ThaiPublica > Sustainability > Contributor > ขยะทะเล : พิธีสาร ลอนดอน 1996 ที่ชาวอาเซียนพึงรู้

ขยะทะเล : พิธีสาร ลอนดอน 1996 ที่ชาวอาเซียนพึงรู้

28 กรกฎาคม 2020


รายงานโดย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ขยะในคลอง

คนยุคนี้เข้าใจกันกว้างขวางขึ้นมาก ว่าในที่สุดแล้วพลาสติกทุกชิ้นจะมีอายุนานกว่าเต่า คือจะคงรูปนานกว่า 300 ปี ขึ้นไป

ใน 300 ปี พลาสติกทุกชิ้นที่ไม่ถูกนำกลับไปรีไซเคิลหรือเผาเป็นพลังงาน ในที่สุดจะเคลื่อนถึงแหล่งน้ำแล้วไหลลงทะเลจนได้

จากนั้นมันจะไม่สลายเปื่อยหายเป็นปุ๋ยเป็นดิน แต่ยุ่ยเป็นไมโครพลาสติก ที่มีขนาดจิ๋วจนเข้าไปอยู่ในสัตว์น้ำทุกประเภทต่อไป

ดังนั้น ขยะพลาสติกในทะเลจึงทยอยเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ตั้งแต่กุ้งหอยปูปลา มาจนถึงสาหร่ายทะเลและนกทะเล ซึ่งมนุษย์กินต่ออีกที

ไมโครพลาสติกจะส่งผลอย่างไรต่อมนุษย์บ้าง ยังต้องวิจัยติดตาม แต่คงไม่ทำให้ฉลาดขึ้นหรืออายุยืนยาวแข็งแรงแน่

การรักษาทะเลให้สะอาดจึงจำเป็น

มนุษย์มักมองว่ามหาสมุทรใหญ่กว่าแผ่นดินมาก

แม้เอาภูเขา แผ่นดิน ทั้งหมดไปถมทะเล ก็จะเหลือแผ่นมหาสมุทรที่ใหญ่กว่า 7 ทวีป รวมกันอยู่นั่นเอง คือทั้งกว้างทั้งลึก

ในอดีต เมื่อมนุษย์คิดค้นกฏหมายขึ้นมา จึงมองทะเลเป็นเพียงอาณาเขตอย่างหนึ่งของเผ่าพันธุ์

การใช้กฏหมายทะเลตั้งแต่เริ่มจึงเน้นเรื่อง ทะเลอาณาเขต

โดยใช้วิชาสมุทรศาสตร์น้ำขึ้นน้ำลงปานกลาง และวิธีทางคณิตศาสตร์ มากำหนดเส้นฐานที่ฝั่ง แล้วตกลงกันว่า ทะเลอาณาเขตของรัฐใดๆในโลก ให้นับออกไป 12 ไมล์ทะเล คือราวๆ 22 กิโลเมตรบนบก

ใครมาทำอะไรในเขตนี้ เท่ากับทำกิจกรรมใต้กฏหมายที่ผู้คนบนรัฐชายฝั่งถูกกำหนดไว้ ใช้อำนาจรัฐลุยลงทะเลไปบังคับกิจกรรมเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์

ต่อมามีการรับรองเขตออกไปเป็น 200 ไมล์ทะเล ที่เรียกว่าเขตเศรษฐกิจจำเพาะ นอกจากนั้นยังกำหนดเรื่องอำนาจตามเขตไหล่ทวีปอีกแนว โดยถือว่าแร่ใต้น้ำ ปลาในทะเล เป็นสมบัติของรัฐชายฝั่ง ใครจะมาจับมาขุดเอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ไม่ได้

เล่ามามีแต่เรื่องขอบเขตและทรัพยากรทั้งนั้น

ยังไม่มีเรื่องระบบนิเวศน์ทางทะเลสักเท่าใด

เมื่อมนุษย์เข้าใจวงจรธรรมชาติกับห่วงโซ่อาหารจากทะเลดีขึ้น ก็มีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพของวงจรทางทะเลเกิดขึ้น

การทิ้งเทสิ่งที่เป็นขยะจากเรือ ปรากฎอยู่ในข้อตกลงระหว่างประเทศประเภทหนึ่ง ที่ชาวเรือไทยรู้จักความตกลงนี้ว่า พิธีสาร Ma Po (Marine Pollutions ) หรืออนุสัญญาป้องกันมลพิษจากเรือ 1978 และไทยเข้าเป็นภาคีไปบางฉบับ

ส่วนการทิ้งเทสิ่งที่ไม่ประสงค์จากบนแผ่นดินด้วยการขนออกมาทิ้งใส่ทะเล ปรากฏในอีกความตกลงหนึ่ง อันเป็นที่มาของอนุสัญญาระหว่างประเทศ ฉบับปี 1972 เรียกชื่อย่อกันว่า อนุสัญญาลอนดอน 1972

แต่ 20 ปี ต่อมา ประชาคมระหว่างประเทศเห็นว่าสิ่งที่ตกลงกันในปี 1972 ยังไม่ทันสมัย เลยขยับมาสร้างพิธีสารฉบับ 1992
เรียก London Protocal 1992 มีสถานะเป็นสนธิสัญญาเอกเทศแยกต่างหาก

ขยะในทะเล

กำหนดหลักการใหม่ๆเข้าไปในเวทีประชาคมกฏหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศอีกสองหลัก

หนึ่งคือหลัก 2P หรือ Precautionary Principle เน้นว่าควรป้องกันล่วงหน้า อย่ารอให้เกิดปัญหากับทะเลแล้วค่อยมาตามแก้ไข

สองคือหลัก 3P หรือ Polluters Pays Principle ระบุว่าใครก่อมลพิษก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่าแก้ไขมลพิษนั้นๆ

เดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาปีนี้ (2563) รัฐบาลไทยเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาไทยในการไปเข้าเป็นภาคีสมาชิกพิธีสาร London Protocal 1992 และรัฐสภาได้พิจารณาแล้ว เห็นชอบด้วย

ชื่อเป็นทางการคือ พิธีสาร ค.ศ. 1996 ของอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันมลภาวะทางทะเล เนื่องจากการทิ้งวัสดุเหลือใช้และวัสดุอย่างอื่น ค.ศ.1972

แปลว่าไทยได้ภาคยานุวัตรเข้าเป็นสมาชิกพิธีสารนี้ตามหลังบรรดาประเทศที่โดดเข้าร่วมไปก่อนหน้า 53 ประเทศ ซึ่งคิดเป็น 40.74% ของชาติที่เป็นเจ้าของกองเรือที่มีในโลก

อาเซียนยังไม่มีชาติใดเข้าเป็นภาคีพิธีสารนี้นอกจากฟิลิปปินส์ ที่เข้าไปก่อนหน้า

แปลว่านับแต่นี้รัฐไทยจะมีอำนาจห้ามใครๆทั้งไทยหรือเทศ เอาอะไรก็ตามที่ไม่อยากให้อยู่บนบกไป ทิ้ง ไปเท หรือไปเผาทิ้งทำลายอยู่ในเขต 200 ไมล์ทะเล จากชายฝั่งของไทย หรือแม้แต่ไหล่ทวีป ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน

ไม่ว่าจะทำโดยบินอากาศยานเข้ามาโปรย จะแล่นเรือเข้ามาทิ้งเท หรือจะลอยทุ่น บังคับวิทยุอะไรเข้ามา เพื่อจมมันลงหรือเผามันทิ้ง ก็ไม่ได้

ห้ามเด็ดขาด ยกเว้นกิจกรรม 8 ประเภทที่อนุสัญญานี้ระบุไว้ในเอกสารแนบ ที่รัฐชายฝั่งอาจพิจารณาอนุญาตได้เมื่อมีการกำหนดวิธีที่ปลอดภัยกันแล้วเช่น การทิ้งตะกอน ทิ้งวัสดุขุดลอก ทิ้งเศษอินทรียวัตถุจากอุตสาหกรรมแปรรูปการประมง การจมเรือลงก้นทะเล การจมแท่นขุดเจาะพลังงานลงในทะเล แถมข้อตกลงนี้ยังก้าวหน้าไปถึงความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยี ที่วันหนึ่งจะมีกิจกรรมป้องกันภาวะโลกร้อนด้วยการสกัดเอาคาร์บอนไดออกไซด์มากักเก็บในภาชนะแล้วฝังลงไปใต้ทะเล

ไทยมีกฏหมายภายในเกี่ยวกับทะเลไม่มากฉบับนัก และกฏหมายแม่บทที่มี ก็ไม่ชัดว่าครอบคลุมถึงกิจกรรมถึงเขต 200 ไมล์ทะเลและไหล่ทวีปแค่ไหน

ที่มีไปถึงได้ ก็เน้นเฉพาะกิจกรรมที่เป็นอันตรายต่อปลาและสัตว์น้ำ เพราะนั่นคือกฏหมายประมงของไทย ซึ่งไม่ใช่กฏหมายเพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตรงๆ

ส่วนกฏหมายการเดินเรือในน่านน้ำไทย ก็เป็นกฏหมายเก่าแก่อายุเกินร้อยปี จึงไม่มีหมวดหมู่หรือหลักการที่ทันสมัยเพียงพอจะระบุเรื่องคุณภาพสิ่งแวดล้อมและวงจรระบบนิเวศน์ในทะเลชัดๆ

การเข้าเป็นภาคีพิธีสาร London จึงทำให้ในไม่ช้า รัฐบาลไทยจะต้องเสนอร่างพระราชบัญญัติใหม่ตามมาให้รัฐสภาเห็นชอบ สำหรับใช้ป้องกันมลพิษทางทะเล เพื่อระบุว่าการทิ้ง การเท การเผา การละทิ้ง สิ่งใดๆ ไม่ว่าจะโดยวิธีใด ในเขตทะเลทุกประเภทของไทย เป็นกฏหมายภายใน ห้ามอย่างมีข้อกำหนดและอนุบัญญัติที่เพียงพอ

และมีอำนาจยกเว้น8 กิจกรรมข้างต้นที่ให้ขออนุญาตอย่างเปิดเผยต่อรัฐบาลไทย ซึ่งคงต้องมีบทบาทร่วมกันหลายหน่วยในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตด้วยเงื่อนไขและวิธีการที่ทันสมัย ใช้ความรู้ ความรับผิดชอบและมีเทคโนโลยีที่สามารถเปิดเผยตรวจสอบได้

หลายปีที่ผ่านมา นับแต่รัฐบาลจีนสั่งให้หยุดรับซื้อขยะนำเข้าจากประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อก้าวสู่ยุคพัฒนาทันสมัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งขยะพลาสติกจำนวนมากที่หาทางหลบกฏระเบียบที่เข้มงวดจากประเทศต้นกำเนิดก็เริ่มถูกส่งเข้ามาในอาเซียนเพื่อให้พ้นๆตัวไป

เพราะประเทศแถบนี้ยังอ่อนแอทั้งด้านหลักกฏหมายภายใน และอ่อนแอด้านความตระหนักรู้ภัยของขยะและมลพิษทะเล

ใครจะรู้ ว่ามีขยะของเสียกี่ส่วนที่ลักลอบหรือตบตาเจ้าหน้าที่จนสามารถเข้าถึงบนแผ่นดินได้ และยิ่งไม่มีใครรู้แน่ ว่ามีอีกเท่าไหร่ที่ ทิ้งเทลงทะเลไปเฉยๆเสียตั้งแต่ยังไม่เข้าถึงฝั่ง

อำนาจระดับรัฐในอาเซียนจึงควรเพิ่มพลังแก่กันในการตรวจตรา ลาดตระเวน เฝ้าระวังพฤติกรรม midnight run อย่างที่เคยเกิดมากในสหรัฐเมื่อสี่สิบปีก่อน ตามทุ่ง ตามป่าข้างถนน ที่รถบรรทุกกากอุตสาหกรรมแอบแล่นไปเททิ้งในที่ลับตา กว่าจะรู้ก็เมื่อถังเหล็กถังไวนิลเหล่านั้นแตกเสียหาย ในหลายๆปีต่อมา จนกระทั่งสารพิษไหลลงระบบน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน กว่าชาวบ้านผู้รับเคราะห์ออกค้นหาสาเหตุ จึงได้ไปเจอเข้า ซึ่งแก้ไขยากแล้ว

เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นคดีตัวอย่างที่พวกผมใช้เล่าเรียนในช่วงปี 1991-1992 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วารด์ วิชากฏหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งยังนับเป็นวิชาใหม่ๆในสมัยนั้น

แต่บัดนี้กิจกรรมทำนองเดียวกันได้กลายมาเป็นการทิ้งเทขนาดใหญ่นอกประเทศ แหล่งกำเนิดด้วยเรือขนส่งที่แล่นผ่านน่านน้ำต่างๆที่มีระบบอ่อนแอกว่าในการป้องกัน

สำหรับเราคนไทยที่อยู่ในกระแสเริ่มตื่นตัวเรื่องขยะพลาสติก การงดแจกถุงพลาสติกตามร้านสะดวกซื้อ การเตรียมยกเลิกหลอดดูดพลาสติกและโฟมบางบรรจุอาหารในปีหน้า ก็น่าเชื่อว่าคงพอใจกับการที่ไทยเข้าร่วมกติกาสากลเรื่องการรักษาทะเลไม่ให้ต้องรับสารพิษและขยะสารพัดข้างต้น

เราสะเทือนใจกับการตายของพะยูน วาฬ และโลมา รวมทั้งเต่าทะเลมานับไม่ถ้วนแล้ว

แถมไทยติดอันดับที่ 6 ในฐานะชาติผู้ปล่อยขยะลงทะเลของโลก

พิธีสาร London ที่เพิ่งผ่านรัฐสภาไปเดือนกรกฎาคม 2563 คงจะช่วยให้สังคมไทยสามารถขยับใช้มาตรการต่างๆที่ภาครัฐและประชาสังคมจะนำออกมาใช้คุ้มครองทะเลและระบบนิเวศน์กันอย่างเข้มแข็ง และช่วยกันหาวิธีชดเชยเพื่อลดการใช้พลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษจากช่วงโควิดระบาดในปีนี้ให้ได้ร่วมกัน