดร.ณชา อนันต์โชติกุล สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นผู้กำกับดูแล การศึกษาผลกระทบของประชาชนภาคส่วนต่าง ๆ โดย ดร.เนื้อแพร เล็กเฟื่องฟู เป็นผู้กำกับดูแล และการรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งมี รศ.ดร.กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณทิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้ดำเนินการ

ทั้งนี้โครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” กำหนดจะออกรับฟังความเห็นทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคใต้ที่หาดใหญ่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขอนแก่น ภาคเหนือที่เชียงใหม่ ภาคตะวันออกที่ชลบุรี จากนั้นคณะวิชาการจะได้ทำการรวบรวมทั้งงานทางวิชาการและความคิดเห็นของประชาชนเพื่อเสนอต่อรัฐบาลและประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบในเดือนพฤศจิกายน

“พวกเราทุกองค์กรทุ่มเทระดมความคิดกันมาหลายเดือนก่อนจะมาเริ่มทำโครงการ เพราะนี่คือโอกาสที่สำคัญที่สุดที่คนไทยทุกคนจะร่วมคิด พลิกฟื้นประเทศของเราได้ ข้อเสนอแนะของทุกคน ทุกภาคส่วนจะเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น”

คณะผู้ดำเนินโครงการขอเชิญชาวไทยทุกคนร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อแนะนำมายังมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ (www.pidthong.org) และ สำนักข่าวไทยพับลิก้า([email protected])